หัวข้อ: ฝากกลอนอาจารย์ด้วยนะเจ้าคะ เริ่มหัวข้อโดย: kallaya ที่ ธันวาคม 03, 2009, 03:35:25 pm :D เป็นกลอนที่ ดิฉันได้อ่านจากหนังสือที่ท่านแจกไว้ในงานบวชท่านเห็นว่าท่านแต่งเอง
แต่เว็บนี้กลับไม่มี กลอน หรือบทความของท่านเลยแปลกใจเหมือนกัน สาวกภูมิ สัตว์มนุษย์ เสมอกัน อยู่สี่อย่าง กิน นอน อยู่เสพกาม มีภัยหนี ส่วนมนุษย์ สูงกว่าสัตว์ บรรดามี เพราะใจดี มีคุณธรรม ค้ำประคอง หากเราได้ เกิดมา เป็น มนุษย์ ย่อมประเสริฐ สุดกว่า สัตว์เดียรัจฉาน หากเราได้ เข้าสู่ นิพพิทาญาณ สัญชาตญาณ สาวกภูมิ ย่อมเกิดมา สาวกภูมิ ควรรู้กิจ ในเบื้องต้น เพื่อไม่จน ไม่มัวเมา ในตัณหา เริ่มต้นด้วย ศึกษา ในกายา เป็นมรรคา เบื้องบาทแรก ทำลายตน กิจที่สอง ให้มีจิต มีสำนึก รักระลึก ถึงธรรมรัตน์ หลายๆ หน เพื่อให้จิต ผ่อนคลาย ไร้กังวล ไม่สงสัย จิตอับจน เขลาปัญญา กิจที่สาม ให้ปฎิบัติ ตามทางเอก เป็นเอนก เอกอุตม์ ไม่มุสา รักษาศีล มีศีล ใช่วาจา มีราคา ด้วยมีกาย และ ใจดี กิจที่สี่ เริ่มเพียร สร้าง สมถะ เพื่อให้ละ นิวรณ์ธรรม อันบัดสี ให้ใจนิ่ง นิวรณ์ธรรม ไม่ราวี ให้ชีวี เข้มแข็ง ด้วยองค์ฌาน แม้นว่า กิจ คือ ฌาน ทำได้ยาก ถ้าไม่ขาด หรือลืมหลง ในสงสาร ให้ชีวิต มีอุปจาร มิช้านาน แล้วพิจารณ์ วิปัสสนา เห็นแก่นธรรม ปัญญาญาณ ย่อมอุบัติ เป็นลำดับ ให้เห็นชัด ในกายจิต เป็นวิถี รูป หนึ่งดวง จิต สี่ดวง ทุกวินาที ถูกย่ำยี ด้วยไตรลักษณ์ ทุกเวลา ญาณที่หนึ่ง ให้มองเห็น นามรูป รู้แจ้งรูป รู้แจ้งนาม โดยสัณฐาน มองให้เห็น นามรูป ลักษณาการ แล้วให้หาร รูปนาม เป็นปัจจัย ญานที่สอง ปัจจยะ ปริคคะหะ คือเห็นชัด รูปนาม ไม่สงสัย ใช้สติมองเห็น ความเป็นไป ให้หัวใจ มองเห็น แยกส่วนกัน ญาณที่สาม สัมมะสนะญาณ คือพิจารณ์ ไตรลักษณ์ได้ เป็นส่วนเห็น ทั้งไม่เที่ยง ไม่คงอยู่ ไร้ตัวเป็น มองให้เห็น ให้ชัดได้ ด้วยญาณธรรม ญานที่สี่ อุทยัพพะยะญาณ เป็นเขตคาม ความเกิดขึ้น สลายหาย เห็นขันธ์ห้า จ้าแล้ว ด้วยนามกาย ดุจสถูป ตั้งอยู่ได้ ก็หายพลัน ญาณที่ห้า เห็นแจ้ง ความเสื่อมขึ้น เข้าใจถึง ความแตกแยก เป็นวิสัย เห็นความแตก แยกสังขาร มลายไป ขันธ์ดับไป วนเวียนอยู่ ระคนกัน ญาณที่หก เห็นน่ากลัว ในเหตุนาม ให้ครั่นคร้าม เห็นภัย สังสารขันธ์ เมื่อเกิดแล้ว ก็มีตาย คละเคล้ากัน ย่อมติดพลัน เศร้าใจ ในวนเวียน ญาณที่เจ็ด เห็นไม่สวย ในวนเวียน เป็นแบบเรียน เห็นโทษ วิโยคเข็ญ ให้คลายจิต อันมัวเมา อยู่เช้าเย็น ให้เข้าเห็น รู้แจ้ง กระแสธรรม ญานที่แปด ความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด เหมือนรู้ชัด โทษกรรม อันหรรษา จิตตื่นอยู่ รู้นามรูป ทุกเวลา ไม่นำพา กิเลส ไม่มัวเมา ญานที่เก้า อารมณ์เกิด ใคร่อยากพ้น ไม่ชื่นชม หลงใหลใน สุขหรรษา ย่อมใคร่ออก จากกาม เป็นมรรคา ไม่นำพา จิตเข้าสู่ วิโยคกรรม ญาณที่สิบ พิจารณา หาทางออก อันประกอบ ด้วยองค์แปด เป็นเขตขันธ์ ย่อมเข้าออก ตื่นอยู่ ด้วยรู้กรรม เป็นเหตุอัน ถอนทิ้งซึ่ง ความเมามัว ญานสิบเอ็ด เห็นสังขาร อย่างแจ้งชัด ความกำหนัด เมามัว ได้อาสัญ เห็นสังขาร อันกอร์ปกิจ ทุกสิ่งอัน ความยึดมั่น ถูกถอด เห็นความจริง ญาณสิบสอง เห็นจริง ตามอริยสัจ ได้ขจัด อวิชชา ไม่สงสัย ทั้งอนุโลม ปฎิโลม เห็นเป็นไป หมดเยื่อใย เพราะเข้าเห็น รู้แจ้งจริง ญาณสิบสาม เข้าสู่ ความเป็นพระ ผู้รู้ละ โลภหลง และสงสาร ผู้เข้าสู่ อารมณ์ วิปัสสนาญาณ ผู้พล่าผลาญ กิเลส ให้จบไป ญาณสิบห้า เห็นหนทาง กระแสจิต ที่เปิดปิด มิดชิด หมดสงสัย สัมปชัญญะ รู้ทั่ว กำหนดไป ทั้งกายใจ น้อมรับ ด้วยยินดี ญาณสิบหก ทบทวน อริยะสัจ ให้รู้มรรค รู้ผล ในวิถี แจ้งกิเลส นอกใน ในชีวี เป็นสุขี นิพพานัง นิรันดร หากจะให้ ข้าพเจ้า สาธยายหมด ย่อมประสพ ความลำบาก มากหนักหนา หากให้แต่ง อารมณ์ จำนรรค์จา ก็เหมือนว่า ตัวเอง ยังมัวเมา ให้ลุ่มหลง ในอารมณ์ สุทธาวาส เป็นนิวาส ของพรหม ชนเวหา อาจปิดกั้น นิพพาน ในวิญญา เพราะหลงใหล มัวเมา ในบทกลอน จึงลิขิต กลอนนี้ พอสังเขป พอเป็นเหตุ ให้จิตได้ ในรสา ให้สาวกภูมิ ผู้ตื่นอยู่ รู้มรรคา มีปัญญา รู้แจ้ง เห็นความจริง ท้ายที่สุด ข้าพเจ้า ขอน้อมจิต ในชีวิต ต้นบุญ ผลกุศล ขออุทิศ ให้ปวงญาติ ผู้วายชนม์ ผู้มีชนม์ มีอายุ พบสุขกัน ด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ เป็นตบะ เดชะ ไปหาผล ขอให้เทพ เทวา ผู้บันดล ให้ข้าพเจ้า เป็นอยู่ โดยปลอดภัย ขอให้ยักษ์ ผู้คุ้มกัน ข้าพเจ้า ภูติ ที่เฝ้า คอยอยู่ แลรักษา ให้ได้บุญ ที่ข้าพเจ้า ได้ทำมา ด้วยเมตตา ช่วยรักษา มีรูปนาม ขอให้ท่าน ผู้อ่าน มีสติ ให้กอร์ปกิจ สิ่งดี สมประสงค์ ขอให้ถึง ปัญญา ด้วยตัวตน ให้รอดพ้น บ่วงมาร ทุกท่าน เทอญ. สนธยา สุนทรนนท์ 21 ก.ค. 49 หัวข้อ: Re: ฝากกลอนอาจารย์ด้วยนะเจ้าคะ เริ่มหัวข้อโดย: ทินกร ที่ ธันวาคม 03, 2009, 06:37:29 pm T T
ด้วยใจอยากลง จ้า แต่ท่านให้เน้นเรื่องธรรมมากกว่า หัวข้อ: Re: ฝากกลอนอาจารย์ด้วยนะเจ้าคะ เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ ธันวาคม 03, 2009, 08:13:53 pm พยายามให้บอร์ด เป็นกลาง ๆ อยู่จึงไม่ได้ให้ ผู้ดูแลนำเรื่องที่อาตมาเขียนไว้มาลง แต่ก็คิดว่าศิษย์ที่รู้จักคงจะลงให้กันเอง
สาธุ สาธุ สาธุ เพราะคำกลอนนี้ เป็นกลอนที่โดนบังคับไว้ก่อนบวช ว่าถ้าแต่งกลอน วิปัสสนาญาณ 16 ไม่ได้ก็ไม่ให้บวช จึงจำใจต้องแต่งกลอนนี้ หัวข้อ: Re: ฝากกลอนอาจารย์ด้วยนะเจ้าคะ เริ่มหัวข้อโดย: fasai ที่ ธันวาคม 05, 2009, 12:09:30 am :D ได้อ่านกลอนบทนี้ แล้วทำให้มุมมองของฟ้าใส ต่ออาจารย์เปลี่ยนไปเยอะเลย
ท่านเป็นพระที่เก่งบทกลอน เป็นพระที่ปฏิบัติดี แต่ท่านไม่เคยพูดบอกเลยสักคำ ว่าท่านรู้ ท่านเป็น ปกติตอนมาพบท่าน ท่านก็นั่งนิ่งๆ คุยน้อยมาก เห็นแต่ท่านนั่งกรรมฐานอยู่เป็นวันๆ สาูธุ สาธุ สาธุ สาธุ มีบทกลอนที่ท่านอาจารย์ แต่งไว้มีอีกไหม ? ช่วยลงให้อ่านเพิ่มด้วยนะเจ้าคะ คุณ กัลยา หัวข้อ: Re: ฝากกลอนอาจารย์ด้วยนะเจ้าคะ เริ่มหัวข้อโดย: บุญเอก ที่ ธันวาคม 06, 2009, 11:45:39 pm ผมอ่านกลอนแล้ว โดนใจมากๆ โดยเฉพาะอธิบายวิปัสสนาญาณ 16 เพียง 1 บทผู้แต่งพยายามจริงๆครับ
เลื่อมใสครับ เลื่อมใสครับ ถ้ามีรูปพนมมือไหว้บ้างก็ดีนะจะได้เลือก emotion อันนี้ให้พระอาจารย์ :D หัวข้อ: Re: ฝากกลอนอาจารย์ด้วยนะเจ้าคะ เริ่มหัวข้อโดย: ban ที่ ธันวาคม 07, 2009, 11:43:39 am :angel: สาธุ
กลอนบทนี้ ต้องใช้ความพยายามจริงๆ ผู้แต่งน่านับถือ ยาว มาก ยาวมาก :angel: หัวข้อ: Re: ฝากกลอนอาจารย์ด้วยนะเจ้าคะ เริ่มหัวข้อโดย: axe ที่ มกราคม 03, 2010, 11:02:39 am ;D อนุโมทนาครับ พึ่งเข้ามาอ่านเหมือนกัน
หัวข้อ: โดนใจมากๆ ครับ เริ่มหัวข้อโดย: ธรรมะ ปุจฉา ที่ มิถุนายน 28, 2011, 12:06:46 am ไม่เคยคิดเลยครับว่าพระอาจารย์จะแต่งกลอนเก่ง สาธุครับ :25:
|