สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 13, 2012, 11:46:18 am



หัวข้อ: เถรส่องบาตร ส่องทำไม.?
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 13, 2012, 11:46:18 am

(http://www.ladysquare.com/uploads/seahorse/2007-09-11_200221_IMG_1196.jpg)


เถรส่องบาตร ส่องทำไม.?

    เล่ากันมาว่า มีพระเถระเจ้าสำนักปฏิบัติแห่งหนึ่งท่านเป็นผู้ที่เคร่งครัดในพระวินัยยิ่งนัก ด้วยเหตุดังกล่าวก่อนจะออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ประจำวัน ตอนฟ้าสางๆ ท่านมักจะยกบาตรขึ้นส่องกับแสงสว่าง เพื่อจะดูว่าบาตรลูกนี้มีรูรั่วหรือไม่ ?

    ส่วนพระลูกวัดไม่ทราบความมุ่งหมาย และมิได้ไต่ถามถึงเหตุผล ครั้นเห็นผู้นำยกบาตรขึ้นส่องดู พวกตนก็ยกบาตรขึ้นส่องดูตามไปด้วยเป็นแถว แต่มิได้ยกขึ้นดูรูรั่วของบาตร ครั้นล่วงกาลนานมา ประเพณีเถรส่องบาตรจึงระบาดไปทั่วในหมู่นักปฏิบัติกรรมฐาน มีผู้เล่าขานต่อๆ กันมาจนทุกวันนี้


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

    อันการที่เราทำอะไรโดยไม่รู้จริง ๑
    ไม่รู้แล้วก็ไม่สอบถามท่านผู้รู้ ๑
    ไม่ศึกษาและไม่ค้นคว้าด้วยตนเอง ๑
    นอกจากจะเป็นบ่อเกิดแห่งความงมงายแล้ว ยังเป็นแบบอย่างในทางลบแก่อนุชนอีกด้วย เพราะการทำอะไรตามๆ กันมาโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือด้วยความหลงผิดก็ตาม เมื่อทำจนติดเป็นนิสัยแล้วก็ย่อมจะแก้ภายหลังยาก แม้จะมารู้ภายหลังว่าไม่ถูกต้อง เหมือนผ้าที่ขาวสะอาดถูกย้อมด้วยน้ำสีแล้วเอามาซักออกภายหลัง ฉะนั้น


(http://pic20.picturetrail.com/VOL1606/9235582/17009069/284534882.jpg)

 
    วิธีที่จะปลอดจากความงมงาย ที่นับว่าได้ผลชะงัดนัก ก็คือ
    การเล่าเรียนพระธรรมวินัย โดยเฉพาะจากพระไตรปิฎกและอรรถกถา (เป็นดีที่สุด) การฟังมาก อ่านมาก

   หรือเมื่อเกิดสงสัยอะไรแล้ว ก็อย่าได้ถือรั้น อย่าเดาสุ่มทำไป
   ควรรีบสอบถามท่านผู้รู้ในทันที ไม่ควรที่จะเก็บความสงสัยไว้นานๆ เพราะอาจจะลืมได้
   ถ้าไม่สะดวกก็ควรจดบันทึกไว้ก่อน เมื่อมีโอกาสพบท่านผู้รู้ก็นำไปกราบเรียนถามเสียให้หายสงสัย

   เมืองไทยเรานี้ดีนัก มีนักปราชญ์มาก ถ้าเราไม่ถือทิฐิมานะและอัตตาที่รุนแรงแข็งขันแล้ว
   ก็ยังมีท่านที่มีเมตตาช่วยชี้แนะให้มากมาย
   ขอแต่ว่าให้เราทำตนเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่หยิ่ง ยะโสโอหัง สุภาพ
   ก็ย่อมจะมีบัณฑิตให้ความเมตตาช่วยเหลืออื้อซ่าไปเลยทีเดียว



ที่มา http://www.dhammajak.net/book-dhammaraksa/-14-2.html (http://www.dhammajak.net/book-dhammaraksa/-14-2.html)
ขอบคุณภาพจาก http://www.ladysquare.com/,http://pic20.picturetrail.com/ (http://www.ladysquare.com/,http://pic20.picturetrail.com/)


หัวข้อ: Re: เถรส่องบาตร ส่องทำไม.?
เริ่มหัวข้อโดย: magicmo ที่ กรกฎาคม 13, 2012, 02:19:37 pm
ขอบคุณมากๆนะครับ


หัวข้อ: ตาเถน ส่องบาตร
เริ่มหัวข้อโดย: แพนด้า ที่ กรกฎาคม 13, 2012, 02:43:56 pm
เคยได้ยิน แต่เรื่อง เถนส่องบาตร นะครับ
 

     เรื่องมีอยู่ว่า

           ที่วัดแห่งหนึ่ง มีพระรูปหนึ่ง ชาวบ้านศรัทธา กันมาก มีคนขึ้นตรงมาหาท่านแทบทุกวัน จนกตาเถน ( หมายถึงคนนุ่งขาวห่มชาว แบบพระแต่เป็นสีขาว ไม่ได้โกนผม ก็เกิดความสงสัยว่า พระเถระท่านมีเคล็ดลับอย่างไร คนถึงขึ้นกันมาก แกก็มาแอบดูทุกวัน จนกระทั่งเห็น พระเถระท่านนำมาบาตรมาส่อง แล้ว ก็เป่าบาตรด้วย ตาเถนก็เลยเข้าใจว่า ต้องทำอย่างนั้น แต่ถ้าจะทำให้เหมือนต้องมีคาถาเป่าด้วย จึงได้เข้าไปหาพระเถระ แล้วถามว่า

     คาถาอะไรทำให้สัมฤทธิ์ผล ตามความปรารถนาครับ พระเถระท่านจ้องหน้า ตาเถน แล้วก็พูดขึ้นว่า

     พุทโธ

     ตาเถน ทวน พุทโธ เท่านี้หรือขอรับ

     ใช่ เท่านี้ ใช้เสก ใช้เป่า ได้สาระพัด

     ตาเถนดีใจ ทุกวันตอนเช้า ก็จะยืนถือบาตร เป่าพุทโธ อย่างนี้ทุกเช้า เลยทำให้ สามเณรที่เห็นเกิดความสงสัยว่า ตาเถน ทำอะไร ทำไมต้องทำอย่างนั้น ก็เลยเข้าไปถามว่า ตาเถนทำอะไร

     ตาเถนก็ตอบว่า  บอกไม่ได้เป็นเคล็ดลับ เณรอยากรู้ก็ต้องลองทำดู

     สามเณรก็ลองทำตาม ปรากฏว่า พฤติกรรมส่องบาตรของตาเถนนี้ ชาวบ้านทราบข่าวก็เลยเข้ามาถาม มาดูกันว่า ตาเถนมีปริศนาอะไร

      ครั้นชาวบ้านมากันมากขึ้น ตาเถนก็คิดว่า มีชาวบ้านมาเพราะการเสกของแก ๆ ก้เลย เสก 3 เวลาเลยตอนนี้ ครั้นนาน ๆ ไปชาวบ้านเห็นกันชิน ก็คิดว่าต้องมีคาถาศักดิ์สิทธิ์ ก้เลยเข้ามาขอเรียนกับแก ตาเถนก็ไม่เคยถ่ายทอดอะไรบอกอะไร นอกจากให้ส่องบาตร และ ว่าพุทโธ

     ที่มาของเรื่อง ตาเถน ส่องบาตร

    เรียบเรียงได้ไม่ค่อยดี นะครับ

    :s_hi:

(http://charoon-tan.exteen.com/avatar.org.jpg)


หัวข้อ: Re: เถรส่องบาตร ส่องทำไม.?
เริ่มหัวข้อโดย: บุญเอก ที่ กรกฎาคม 14, 2012, 12:46:09 am
 :c017: :25: :25:


หัวข้อ: Re: เถรส่องบาตร ส่องทำไม.?
เริ่มหัวข้อโดย: Hero ที่ กรกฎาคม 14, 2012, 06:47:24 pm
เนื้อเรื่องคนละแบบ แต่เนื้อหา สาระ ยังคงแบบเดิม นะครับ

  :c017: :25: