สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน => ข้อความที่เริ่มโดย: ธัมมะวังโส ที่ มิถุนายน 14, 2012, 09:50:47 am



หัวข้อ: ธรรมสาระวันนี้ "กิจที่ควรทำและยกขึ้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ"
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ มิถุนายน 14, 2012, 09:50:47 am
พระสุตตันตปิฎก  มัชฌิมนิกาย  มูลปัณณาสก์  [๒.  สีหนาทวรรค]
๙.  เทฺวธาวิตักกสูตร


[๒๑๔]    เมื่อจิตเป็นสมาธิ  บริสุทธิ์ผุดผ่อง  ไม่มีกิเลสเพียงดังเนิน ปราศจากความเศร้าหมอง    อ่อน เหมาะแก่การใช้งาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวอย่างนี้   
   เรานั้นได้น้อมจิตไปเพื่ออาสวักขยญาณ  รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า
  ‘นี้ทุกข์   
  นี้ทุกขสมุทัย
  นี้ทุกขนิโรธ   
  นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา   
  นี้อาสวะ   
  นี้อาสวสมุทัย   
  นี้อาสวนิโรธ
  นี้อาสวนิโรธคามินีปฏิปทา’   
    เมื่อเรารู้เห็นอย่างนี้    จิตจึงหลุดพ้นจากกามาสวะบ้าง  จิตจึงหลุดพ้นจากภวาสวะบ้าง    จิตจึงหลุดพ้นจากอวิชชาสวะบ้าง   
   เมื่อจิตหลุดพ้นแล้วก็รู้ว่า    ‘หลุดพ้นแล้ว’    รู้ชัดว่า    ‘ชาติสิ้นแล้ว    อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว    ทำกิจที่
ควรทำเสร็จแล้ว    ไม่มีกิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป’ เราบรรลุวิชชาที่ ๓ นีีในปัจฉิมยามแห่งราตรี    กำจัดอวิชชาได้แล้ว    วิชชาก็เกิดขึ้น    กำจัดความมืดได้แล้ว  ความสว่างก็เกิดขึ้น    เหมือนบุคคลผู้ไมประมาท  มีความเพียร  อุทิศกายและใจอยู่ฉะนั้น


(http://www.madchima.net/images/991_card_32.jpg)




หัวข้อ: Re: ธรรมสาระวันนี้ "กิจที่ควรทำและยกขึ้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ"
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ มิถุนายน 14, 2012, 10:16:00 am
(http://www.madchima.net/images/289_card_33.jpg)

ตอบคำถามรวม ๆ สำหรับท่านที่สอบถามกันมาว่า
      ฝึกสมาธิ เพื่ออะไร ?
      จิตเป็นสมาธิ แล้วทำอย่างไร ดี ?  กิจที่ควรทำเมื่อจิตเป็นสมาธิ คือ เข้า  ฌานได้แล้ว หรือ ได้อุปจารฌาน  ควรทำตามที่พระพุทธเจ้าตรัสแสดงไว้คือน้อมจิตเพื่อ อาสวักขยญาณ สัมปยุตธรรม  ตั้งแต่ ทุกข์ สมุทัยทุกข์ นิโรธจากการดับทุกข์  มรรคหนทางของการสู่การละจากทุกข์ อาสวะทุกข์ อาสวะสมุทัยทุกข์  อาสวะที่ดับได้สิ้นชิงนิโรธ อาสวะที่สิ้นไปเพราะมรรค  กิจที่ควรทำเมื่อจิตเป็นสมาธิ เพื่อ ยถาภูตญาณทัศนะ  ก็มีแนวทางตามพระดำรัสของพระพุทธเจ้า ที่แสดงไว้หลายที่ ก็เพื่อความวิมุตติ  ก็เป็นอย่างนี้
          สมถสองส่วน ที่สามารถใน วิปัสสนา ( ยถาภูตญาณทัศศนะ เพื่ออาสวักขยญาณ )
         1.ปริตตสมถะ ผู้ดำเนินสมาธิ เข้าถึงอุปจาระฌาน ได้ ยกจิตตั้งไว้ในอาสวักขยญาณ
        2.มหัคตสมถะ ผู้ดำเนินสมาธิ  จิตเป็นอัปปนาจิต ตั้งแต่ ปฐมฌาม ขึ้นไป ยกจิตตั้งไว้ในอาสวักขยญาณ  ส่วนใหญ่ เมื่อิจิตเป็น ปฐมฌาน ก็จะยกจิตเข้าสู่ ฌานที่ 4 ก่อน  แล้วจึงยกจิตเข้าสู่วิปัสสนา
        มีคำถามมากมาย ว่า ถ้าเราเข้า ฌาน 4  แล้วจะเข้าวิปัสสนาได้อย่างไร เพราะจิตวางอุเบกขา  บางท่านกล่าวว่าต้องกลับมาตั้งจิตที่ ฌาน 1 บ้าง ฌาน 2 บ้าง ฌาน 3 ฌาน 4  แล้วอย่างไหนถูก อันนี้ตอบให้ถูกใจคงไม่ได้ แต่พระพุทธเจ้า  พระองค์ตั้งอยู่ใน ฌาน 4 ทำไมยกจิต เพื่ออาสวักขยญาณได้  บรรดาพระอรหันต์สาวก อีกหลายรูป ก็ยกจิตเข้าอาสวะขยญาณ จาก ฌาน 4 บ้าง จาก  ฌาน 8 บ้าง มีผลการบรรลุด้วย อภิญญา ต่างกัน มีตั้งแต่ วิชชา 3 อภิญญา 6  ปฏิสัมภิทา 4 นั่นเพราะอะไร ?
        ก็ขอตอบพอให้เข้าใจ  เพราะพระพุทธเจ้า ท่านตั้งความปรารถนา ในการสิ้นอาสวะ ตั้งแต่เริ่มภาวนา  ความปรารถนา นี้เรียกว่าการอธิษฐาน จิต ทำให้จิตภาวนามุ่งตรง  ต่อการกระทำเพื่อการสิ้นอาสวะกิเลส        บรรดาพระอรหันต์ ทั้งหลาย  เมื่อจะภาวนาก็ตั้งจิตอธิษฐาน มุ่งตรงต่อพระนิพพาน  มีความปรารถนาพ้นจากสังสารวัฏ ในเบื้องต้นการภาวนา การภาวนานั้นจึงเป็น  สัมมาสมาธิ เมื่อจิตเป็น สมาธิด้วยองค์แห่งฌาน  จิตก็จะยกการสิ้นอาสวะขึ้นมาตามที่อธิษฐาน อย่าลืมว่า ผู้ฝึกสัมมาสมาธิ  มิได้ขาดจากสติ สัมมาสติ ยังมีอย่างต่อเนื่อง ด้วย มหัคตารมณ์  นั้นดังนั้นเมื่อจิตเป็นอัปปนา ตามที่ตนต้องการแล้วการยกอารมณ์  เข้าสู่อาสวะขยญาณ นั้น จึงมีขึ้นด้วยอำนาจแห่งการอธิษฐาน  มิได้ถอยจิตไปอย่าง ที่หลายท่านอธิบาย
       วันนี้ยกพระสูตรที่พระพุทธเจ้า  ทรงตรัสแสดงวิธีการที่พระพุทธเจ้า บรรลุเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า  พระองค์ก็ยกจิตมาเป็นลำดับ ตั้งแต่่ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน  เมื่อจิตเป็นของพระองค์เป็นสมาธิ พร้อมควรแก่การงาน  แล้วพระองค์จึงทรงน้อมจิตไปเพื่อการขจัดกิเลส ( อาสวักขยญาณ )
      ดังนั้นท่านภาวนากันจริง  ตั้งมั่นในการฝึก สัมมาสมาธิ  คุณธรรมของพวกท่านจึงมิได้สูญหายแต่กลับเริ่มมีคุณธรรมเพิ่มขึ้น อันนี้ คือ  สมถะธรรม ในพระพุทธศาสนา มิได้เป็น สมถะฌาน นอกพระพุทธศาสนา
       การที่จะให้เป็น  สมถะธรรมในพระพุทธศาสนา ก็อยู่ที่ผู้ภาวนาตั้งจิต อธิษฐานการภาวนานี้เพื่อ  การสิ้้นกิเลสคือการไม่กลับมาเกิดอีกต่อไป นั่นเอง  ดังนั้นจะเป็นหรือไม่เป็น อยู่ที่ความปรารถนาในการภาวนาของพวกท่านทั้งหลาย  ว่าตั้งจิตภาวนานี้เพื่ออะไร กัน
   เจริญธรรม / เจริญพร
   ;)   




หัวข้อ: Re: ธรรมสาระวันนี้ "กิจที่ควรทำและยกขึ้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ"
เริ่มหัวข้อโดย: จินตนา ที่ มิถุนายน 14, 2012, 12:23:29 pm
อยากสอบถาม วิธีการน้อมจิตไปเพื่ออาสวักขยญาณ มีวิธีปฏิบัติอย่างไร บ้างคะ อ่านแล้วยังไม่ค่อยจะเข้าใจ คะ

 สาธุ  :c017: :25:


หัวข้อ: Re: ธรรมสาระวันนี้ "กิจที่ควรทำและยกขึ้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ"
เริ่มหัวข้อโดย: ยุวธิดา ที่ มิถุนายน 14, 2012, 12:26:19 pm
แสดงให้เห็นว่า การเข้าวิปัสสนา จำเป็นถอยออกจากฌาน นี้ก็ไม่จริงสิคะ จากบทความนี้แสดงให้เห็นว่า การปฏิบัติวิปัสสนา ปฏิบัิตต่อจาก จตุตถฌาน เลยใช่หรือไม่คะ ซึ่งดิฉันเคยฟังมาว่าจากครูอาจารย์ ที่เวลาไปอบรมก็มักจะอธิบายว่า ต้องออกจากฌาน กลับมาตั้งที่วิตก อย่างนี้ก็ผิด ใช่หรือไม่คะ

   ขอคำอธิบายเพิ่มเติมได้หรือไม่คะ

   :25: :25: :25:


หัวข้อ: Re: ธรรมสาระวันนี้ "กิจที่ควรทำและยกขึ้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ"
เริ่มหัวข้อโดย: ธรรมะ ปุจฉา ที่ มิถุนายน 14, 2012, 01:29:20 pm
บอก  สอน  แนะ  นำ พา ให้เห็น
ให้เป็น  ให้ตาม  มิต้อง  สงสัย
ใคร้คิด  ทบทวนไป  พร้อมปฏิบัติ  เดียวเห็นเอง

มีครู  ไม่เชื่อครู   ไม่มีครูเหมือน(เหมือนไม่มีครู)
เชื่อแต่เพื่อน  ถือเป็นครู โอ้แปลกหนา
เป็นศิษย์แล้ว  ไม่มัวประวิง  พิจารนา
ทำตามท่า  ไม้อาจารย์  บอกสอนกัน

น้ำตาล  ใครว่าหวาน  หวานเป็นฉะไหน 
ไหนอธิบาย  หน่อยสิ  เป็นไร  ที่หวานไหน
เป็นฉะไหน  อธิบายสิ  ลองซิ  อธิบาย

สุดท้ายคงต้องลองชิม

แต่บางท่านไม่ชิม และก็บอก  หวานไม่มี


หัวข้อ: Re: ธรรมสาระวันนี้ "กิจที่ควรทำและยกขึ้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ"
เริ่มหัวข้อโดย: TC9 ที่ มิถุนายน 14, 2012, 04:54:42 pm
อ้างถึง
สมถสองส่วน ที่สามารถใน วิปัสสนา ( ยถาภูตญาณทัศศนะ เพื่ออาสวักขยญาณ )
         1.ปริตตสมถะ ผู้ดำเนินสมาธิ เข้าถึงอุปจาระฌาน ได้ ยกจิตตั้งไว้ในอาสวักขยญาณ
        2.มหัคตสมถะ ผู้ดำเนินสมาธิ  จิตเป็นอัปปนาจิต ตั้งแต่ ปฐมฌาม ขึ้นไป ยกจิตตั้งไว้ในอาสวักขยญาณ  ส่วนใหญ่ เมื่อิจิตเป็น ปฐมฌาน ก็จะยกจิตเข้าสู่ ฌานที่ 4 ก่อน  แล้วจึงยกจิตเข้าสู่วิปัสสน

 เข้าใจมากขึ้นเลย คะ ดังนั้นช่วงการภาวนา พระธรรมปีติ จนถึง พระพุทธานุสสติ ก็เป็น ปริตตะสมถะ ใช่หรือไม่คะ

 สาธุ สาธุ สาธุ

  :25: :25: :25:


หัวข้อ: Re: ธรรมสาระวันนี้ "กิจที่ควรทำและยกขึ้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ"
เริ่มหัวข้อโดย: waterman ที่ มิถุนายน 14, 2012, 07:49:19 pm
ช่วยอธิบายวิธีน้อมจิต ไปในอาสวักขยญาณ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ด้วยครับ แบบว่าไม่รู้วิธีครับ ว่าควรทำอย่างไร และเราสามารถยกจิตได้ตอนไหน จะรู้ได้อย่างไร ว่าเราควรยกจิตในตอนนั้นครับ

 ขอบคุณมากครับ
 
 :25: :c017:


หัวข้อ: Re: ธรรมสาระวันนี้ "กิจที่ควรทำและยกขึ้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ"
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ มิถุนายน 21, 2012, 10:37:23 am
ขอให้ท่านทั้งหลาย อ่านทบทวน กระทู้บทนี้ให้เข้าใจ

 ถ้าท่านอ่านแล้วยังไม่เข้าใจ

   คำตอบก็คือ ท่านเป็นผู้ที่ภาวนาแบบไม่มี นิพพาน เป็นแก่นสาร จึงอ่านไม่เข้าใจ

ดังนั้นการจะทำความเข้าใจ ก็คือ ต้องตั้งเป้าหมายในการภาวนา ก่อนการภาวนา ด้วยนะถึงจะรู้ว่าจะมีผลอย่างไร ? มิฉะนั้นท่านก็จะไม่เข้าใจในการภาวนาของท่านเอง ว่ามาภาวนาเพื่ออะไร ?

 เจริญพร / เจริญธรรม

  ;)


หัวข้อ: Re: ธรรมสาระวันนี้ "กิจที่ควรทำและยกขึ้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ"
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ มิถุนายน 26, 2012, 08:22:42 am
การยกจิต เข้าสู่ สภาวะธรรม ส่วนนี้เป็นส่วนสำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่มีความปรารถนา ในการสิ้นกิเลสกับพระพุทธเจ้าพระองค์นี้แล้ว พึงต้องขวนขวาย เป็นกิจที่ควรทำ

   การยกจิต เช้าสู่ สภาวะธรรม นี้ อาศัยการอธิษฐาน ( ความตั้งใจ ) เมื่อจิตเป็น สมาธิ ( ตั้งใจมั่น ) แล้วจิตก็จะยกเข้าสู่กระบวนการในการเจริญวิปัสสนา โดยชอบเองไม่ต้องเป็นห่วง สำคัญที่การเรียนธรรม เป็นไปตามลำดับหรือไม่ เท่านั้น ก็หมายความ ถ้าจิตของท่านเป็น สัมมาทิฏฐิ จริง จิตก็จะยกกิจที่จะแจ้งในธรรมขึ้นมาเองโดยไม่ต้องเป็นห่วง หรือ พะวงว่า จะยกขึ้นเมื่อไหร่ ผู้ภาวนาจะรู้สภาวะได้เอง ที่เรียกว่า ปัจจัตตัง ก็เพราะเหตุนี้ คือ รู้แจ้ง เห็นแจ้ง เข้าใจด้วยตนเอง ไม่ต้องชี้นำ

    กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ไม่ใช่เป็นกรรมฐาน ที่เป็นการชี้นำ แต่เป็นกรรมฐานที่สอบผลการภาวนาแล้ว สอนต่อจากที่ภาวนาได้ ดังนั้นท่านทั้งหลาย โปรดเข้าใจตรงนี้ ท่านก็จะได้ปฏิบัติกรรมฐาน เจริญภาวนา ในทางที่ถูกที่ควร ได้เอง

    เจริญพร  / เจริญธรรม

      ;)