สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 19, 2010, 11:01:57 am



หัวข้อ: เปล่งเสียงอนุโมทนา กับ อนุโมทนาเงียบๆ ต่างกันอย่างไร
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 19, 2010, 11:01:57 am

เปล่งเสียงอนุโมทนากับอนุโมทนาเงียบๆต่างกันอย่างไร

(http://www.khonkaenlink.info/share/thumb.php?id=7D0A_4BDD0414)

ถาม – ส่วนมากเวลาใครทำความดีหรือทำบุญ แล้วเราก็ร่วมอนุโมทนาด้วยอย่างนี้
อยากทราบว่าถ้าใจเรารู้สึกอนุโมทนาไปด้วยจริงๆแล้ว ถือว่าเพียงพอไหมคะ? คือจะชอบ
ยินดีอยู่เงียบๆแบบไม่ออกเสียงน่ะค่ะ มีผลแตกต่างกับคนที่เขาออกเสียงแค่ไหน?

ถึงไม่ออกเสียงก็ได้ส่วนบุญครับ เพราะหลักการทำบุญด้วยวิธีอนุโมทนานั้น ก็คือมีใจยินดี
ร่วมกับบุญของผู้อื่น ใจที่ยินดีในบุญนั่นแหละคือแม่เหล็กดึงดูดบุญเข้าหาตัว ถ้ามีความเข้าใจใน
กิริยาและวัตถุอันเป็นตัวบุญของคนอื่น อีกทั้งร่วมปลื้มไปกับเขา คือใจประกอบด้วยโสมนัส ชุ่มชื่น
เบิกบานอย่างแท้จริง ก็เรียกว่าได้ส่วนบุญนั้นเต็มเม็ดเต็มหน่วยในฝ่ายเราแล้ว ส่วนจะได้เท่าเขา
หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าใจเรา ‘เต็มที่’ อย่างเขาหรือเปล่า วัดง่ายๆ คือคิดอยากทำให้เท่าเขาด้วย
ตัวเราเองไหม หรืออย่างน้อยอยากทุ่มแรงกายแรงใจกับกำลังทรัพย์ร่วมไปกับเขาไหม ถ้า
ใช่ก็นั่นแหละครับ ได้เท่าเขาของจริง

     (http://www.madchima.org/forum/gallery/2_17_03_10_10_29_24.jpeg)

สรุปคือหลักจริงๆต้องมีใจยินดี ถึงแม้ปากขยับหงับๆว่า ‘อนุโมทนา’ หรือเปล่งวาจาทำนอง
ยินดีไปแกนๆ ทว่าใจไม่ประกอบด้วยโสมนัส อย่างนี้ก็ไม่นับว่าได้บุญอันเกิดจากการอนุโมทนาครับ
แถมถ้าสักแต่เอ่ยปากบอกอนุโมทนาโดยปราศจากใจยินดีบ่อยๆ ก็อาจมีผลข้างเคียงในทางลบ คือ
เหมือนคุณไปสร้างนิสัยแกล้งยินดี ระยะยาวจะเป็นคนทำบุญด้วยใจแห้งได้

คราวนี้มาพูดถึงการอนุโมทนาบุญเต็มรูปแบบ คือใจยินดีมีโสมนัสนำด้วย มีแก่ใจใช้แก้ว
เสียงเปล่งวาจาให้ผู้อื่นรับรู้ว่าจิตเราเป็นกุศลร่วมกับเขาด้วย อย่างนี้คือได้ทั้งกุศลอันเกิดจาก
มโนกรรมและวจีกรรมรวมกัน ยิ่งธรรมเนียมคนไทยมีการพนมมือไหว้ตัวบุญ ถ้าอ่อนช้อยน้อมจิตตน
จิตท่านให้เจริญในภาพเย็นตาเย็นใจเสริมเข้าไปอีก ก็เรียกว่าได้ทั้งกุศลจากกายกรรมครบสูตรครับ
คุณจะเป็นนักอนุโมทนาตัวยงในเร็ววันด้วยอาการครบพร้อมดังกล่าวนั้น

     (http://www.madchima.org/forum/gallery/2_16_03_10_7_29_33.jpeg)

ผลของการแสดงออกทางวจีกรรมและกายกรรม จะทำให้เป็นผู้อาจหาญในการประกาศบุญ
มากกว่าเก็บเงียบ สุ้มเสียงของคุณจะฟังน่ารักน่าเอ็นดูสำหรับเจ้าของบุญ มีส่วนทำให้เกิดความรื่น
เริงบันเทิงใจ กระชับมิตรกัน และเป็นการจูนจิตให้ตรงกันยิ่งๆขึ้นไป นี่หมายความว่าถ้าร่วมทำบุญ
อย่างมีใจยินดีพร้อมเพรียงบ่อยๆด้วยกายวาจาที่เปิดเผย บุญนั้นจะก่อความสัมพันธ์ฉันมิตรสนิทให้
รู้สึกแน่นแฟ้นต่อกัน อยากคุยกัน อยากเห็นหน้ากัน อยากร่วมทำอะไรดีๆด้วยกันอีกเรื่อยๆด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผลข้างเคียงในทางบวกที่ควรพึงใจแบบโลกๆ กล่าวคือถ้าถึงเวลาให้ผล
ของบุญนั้นแล้ว หากทำกิจการหรือธุรกิจร่วมกัน เป็นหุ้นส่วนกัน ก็จะเบ่งบาน ออกดอกออกผล
รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งที่เมื่อจับคู่เข้าหุ้นกับผู้อื่นก็ไม่เห็นออกดอกออกผลเช่นนั้นเลย

ปัจจุบันมีการส่งอนุโมทนาบัตร หรือมีการร่วมอนุโมทนาผ่านตัวอักษรบนอินเตอร์เน็ตกัน
เยอะ การได้เห็นแต่คำว่าอนุโมทนาเฉยๆนั้น บางทีคนอื่นก็ไม่สามารถสัมผัสกระแสใจเราเหมือน
ตอนสัมผัสกระแสเสียงกันได้ เพราะฉะนั้นทางที่ดีก็อาจเสริมคำเข้าไปสักเล็กน้อยว่าเรามีใจคิด
อย่างไรจึงอนุโมทนา ตรงนั้นจะได้ไม่เป็นการทำให้คนอ่านเขารู้สึกว่าเราสักแต่พูดเฉยๆโดย
ปราศจากความหมายครับ
 
      (http://i136.photobucket.com/albums/q184/foxii-bucket/thai-gift019.gif)
 

(http://www.dungtrin.com/modules/mod_captifyContent/image.php?width=125&180&cropratio=1.25:1.80&image=/images/stories/prepare03_front.jpg)
คัดลอกจากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ๓ โดย ดังตฤณ