สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน => ข้อความที่เริ่มโดย: แพนด้า ที่ มิถุนายน 19, 2012, 10:09:29 am



หัวข้อ: การปฏิบัติ ทางจิต ของพระพุทธศาสนานั้น ทำให้วิกลจริต ได้หรือไม่ครับ ?
เริ่มหัวข้อโดย: แพนด้า ที่ มิถุนายน 19, 2012, 10:09:29 am
การปฏิบัติ ทางจิต ของพระพุทธศาสนานั้น ทำให้วิกลจริต ได้หรือไม่ครับ ?

  ด้วยความสงสัย เพราะเห็นหลาย ๆ ท่านขอบพูดให้ฟังเวลาผมนั่งสมาธิบ้าง อ่านหนังสือธรรมะ บ้างพวกท่านทั้งหลายเหล่านั้น จะบอกว่าระวังเป็นบ้า นะ เดี๋ยวจะบ้ามาก ขึ้น ทำตัวให้เหมือน ๆ ชาวบ้านเขา อย่างนี้เรียกว่าปกติ ทำตัวนั่งสมาธิ ฟังธรรมะ อันนี้มันเกินธรรมดา
 
   ด้วยความสงสัยว่า หลักพระพุทธศาสนา นั้นทำให้คนเป็นบ้า อย่างที่เขาว่าไว้จริง ๆ หรือไม่ครับ

  อยากให้เพื่อนช่วยร่วมวิจารณ์จะได้เป็นประโยชน์กำลังใจแก่ผู้ที่กำลังภาวนาเช่นผมครับ

 ขอบคุณทุกท่านครับ
   :25: :25: :25: :c017: :c017: :c017:


หัวข้อ: Re: การปฏิบัติ ทางจิต ของพระพุทธศาสนานั้น ทำให้วิกลจริต ได้หรือไม่ครับ ?
เริ่มหัวข้อโดย: ธรรมะ ปุจฉา ที่ มิถุนายน 19, 2012, 01:07:34 pm
ตอบได้เลยว่าไม่จริงจ๊ะ

           เรามาฝึกจิตให้มีกำลัง ให้แข็งแกร่ง  ให้จิตเข็มแข็ง  เช่น  การเอาชนะ นิวรณ์ ไม่ให้เข้าครองงำเราได้
เช่น    ความง่วง ในเวลาที่ปฏิบัติ  เราก็สามารถเอาชนะความง่วงได้
        ความเมื่อยกาย ความปวดกาย  ในเวลาที่ปฏิบัติ  เราก็สามารถเอาชนะความเมื่อยกาย ความปวดกายได้
        ความฟุ้งซ้าน  ในเวลาที่ปฏิบัติ  เราก็สามารถเอาชนะความฟุ้งซ้านได้

   พอจิตมีกำลัง จิตแข็งแกร่ง  จิตเข็มแข็งแล้ว  ก็เป็นการอยากที่ใครจะมาทำอะไรเราได้  อย่างเช่นว่า วันดีคือดี คนที่เรารัก เกิดต้องมาเสียชีวิตไป ถ้ามีจิตสติ ครองสติได้ก็ไม่มีอะไร  แต่ถ้าไม่ได้มีการฝึกจิตเลย ตามใจจิตตามใจตัวเองมาตลอด พอถึงเวลาสูญเสีย สิ่งที่ตัวเองรัก ก็ไม่มีสติ คุมตัวเองไม่ได้ สติแตก เป็นบ้าไปเลย ได้แต่เห็นตามใจตัวเอง ว่าไม่จริง เขายังไม่ตาย ไม่ยอมเห็นตามความเป็นจริง ว่าตอนนี้เขาตายแล้ว เขาจากเราไปแล้วเราต้องยอมรับ  อย่างนี้เป็นตน

   ก็ตอนที่พระพุทธองค์ ได้ตรัสรู้ แล้วได้ตรัส เช่นไร  "ธรรมนี้เป็นของยาก" จะไม่ตรัส บอกสอนแก่ใครแล้ว  แต่ท้าวมหาพรหม ได้ขอไว้ พระองค์จึงทำการตรวจดู แล้วเปรียบมนุษย์นี้เหมือนบัวสี่เหล่า   ก็แล้ว  ท่านคิดว่า ท่านเป็นบัวเหล่าไหน


หัวข้อ: Re: การปฏิบัติ ทางจิต ของพระพุทธศาสนานั้น ทำให้วิกลจริต ได้หรือไม่ครับ ?
เริ่มหัวข้อโดย: ฟ้าใหม่แจ่มใส ที่ มิถุนายน 19, 2012, 08:06:09 pm
(http://www.madchima.net/images/606_khutaka_1.gif)

อยากให้พิจารณา การฝึกกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เลยคะว่าผู้ฝึกจิตมีแต่จิตเข้มแข็งนะคะ

  :25: :88: :58: :bedtime2:


หัวข้อ: Re: การปฏิบัติ ทางจิต ของพระพุทธศาสนานั้น ทำให้วิกลจริต ได้หรือไม่ครับ ?
เริ่มหัวข้อโดย: waterman ที่ มิถุนายน 19, 2012, 09:11:12 pm
(http://a7.sphotos.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/319751_311685115579616_1663132398_n.jpg)
ขอบคุณที่มาของภาพ http://www.madchima.org/madchimaRDN (http://www.madchima.org/madchimaRDN)

 ถ้าเข้าวัตถุประสงค์ของการภาวนา เชื่อว่าน่าจะกระจ่าง ด้วยใจ

  :25: :25: :25:


หัวข้อ: Re: การปฏิบัติ ทางจิต ของพระพุทธศาสนานั้น ทำให้วิกลจริต ได้หรือไม่ครับ ?
เริ่มหัวข้อโดย: เสกสรรค์ ที่ มิถุนายน 20, 2012, 09:52:26 am
คำว่า วิกลจริต  วิกล หมายถึง พิศดารผิดประเภท  จริต นิสัย  ความหมายของคนทั่วไป ก็คือ บ้า เสีย สติ

การปฏิบัติภาวนา ถ้าปฏิบัติถูกต้องตามหลักการภาวนาแล้ว ก็ต้องไม่บ้า ครับ

 แต่ที่ บ้า ไปจริง ๆ ก็มี คือ เสียสติ หลุดโลก ไปก็มีมากมาย

 ดังนัั้นเพื่อไม่ให้ผิดทาง หรือ วิกลจริต ต้องเรียนกรรมฐาน ภาวนากรรมฐาน ที่ถูกทาง มีกัลยาณมิตร ดูแลด้วยครับ

  :96:


หัวข้อ: Re: การปฏิบัติ ทางจิต ของพระพุทธศาสนานั้น ทำให้วิกลจริต ได้หรือไม่ครับ ?
เริ่มหัวข้อโดย: ธรรมะ ปุจฉา ที่ มิถุนายน 20, 2012, 12:13:42 pm
พระบรมศาสดา  เมื่อได้ทรงสดับคำอาราธนาของท้าวมหาพรหมแล้ว  ก็มีพระทัยกรุณาในหมู่สัตว์  ซึ่งเป็นธรรมดาของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์  ย่อมทรงปรารถนาที่จะประกาศพระสัทธรรมเทศนาโปรดเวไนยสัตว์  และพระองค์เอง  เมื่อรุ่งอรุณแห่งวันตรัสรู้  ได้บรรลุทิพยจักษุญาณแล้ว  ทรงพิจารณาตรวจดูสัตว์โลกก็ทรงทราบชัดว่า  หมู่สัตว์นั้นมี  ๔  จำพวก  ตามลำดับแห่งกิเลสหนาและเบาบางต่างกัน  ซึ่งเปรียบได้กับดอกบัว ๔ ประเภท คือ
       
      ๑. อุคฆฏิตัญญู
      ๒. วิปจิตัญญู
      ๓. เนยยะ
      ๔. ปทปรมะ

   ไปดูที่ข้อ ๓. เนยยะ คือ บุคคลผู้มีวาสนาบารมีน้อย  มีสติปัญญาน้อย  อีกทั้งมีกิเลสหนาแน่น  เมื่อได้ฟังพระสัทธรรมบ่อยๆ และได้กัลยาณมิตรคอยแนะนำพร่ำสอน  พยายามทำความเพียรไม่ขาดระยะ  เจริญสมถวิปัสสนาสืบไป  ก็สามารถบรรลุมรรคผลได้เช่นกัน

กัลยาณมิตรคอยแนะนำพร่ำสอน จากข้อนี้จะเห็นได้ชัดเจน ว่า ต้องมีคนที่คอยแนะนำ พร่ำสอน  คงจะไม่ใช่เพื่อนที่รู้ไม่มากกว่าเราไปเท่าไหร่มาพร่ำสอนเป็นแน่ คงจะเป็นได้แต่กัลยาณมิตรที่เป็นครูบาอาจารย์ ที่จะคอยแนะนำพร่ำสอนให้ความรู้ที่ถูกต้องได้

     ดังนี้แล้วจึงจักไม่หลง ไม่วิปลาส  ไม่เสียสติ

  พระพุทธเจ้าได้มีได้เกิดขึ้นแล้ว  ไม่มีองค์ที่สองซ้อนในพุทธกัป  เราๆเองคงทำได้เพียง เป็นสาวก  คงจะไม่สามารถที่จะตรัสรู้ได้เอง เพราะฉนั้น เราก็มีหน้าที่ทำตามศึกษาตาม คำสั่งสอนของพระพุทธองค์  ไม่ต้องไปคิดเอง  เออเอง  ออเอง  เหมือนๆ ว่า  จะตรัสรู้เอง มันเป็นไปไม่ได้ จะไปเป็นพระพุทธเจ้าหร๋อ? 

    มีพระสูตรไว้แล้วให้ศึกษา

  ขอให้ทุกท่านใช้ความอดทน ใช้ความเมตตา  ในการช่วยกันตอบ 

     ในการถาม  หลายคน  ถามเพราะไม่รู้
                  หลายคน  ถามเพราะรู้  แต่ก็ยังจะถาม

      อยากให้ทุกท่าน  มองให้เห็นเป็นประโยนช์  ที่ทุกท่านจักได้  ในการตอบคำถาม  ว่าเป็นบุญบารมีที่ทุกท่านจะได้กัน  ถ้าทุกท่านตั้งใจทำให้เป็นบุญ  ไม่มั่วมา จะเอาแต่ชนะ  ค่อยๆนำแสนอ พระพุทธองค์ได้ตอบไว้ครบหมดแล้ว นำมาตอบได้  ไม่มีใครที่จะสามารถเถียงพระพุทธองค์ได้ 

        เราเห็นประโยนช์อย่างนี้แล้วจึงนำมา  สาธุ  สาธุ

   พระพุทธองค์ทรงตรัสเรื่องบุคคลไว้ในบุคคลสูตรแด่พระเจ้าปเสนทิโกศลว่า  บุคคลมี ๔ ประเภท คือ
       
        ๑. ตโม  ตมปรายโน   พวกที่มืดมา  แล้วมือไป
        ๒. ตโม  โชติปรายโน  พวกที่มืดมา  แล้วสว่างไป
        ๓. โชติ  ตมปรายโน   พวกที่สว่างมา แล้วมืดไป
        ๔. โชติ  โชติปรายโน  พวกที่สว่างมา แล้วสว่างไป

    ก็แล้ว  เราละ  เป็นพวกไหน?


หัวข้อ: Re: การปฏิบัติ ทางจิต ของพระพุทธศาสนานั้น ทำให้วิกลจริต ได้หรือไม่ครับ ?
เริ่มหัวข้อโดย: nonestop ที่ มิถุนายน 20, 2012, 09:25:56 pm

ฝึกสมาธิ แล้ว กลัวเป็นบ้า !!!!!
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=5208.0 (http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=5208.0)

 :s_hi:


หัวข้อ: Re: การปฏิบัติ ทางจิต ของพระพุทธศาสนานั้น ทำให้วิกลจริต ได้หรือไม่ครับ ?
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ มิถุนายน 21, 2012, 09:21:34 am
โดยรวม ก็คือ บุุคคลผู้ปฏิบัตินั้น ต้องประกอบตนด้วย สัมมาทิฏฐิ ด้วยถ้าขาด สัมมาทิฏฐิ สิ่งที่เรียกว่าการปฏิบัตินั้นก็จะแปรเปลี่ยนเป็น มิจฉา ทางผิดทันที เมื่อปฏิบัติแบบ มิจฉาทิฏฐิ ลงไปแล้ว ก็ไม่พ้นวิกลจริต บ้า ฟั่นเฟื่อน ดังนั้น ต้องภาวนาเพื่อ พระนิพพานเท่านั้น จึงจะไม่วิกลจริต

 
   การภาวนา เพื่อ พระนิพพาน นั้นเป็นการภาวนา เพื่อ เพื่อละดับทุกข์ และการไม่กลับมาเกิด นั่นเอง
  เจริญพร /เจิรญธรรม

 ;)