หัวข้อ: 10 มหาภัยพิบัติ ล้างโลก...(อย่าเิพิ่งเบื่อ) เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 27, 2012, 05:03:54 pm (http://www.thairath.co.th/media/content/2012/04/21/254653/hr1667/630.jpg) 10 มหาภัยพิบัติ ล้างโลก ในพระคัมภีร์ไบเบิลเล่าถึงเหตุการณ์วันสิ้นโลกไว้ในพระวิวรณ์หรือ “อะโพแคลิปส์ (Apocalypse)” ที่แปลว่า การสำแดงหรือเปิดเผย (Revelation) ข้อนี้เป็นสิ่งที่ชาวคริสต์รู้กันมากอยู่ เมื่อมาดูในพระไตรปิฎกของชาวพุทธเราแล้วก็ปรากฏว่าได้กล่าวถึงจุดเสื่อมของโลกไว้เช่นกันครับ โดยได้กล่าวถึงสาเหตุที่จะทำให้โลกดับสูญไว้ 3 ประการคือ หากมนุษย์เต็มไปด้วยราคจริต โลกจะถูกล้างด้วยภัยจากน้ำ หากมนุษย์เต็มไปด้วยโทสจริต โลกจะถูกล้างด้วยภัยจากไฟ หากมนุษย์เต็มไปด้วยโมหจริต (ความหลง) เมื่อนั้นโลกจะถูกทำลายด้วยลม หากเอาแต่ละเหตุการณ์มาดูใกล้ๆก็จะเห็นว่าเป็นไปตามนั้นอย่างน่าประหลาดใจ ดังจะขอไล่มหาภัยที่สั่นสะเทือนโลกาจนถูกจารึกอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ให้ท่านที่รักได้ดูกันดังต่อไปนี้ครับ (http://www.thairath.co.th/media/content/2012/04/21/254653/o13/420.jpg) สายน้ำไหลบ่าเข้าเมือง. 1. มหาอุทกภัย ลำดับแรกเมื่อมีมนุษย์และสัตว์แล้วนั้นในพระคัมภีร์ของคริสต์ศาสนากับฮินดูกล่าวถึงเหตุการณ์ “น้ำท่วมโลก” ไว้ตรงกัน ในพระคัมภีร์ฉบับพันธสัญญาเก่าก็พูดถึง “โนอา (Noah)” ผู้พาสัตว์น้อยใหญ่หนีภัยน้ำตามพระบัญชาของพระเจ้า ส่วนในพระคัมภีร์ฮินดูก็กล่าวถึง “พระมนู” และฤาษีทั้งเจ็ดที่พากันลงเรือหนีน้ำตามที่พระนารายณ์ได้อวตารองค์ลงมาเป็นมัจฉาพาเรือไปจนรอดพ้นภัย ลุมาถึงสมัยปัจจุบันมหาอุทกภัยครั้งใหญ่นั้นมีหนักๆไม่แพ้กันเลย (http://www.thairath.co.th/media/content/2012/04/21/254653/o4/420.jpg) ความเสียหายจากสึนามิ. 2. คลื่นยักษ์ถล่มโลก สึนามิปี 2004 สร้างความวิปโยคให้กับชาวโลกและชาวไทยอย่างเหลือแสนด้วยแรงกระแทกจากแผ่นเปลือกโลกที่สุมาตราขนาด 9.3 ริกเตอร์ส่งคลื่นกระแทกทำลายทั้งแนวปะการัง, บ้านเมือง, เกาะที่สวยงาม และชีวิตคน มาถึงวันนี้ แม้แต่บ้านเราเองก็มีข่าวให้ตื่นเต้นเฝ้าระวังสึนามิกันอยู่เป็นระยะ (http://www.thairath.co.th/media/content/2012/04/21/254653/o5/420.jpg) แม่น้ำฮวงเหอ หรือแม่น้ำเหลือง. 3. สายน้ำหลากเมือง คร่าชีวิตคนไปรวมๆแล้วเป็นหลักล้าน นี่ไม่ได้พูดถึงน้ำท่วมชาติระดับตำนานที่เพิ่งผ่านไปอย่างเดียวนะครับ แต่จะพูดถึงแม่น้ำสายใหญ่อันดับต้นของโลกอย่างแม่น้ำเหลืองที่เป็นสายเลือดหล่อเลี้ยงพี่น้องเผ่าพันธุ์มังกรของเราครับ แม่น้ำเหลืองหรือ “ฮวงเหอ (Huang he)” มีชื่อเสียงในแง่ให้ความอุดมสมบูรณ์ แต่ในขณะเดียวกันก็มี “ชื่อเสีย” ยามน้ำล้นฝั่ง คร่าชีวิตชาวจีนไปเสียไม่น้อย อย่างในปี ค.ศ. 1887 ก็กลืนชีวิตคนไปถึง 2,000,000 คน ส่วน ค.ศ.1931 ก็พาเอาชีวิตชาวจีนผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ไปอีกถึง 4,000,000 คน จนแม่น้ำสายนี้ได้ฉายาว่า “โศกาแห่งชาติจีน (China’s sorrow)” (http://www.thairath.co.th/media/content/2012/04/21/254653/o6/420.jpg) ความเสียหายจากเฮอริเคนคัทรีน่า. 4. มหาวาตภัย จากลมพายุร้ายกาจ ดังที่ทำลายล้างอย่างราบคาบทั้งชีวิต, ทรัพย์สินไปจนถึงสิ่งปลูกสร้าง อย่างในกรณีเฮอริเคน “คัทรีน่า (Katrina)” ที่คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 1,800 คนในปี 2005 เป็นพายุที่สร้างความสูญเสียด้านเศรษฐกิจแก่สหรัฐอเมริกามากที่สุดเท่าที่เคยมีมา (http://www.thairath.co.th/media/content/2012/04/21/254653/o10/420.jpg) ธารลาวาจากภูเขาไฟระเบิด. 5. มหาภูเขาไฟ ถ้าภูเขาไฟระดับคลาสสิกก็ต้องยกให้ภูเขาไฟวิซูเวียสที่พ่นหินหลอมเหลวลงมาเป็นธารอัคคีร้อน และปล่อยเถ้าถ่านมหาศาลลงมาฝังเมืองทั้งเมืองอย่างปอมเปอีและเฮอคิวลาเนียมในปี ค.ศ.79 นอกจากนั้น ยังมีภูเขาไฟบนเกาะเธอร่า (Thera) หรือเกาะซานโตรินีในปัจจุบัน ที่พ่นหินหลอมเหลวร้อนพร้อมแผ่นดินไหวครบชุดจนทำให้อารยธรรมใหญ่ยิ่งแห่งหนึ่งของโลกล่มสลายคือ “อารยธรรมไมนวน (Minoan civilization)” ที่อยู่บนเกาะครีต แล้วต่อมาในยุคที่ใกล้เคียงกับพวกเรา ก็ยังมีเหตุการณ์ภูเขาไฟระดับเซเล็บระเบิดอีกมาก อย่าง ม็องต์เปเล (Mount Pele’e) ในหมู่เกาะมาตินิกของฝรั่งเศสที่การระเบิดในปี 1902 คร่าชีวิตคนไปถึง 30,000 กว่าคน ส่วน ภูเขาไฟเซ็นต์เฮเลน ในสหรัฐอเมริกา ที่ระเบิดในปี 1980 นั้นก็เป็นเหตุการณ์ใหญ่ที่มีการบันทึกไว้เป็นภาพยนตร์ หรือว่า กรากะตั้ว (Krakatau) ในอินโดนีเซียที่ระเบิดในปี 1883 ส่งเสียงดังจนสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพท่านทรงได้ยิน แล้วฝุ่นควันจากการระเบิดยังลอยมาไกลถึงประเทศไทย การระเบิดครั้งนั้นก็ใหญ่เสียจนทำลายหมู่เกาะของมันไปถึง 2 ใน 3 แต่ก็ได้สร้างเกาะเล็กเกาะน้อยให้ผุดขึ้นมาด้วย (http://www.thairath.co.th/media/content/2012/04/21/254653/o12/420.jpg) ฝุ่นควันจากการระเบิดของภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็ง. 6. ภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็งระเบิด เกิดที่ประเทศไอซ์แลนด์แดนน้ำแข็ง เมื่อภูเขาไฟชื่อไม่หวังจำอย่าง “EyjafjallajÖkull” ที่ถูกแช่แข็งมานานจนนักธรณีวิทยาคิดว่าไม่น่าจะเกิดเซอร์ไพรส์ขึ้น จู่ๆเมื่อปี 2010 ก็ตูมตามออกมาไม่บอกกล่าว ปล่อยหมอกควันจากเถ้าถ่านจนชาวบ้านเดือดร้อนกันไปทั่วโลกโดยเฉพาะนักเดินทางโดยเครื่องบิน (http://www.thairath.co.th/media/content/2012/04/21/254653/o9/420.jpg) ไฟป่าหากเกิดร่วมกับพายุหรือแผ่นดินไหวจะยิ่งร้ายแรง. 7. อภิภูเขาไฟหรือซุปเปอร์โวลแคโน่ ที่เคยโผล่ออกมาแผลงฤทธิ์แล้วในอดีตกาล การจะเป็นซุป’โวลแคโน่ (คล้ายซุป’ตา) ได้นั้นต้องมีสิ่งสำคัญคือพลังที่จะพ่น มวลระเบิด (Ejecta) ที่อัดอยู่จำนวนมหาศาลออกมาเป็นปริมาตรไม่น้อยกว่า 1,000 ลูกบาศก์กิโลเมตร นับว่ามหึมามหาศาลมากทีเดียวนะครับ ให้เห็นภาพชัดๆคือภูเขาไฟธรรมดานั้นปล่อยเถ้า ถ่านหินหลอมต่างๆออกมาได้ราว 1 ลูกบาศก์กิโลเมตร หรือส่วนใหญ่น้อยกว่านั้นอีกครับ เรียกว่าภูเขาไฟระดับตัวแม่นี้มีพลังระเบิดมากกว่านับพันเท่า ส่วนที่อยู่ ของเขานั้นรู้แล้วจะหนาวๆร้อนๆครับเพราะไม่ไกล มาก อยู่ที่ญี่ปุ่น 1 แห่ง อินโดนีเซีย 1 แห่ง นิวซีแลนด์ 1 แห่ง ส่วนที่อเมริกามีถึง 3 แห่งด้วยกันครับ (http://www.thairath.co.th/media/content/2012/04/21/254653/o7/420.jpg) ผลจากแผ่นดินไหวที่เฮติ. 8. แผ่นดินไหวระดับเลื่อนแผ่นทวีป อย่างที่ หมู่เกาะเฮติและประเทศชิลี เกิดขึ้นเมื่อปี 2010 แค่เวลาต่างกันเดือนนิดๆเท่านั้น โดยความแรงของแผ่นดินไหวที่ชิลีวัดได้ 8.8 ริกเตอร์อย่างที่ชิลีว่าหนักแล้ว ที่เกาะเฮติยิ่งหนักเพราะเกิดแทบใจกลางเมืองหลวงห่างจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ไปเพียง 16 กิโลเมตรเท่านั้น แม้จะวัดความสั่นสะเทือนได้ 7.0 ริกเตอร์ แต่สภาพบ้านเรือนสิ่งปลูกสร้างซึ่งล้าสมัยทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงมาก ซึ่งกาชาดสากลได้ประมาณผู้บาดเจ็บได้ถึง 3,000,000 คน อีกทั้งยังมีอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกนับไม่ถ้วน 9. แผ่นดินไหวในภาคโตโฮกุ (Tohoku earthquake) ที่แยกยกมาเพราะว่าปรากฏการณ์นี้นำไปสู่หายนภัยระดับโลก คือการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพ รังสีเมื่อปี 2011 ครับ พอพูดชื่อโตโฮกุฟังดูไม่คุ้นหูเลยใช่ไหมครับ แต่ถ้าบอกว่าเป็นแผ่นดินไหวที่ฟุกุชิม่าความแรง 9.3 ริกเตอร์ท่านพอจะคุ้นหูไหมครับ โตโฮกุเป็นชื่อภาคที่เขาเรียกกันเป็นทางการในแง่ภูมิศาสตร์ ภัยธรรมชาติของเหตุการณ์แผ่นดิน ไหวครั้งสดๆร้อนๆปีที่ผ่านมานี้ครับ (http://www.thairath.co.th/media/content/2012/04/21/254653/o8/420.jpg) เฮอริเคนซัดถนนชายฝั่งจนย่อยยับ. 10. สหภัยพิบัติธรรมชาติรวมถึงภัยจากอวกาศ อย่างที่สิบนี้เป็นปรากฏการณ์ที่เป็นเสมือนแกงโฮะคือรวมหม้อกันทั้งแผ่น ดินไหว, ไฟเผาป่า, น้ำท่วมมหาศาล และลมพายุ ข้อนี้เลือกเอามาเป็นอย่างสุดท้ายเพราะรุนแรงน่ากลัวที่สุดและมีโอกาสเกิดเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะในยุคที่มีการ “ทำร้าย” ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลืองจึงเป็นเรื่องแน่ที่ธรรมชาติจะ “เอาคืน” อย่างรุนแรงเช่นกัน ที่สำคัญคืออาจไม่ได้มีเพียงแค่ปัจจัยทางกายภาพที่ว่าเพราะจะมีทั้งโรคระบาดและภัยจากอวกาศตามมาอย่าง พายุสุริยะ, รังสีคอสมิก รวมถึงอุกกาบาตที่อาจมาเยี่ยมชมโลกเราแบบไม่ต้องเชิญ อย่างที่ผ่านมาก็มีเหตุการณ์พายุสุริยะรุนแรงจนทำให้เกิดไฟฟ้าดับทั่วเมืองในมณฑลควิเบก ประเทศแคนาดา เมื่อปี 1989 (March 1989 geomagnetic storm) ระหว่างนี้ก็อาจมีพายุสุริยะเข้ามาซ้ำเติมในปี 2012 ซึ่งในปฏิทินมายาเกี่ยวกับวันสิ้นโลกก็มีกล่าวถึงไว้ครับ นอกจากมหาภัยต่างๆ ที่ว่ามาแล้วนั้น ในอนาคตยังมีภัยธรรมชาติอื่นที่นักวิทยาศาสตร์เฝ้าจับตาดูอย่างใกล้ชิดด้วยครับ เช่นกรณีของ อภิมหาภูเขาไฟหรือซุปเปอร์โวลแคโน่ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน สหรัฐอเมริกา หรือว่าภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็งในประเทศไอซ์แลนด์ที่ยังมีรอเปิดตัวอีกหลายลูก (http://www.thairath.co.th/media/content/2012/04/21/254653/o11/420.jpg) พายุเฮอริเคน. ท่านที่รักทราบไหมครับว่า บ้านเมืองของเราก็เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ขย่มปฐพีจนจมพระสมุทรไปทั้งเมืองแล้วนะครับ นั่นคือแผ่นดินไหวในปี พ.ศ.1003 (ค.ศ.460) ที่ทำให้โยนกนาคพันธุ์ล่มกลายเป็นเมืองบาดาลในหนองไป (เวียงหนองล่ม) โดยในพงศาวดารโยนกบันทึกไว้ว่าในคืนวันเสาร์ เดือน 7 แรม 7 ค่ำ พ.ศ.1003 “...สุริยอาทิตย์ก็ตกไปแล้ว ก็ได้ยินเสียง เหมือนตั้งแผ่นดินดังสนั่นหวั่นไหว ประดุจว่าเวียงโยนกนครหลวงที่นี้จักเกลื่อนจักพังไปนั้นแล แล้วก็หายไปครั้งหนึ่ง ครั้นถึงมัชฌิมยามก็ดังซ้ำเข้ามาเป็นคำรบสอง แล้วก็หายนั้นแล ถึงปัจฉิมยาม ก็ซ้ำดังมาอีกเป็นคำรบสาม หนที่สามนี้ดังยิ่งกว่าทุกครั้งทุกคราวที่ได้ยินมาแล้ว กาลนั้นเวียงโยนกนครหลวงที่นั้นก็ยุบจมลง เกิดเป็นหนองอันใหญ่ ยามนั้นคนทั้งหลายอันมีในเวียงที่นั้น มีพระมหากษัตริย์เป็นประธาน ก็วินาศฉิบหายตกไปในน้ำที่นั้นสิ้น...” ดูประวัติศาสตร์เก่าเมื่อพันห้าร้อยกว่าปีมาแล้วย้อนกลับมาดูในยามนี้ บ้านเมืองเรา ก็ดูเหมือนกับกำลังอยู่ท่ามกลาง สมรภูมิแผ่นดินไหวรอบทิศ แต่ละที่ไม่ใช่นิดๆด้วยครับ อย่างแถวชวา, หมู่เกาะสุมาตรา, ทะเลอันดามันไปจนถึงทางเหนือแถบ “รอยเลื่อนน้ำมา” ที่ไหวในพม่าเขย่ามาถึงเชียงราย, เชียงใหม่รู้สึกได้ทั่ว แม้จะดูน่ากลัวแต่ต้องมีสติครับ ไม่ประมาท แล้วก็ไม่ขาดสติ เตรียมตั้งรับไว้ก่อนเป็นดีสุด แม้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่เตรียมพร้อมเอาไว้ก่อนไม่เสียหลาย ครูอังคณาไม่ว่าแน่ครับ และที่แน่ๆอีกข้อคือเรื่องสนุกทันสมัยไม่เซาะกราวอย่างนี้ทีมงานนิตยสารต่วย’ตูนเราไม่พลาดครับ จะคอยหาเรื่องราวใกล้ตัวน่ารู้มาเสิร์ฟให้ท่านถึงที่ มีทั้งเรื่องตื่นเต้น เรื่องแปลก เรื่องใหม่ล่าสุดทันสมัยสุดจี๊ดและอีกมากในโลกต่วย’ตูนของเรา ถ้าอย่างไรก่อนอ่านอย่าลืมซื้อเข็มขัดใหม่เผื่อไว้นะครับ เพราะอาจ “คาดไม่ถึง” ไงครับ (แฮ่). โดย นพ.กฤษดา ศิรามพุช และ ทีมงาน นิตยสาร ต่วย'ตูน ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก http://www.thairath.co.th/column/life/sundayspecial/254653 (http://www.thairath.co.th/column/life/sundayspecial/254653) หัวข้อ: Re: 10 มหาภัยพิบัติ ล้างโลก...(อย่าเิพิ่งเบื่อ) เริ่มหัวข้อโดย: เท่ากับผลรวม ที่ มิถุนายน 10, 2012, 05:23:27 pm http://www.youtube.com/watch?v=GTrFyjx6CH8# (http://www.youtube.com/watch?v=GTrFyjx6CH8#)
อัปโหลดโดย toon506 เมื่อ 8 ก.ค. 2011 http://pcuhealth.blogspot.com (http://pcuhealth.blogspot.com) ข้อมูลทางศาสนารับรู้มามากแล้วว่าส่วนไหนของประเทศไทยที่น้ำจะท่วม เรื่องนี้นำเสนอข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ไม่ได้บอกให้เชื่อ เพื่อเตือนสติและไม่ประมาทในการใช้ชีวิต |