สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 08:01:01 pm



หัวข้อ: ฮือฮา! ป่าช้าเชียงใหม่อายุ 200 ปี ทาสีสันฉูดฉาด
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 25, 2012, 08:01:01 pm


(http://www.thairath.co.th/media/content/2012/07/25/278750/hr1667/630.jpg)


ฮือฮา! ป่าช้าเชียงใหม่อายุ 200 ปี ทาสีสันฉูดฉาด

ชาวบ้านร่วมปรับปรุงภูมิทัศน์ของป่าช้าโบราณอายุกว่า 200 ปี ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ โดยได้ทาสีฟ้า-ชมพูฉูดฉาด สร้างความสนใจแก่ผู้ผ่านไปมา และลดความน่ากลัวลงอย่างหมดสิ้น...

เรื่องราวสุดฮือฮา จากเสียงเล่าลือชาวบ้านพร้อมใจสามัคคีทำป่าช้าที่แสนจะน่ากลัวกลางเมืองเชียงใหม่ให้กลายเป็นบ้านหลังสุดท้ายสีสันฉูดฉาด คลายเศร้าคลายโศกทันทีที่เผาในป่าช้าแห่งนี้ โดยเมื่อเวลา 13.00 วันที่ 25 ก.พ.นี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ป่าช้าบ้านหนองหอย ถ.มหิดล ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เป็นย่านใจกลางเมืองเชียงใหม่

โดยเมื่อไม่นานมานี้ป่าช้าแห่งนี้ได้ตั้งอยู่ริมถนนดูวังเวงและน่ากลัวมาก เมื่อเดินหรือขับรถผ่าน ด้วยความเก่าแก่และสีขาวดำชวนสยองเสียวสันหลัง จนมีหลายฝ่ายว่าป่าช้าแห่งนี้ไม่น่าจะตั้งใกล้ถนนสายหลักของเชียงใหม่ แต่มาในวันนี้ป่าช้าที่ทาสีตกแต่งใหม่ด้วยสีฟ้าสดใส สลับสีชมพูหวานแหวว ไม่ว่าจะเป็นศาลาหลังใหญ่และเมรุเผาผีแบบโบราณ รวมทั้งห้องอาบน้ำศพจะทาสีฟ้าสดใสสลับสีชมพู และบริเวณตกแต่งประดับไม้ดอกดูงดงามราวเที่ยวในรีสอร์ต



(http://www.thairath.co.th/media/content/2012/07/25/278750/o2/420.jpg)


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่ยืนชมความงดงามของป่าช้าที่ครั้งหนึ่งน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ก็ได้พบกับนายนพดล คำเพิ่ม อายุ 42 ปี เป็นสัปเหร่อประจำป่าช้า พร้อมทั้งนายสุกิจ ภู่ทาสิน หรือ หนุ่มเอวบาง อายุ 66 ปีที่เป็นทั้งอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโหราศาสตร์และพิธีกรรมแบบล้านนาโบราณและนักจัดรายการวิทยุชุมชนชื่อดังของเมืองเชียงใหม่ ได้มาดูความเรียบร้อยภายในป่าช้าแห่งนี้

นายนพดล คำเพิ่ม สัปเหร่อป่าช้าหนองหอย ได้เปิดเผยว่าป่าช้าแห่งนี้แต่เดิมหน้ากลัวมากเพราะมีอายุร่วม 200 ปี เก่าแก่ใช้ในการเผาศพคนหลายหมู่บ้านมาแต่โบราณ บรรยากาศทึมน่ากลัว และต่อมาถูกน้ำท่วมหนักก็ยิ่งดูน่ากลัวหนักเข้าไปอีก แม้จะเป็นป่าช้าอยู่ย่านใจกลางเมืองติดถนนสายหลักของเชียงใหม่ แต่เมื่อมีชาวบ้านร่วมใจกันเข้ามาช่วยพัฒนาโดยไม่ใช้งบทางราชการ

โดยมีการทาสีสันที่สวยงาม ทำให้กลายเป็นสิ่งที่น่ามองมากกว่าความน่ากลัว และมีศพเข้ามาเผาจำนวนมาก ทางญาติๆ เห็นป่าช้าก็คลายความทุกข์โศกลง เพราะจะเห็นเป็นบ้านที่สวยงาม มากกว่าเป็นป่าช้าที่น่ากลัว ซึ่งตนอยู่ที่แห่งนี้มานานเมื่อเห็นญาติผู้เสียชีวิตมีรอยยิ้มคลายโศกก็มีความสุขใจไปด้วย



(http://www.thairath.co.th/media/content/2012/07/25/278750/o3/420.jpg)


ทางด้านนายสุกิจ ได้เปิดเผยว่าป่าช้าแห่งนี้อยู่มาถึง 200 ปีแล้ว แต่ก่อนกลางคืนคนแทบไม่กล้าจะผ่านเกรงว่าจะเจอวิญญาณหรือผีโผล่ออกมาให้เห็น เพราะติดเส้นทางถนนสายใหญ่ จนกระทั่งก่อนหน้านี้น้ำท่วมเมืองเชียงใหม่ และป่าช้าแห่งนี้ก็ถูกน้ำท่วมไปด้วยก็ยิ่งเพิ่มความหน้ากลัวไปอีก ตนจึงได้คิดว่าจะต้องหางบมาบูรณะป่าช้าพร้อมแปลงโฉมใหม่ลดความน่ากลัวลง

ตนจึงได้จัดรายการวิทยุชุมชนที่มีชาวบ้านฟังกันมาในเชียงใหม่ ประกาศเชิญชวนให้คนมาร่วมในการบูรณะบ้านหลังสุดท้ายของคนเรา ก็คือป่าช้าหนองหอย ให้กลับมามีชีวิตชีวาและสดใสคลายความน่ากลัว ทำให้มีแฟนข่าวของตนจำนวนมากขอบริจาคร่วมในการบูรณะตกแต่ง จนได้เงินมาพอสมควร จึงได้มีการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ และสีสันของเมรุที่เผาศพทั้งเก่าและใหม่

หลังจากทำได้ไม่นานคนที่มาใช้เผาศพญาติต่างก็ออกปากชมว่า ทำไมป่าช้าแห่งนี้ จึงมีสีสันสวยงามเข้ามาแล้วสุขใจ น่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมากกว่าเป็นป่าช้า ซึ่งตนจึงอธิบายว่านี่เป็นบ้านหลังสุดท้ายของคนไม่ว่าจะเป็นยาจกยากจนข้นแค้น หรือเศรษฐีอยู่มั่งมีศรีสุข สุดท้ายของชีวิตจะต้องมาผ่านบ้านหลังสุดท้ายทุกคน จากนั้นจะไปเกิดเป็นอะไรก็แล้วแต่กองบุญที่ได้สร้างได้ทำกันมา

    "สำหรับที่ใช้สีฟ้าสดใสกับสีชมพู ก็เพราะว่าสีฟ้าหมายถึง เบื้องบนสูงสุดเป็นสีของชั้นฟ้า
    ส่วนสีชมพูเป็นชั้นแห่งสวรรค์ คนที่ผ่านไปมาเห็นข้างนอกก็คิดว่า เป็นสถานที่ตั้งพระพิฆเนศหรือเทวสถาน   
    บางคนถึงกับยกมือไหว้ และหลังจากที่ทาสีอย่างดงามแล้ว ก็เป็นที่สะดุดตาผู้ผ่านไปมาและความน่ากลัวก็หมดสิ้นไป" นายสุกิจ กล่าว



ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.thairath.co.th/content/region/278750 (http://www.thairath.co.th/content/region/278750)