สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เมื่อเวลาประมาณ 06.30 น. วันที่ 14 มี.ค. ผู้สื่อข่าว จ.ลำปางรายงานว่า เกิดปรากฎการณ์ลำแสงประหลาดพาดผ่านท้องฟ้าทางทิศตะวันออก  มีลักษณะคล้ายดาวหาง หรือวัตถุบางอย่างที่ตกลงมาจากท้องฟ้า

โดยค่อยๆ ตกลงมาอย่างช้าๆ เป็นเวลานานถึง 5 นาที ก่อนจะจางหายไป  ทำให้ชาวบ้านที่พบเห็นเหตุการณ์ต่างพากันมาดูและจับกลุ่มกันวิพากษ์วิจารณ์  เพราะไม่เคยเห็นลำแสงที่พุ่งยาวขนาดนี้มาก่อน

เพราะส่วนใหญ่ที่เห็นคือจะเป็นแบบผีพุ่งใต้คือลำแสงเป็นสั้นๆ เท่านั้นและจะเกิดตอนกลางคืนที่มืดสนิท แต่ลำแสงที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เกิดขึ้นช่วงเช้าตรู่ ซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน

ชาวบ้านบางรายที่เห็นเหตุการณ์บางคนถึงกับขอพรและอธิฐานจิตให้สำเร็จในสิ่งที่มุ่งหวังและทำตามความเชื่อในเรื่องต่างๆที่เคยทำมาแต่ก่อนถึงแม้จะไม่รู้ว่าลำแสงที่เห็นนั้นเป็นอะไรก็ตามแต่ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีในการดำเนินชีวิตในวันใหม่


จากนั้นผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง นายเดชพสิษฐ์ เดชะบุญ  นักวิชาการศึกษา ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ต.บ่อแฮ้ว อ.เมือง จ.ลำปาง เปิดเผยว่า  ทางศูนย์ฯ ยังไม่มีรายงานเรื่องอุกกาบาตหรือวัตถุที่ตกกระทบพื้นโลกแต่อย่างใด

แต่หลังจากที่ได้ดูภาพลำแสงที่พุ่งผ่านท้องฟ้า ยังไม่สามารถระบุได้ว่าลำแสงดังกล่าวนั้นคืออะไร อาจจะเกิดจากวัตถุท้องฟ้า เช่น เศษชิ้นส่วนดาวเทียม ยานอวกาศ หรือเครื่องบิน เพราะลำแสงที่เห็นเป็นสีส้มจะเกิดจากวัตถุที่ตกในชั้นบรรยากาศที่ต่ำกว่า  เหลือเพียงแสงที่มองเห็นซึ่งจะเรียกว่าแสงค้างฟ้า  ที่เหมือนกับปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ขึ้นและตกจะมามองเห็นเป็นแสงสีส้มค้างอยู่ที่ขอบฟ้า

โดยคาดว่าวัตถุดังกล่าวน่าจะตกลงพื้นไปก่อนแล้ว จึงเหลือเพียงแสงค้างฟ้าที่เกิดจากการเสียดสีกับชั้นบรรยากาศ จากนั้นแสงก็จะค่อยๆ จางหายไป   หากเป็นอุกกาบาตหรือดาวตก จะมีข้อสังเกตว่าลำแสงที่เห็นจะเป็นสีฟ้า เพราะเป็นลำแสงความร้อนสูง เป็นวัตถุที่ตกมาจากชั้นบรรยากาศที่สูงขึ้น ซึ่งการเกิดลำแสงสีส้มนี้ตนก็ไม่เคยเห็นมาก่อน

รวมทั้งการเกิดปรากฎการณ์ในช่วงเช้าอาจจะทำให้สีของแสงเปลี่ยนไปเพราะไปตกกระทบกับแสงของดวงอาทิตย์ หากเกิดในช่วงกลางคืนจะเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น  ซึ่งในเรื่องนี้สามารถเห็นกันได้บ่อยๆ จึงฝากเตือนประชาชนว่าไม่ต้องตื่นใจ


http://www.youtube.com/watch?v=csU5HR45S48# (http://www.youtube.com/watch?v=csU5HR45S48#)


ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNek1UY3hOREE0TUE9PQ==&subcatid= (http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNek1UY3hOREE0TUE9PQ==&subcatid=)