สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 19, 2012, 11:58:42 am



หัวข้อ: ตัวโกรธ กับ 'เสียงเกี๊ยะ'
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 19, 2012, 11:58:42 am


(http://1.bp.blogspot.com/-jgUtFtKvV9Y/T9r0oxm9ROI/AAAAAAAAA0w/CgSk-CruAHE/s1600/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%B2+%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%A3.jpg)
หลวงปู่บุดดา  ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญ  จ.สิงห์บุรี

ตัวโกรธ กับ 'เสียงเกี๊ยะ'

    ผู้รู้ธรรมนั้นไม่ได้หมายถึงผู้ทรงจำคัมภีร์ได้มากหรือเทศน์เก่ง หากได้แก่ผู้ที่รู้จักจิตใจของตนและ เท่าทันอารมณ์ที่บังเกิดขึ้น บางครั้งหลวงปู่บุดดาก็มีวิธีการแปลก ๆ เพื่อเตือนให้ตระหนักถึงความจริงข้อนี้

    คราวหนึ่งหลวงปู่ได้รับอาราธนาให้เทศน์คู่กับท่านเจ้าคุณรูปหนึ่ง ท่านเจ้าคุณรูปนั้นเห็นหลวงปู่ บุดดาเป็นพระบ้านนอก คงไม่มีความรู้ด้านปริยัติธรรมมากเท่าใด จึงถามหลวงปู่ทำนองหยั่งเชิงว่า “จะเทศน์เรื่องอะไร ?”     

     หลวงปู่บุดดาตอบว่า “เรื่องตัวโกรธ กิเลสตัณหา“

     ท่านเจ้าคุณก็ถามลองภูมิต่อว่า “ตัวโกรธเป็นอย่างไร?”….

      “ส้นตีนไงล่ะ” หลวงปู่ตอบ

     เท่านั้นแหละท่านเจ้าคุณก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง และไม่ยอมเทศน์คู่กับหลวงปู่
     หลวงปู่จึงต้องขึ้น เทศน์รูปเดียว เมื่อเทศน์จบแล้ว ท่านก็ไปขอขมาท่านเจ้าคุณรูปนั้น
     แล้วอธิบายให้ท่านเจ้าคุณรู้ว่า “ตัวโกรธ” เป็นอย่างนี้เอง

   เราสามารถเรียนรู้ธรรมได้จากอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้น หากเพียงแต่รู้จักเฝ้ามองให้เป็น แต่ถ้าลืมตัว มันก็สามารถครอบงำจิตใจเราได้ และพลอยทำให้เราตกเป็นทาสของสิ่งแวดล้อม สุดแท้แต่ว่ามันจะปรุงแต่ง ให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ แก่เรา

       นอกจากเรียนธรรมจากอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นแล้ว บางครั้งหลวงปู่ก็ใช้สถานการณ์รอบตัวเป็น เครื่องมือสอนธรรม โดยท่านเพียงแต่สะกิดให้ฉุกคิดเท่านั้น

      ครั้งหนึ่งหลวงปู่ได้รับนิมนต์ไปฉันเพลที่บ้านโยม เมื่อฉันเสร็จแล้ว เจ้าของบ้านเห็นหลวงปู่เดินทางมาเหนื่อย จึงขอให้ท่านเอนกายพักผ่อนก่อนเดินทางกลับ ระหว่างนั้นข้างห้องซึ่งเป็นร้านขายของ มีคนเดินลากเกี๊ยะกระทบพื้นบันไดเสียงดัง

      ศิษย์คนหนึ่งทนเสียงเกี๊ยะไม่ได้ จึงบ่นว่า

     “แหม เดินเสียงดังเชียว

      หลวงปู่ซึ่งนอนหลับตาอยู่จึงพูดเตือนว่า

      “เขาเดินของเขาอยู่ดี ๆ เราเอาหูไปรองเกี๊ยะเขาเอง“
 


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://dhammasatta.igetweb.com/index.php?mo=3&art=209377 (http://dhammasatta.igetweb.com/index.php?mo=3&art=209377)
http://1.bp.blogspot.com/ (http://1.bp.blogspot.com/)


หัวข้อ: Re: ตัวโกรธ กับ 'เสียงเกี๊ยะ'
เริ่มหัวข้อโดย: ประสิทธิ์ ที่ สิงหาคม 24, 2012, 08:01:37 am
มองดี ๆ หลวงปู่ มีอารมณ์ ขัน นะครับ
มองแบบเซ็น ก็มองว่า มอบธรรม แบบฉับพลัน ( เซ็น )
แต่มอง ดี ๆ ก็เป็นพื้นฐาน ที่ถูกทดสอบ

   เป็นเจ้าคุณ ถ้าไม่เข้าใจ ก็ เคืองกันได้
  อ่านแล้ว ต้องระวัง สติ ให้มากขึ้น

  :s_hi: :c017:


หัวข้อ: Re: ตัวโกรธ กับ 'เสียงเกี๊ยะ'
เริ่มหัวข้อโดย: teepung ที่ สิงหาคม 24, 2012, 06:24:38 pm
หลวงปู่ท่าน เลือกวิธีสอน แบบตรง ๆ  นะครับ งานนี้ เรียกว่า ลองกำลังเฉพาะหน้า
 :49: :c017:


หัวข้อ: Re: ตัวโกรธ กับ 'เสียงเกี๊ยะ'
เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ สิงหาคม 25, 2012, 07:45:46 am

       ผู้รู้ธรรมนั้นไม่ได้หมายถึงผู้ทรงจำคัมภีร์ได้มากหรือเทศน์เก่ง หากได้แก่ผู้ที่รู้จักจิตใจของตนและ เท่าทันอารมณ์ที่บังเกิดขึ้น บางครั้งหลวงปู่บุดดาก็มีวิธีการแปลก ๆ เพื่อเตือนให้ตระหนักถึงความจริงข้อนี้

    คราวหนึ่งหลวงปู่ได้รับอาราธนาให้เทศน์คู่กับท่านเจ้าคุณรูปหนึ่ง ท่านเจ้าคุณรูปนั้นเห็นหลวงปู่ บุดดาเป็นพระบ้านนอก คงไม่มีความรู้ด้านปริยัติธรรมมากเท่าใด จึงถามหลวงปู่ทำนองหยั่งเชิงว่า “จะเทศน์เรื่องอะไร ?”     

     หลวงปู่บุดดาตอบว่า “เรื่องตัวโกรธ กิเลสตัณหา“

     ท่านเจ้าคุณก็ถามลองภูมิต่อว่า “ตัวโกรธเป็นอย่างไร?”….

      “ส้นตีนไงล่ะ” หลวงปู่ตอบ

     เท่านั้นแหละท่านเจ้าคุณก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง และไม่ยอมเทศน์คู่กับหลวงปู่
     หลวงปู่จึงต้องขึ้น เทศน์รูปเดียว เมื่อเทศน์จบแล้ว ท่านก็ไปขอขมาท่านเจ้าคุณรูปนั้น
     แล้วอธิบายให้ท่านเจ้าคุณรู้ว่า “ตัวโกรธ” เป็นอย่างนี้เอง

                         (http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTFHcjuZyljgO9QUUtXY_uP6owIxjtNP0At3T_Qu1usLo94KyxMqA)

     มากรู้หยั่งตำรา          เพียรแต่หาอัตตากู
ตัวโกรธอย่างไรสู          "ส้นตีนไง" แจ่มแก่ทรวง.


                                                                                                    ธรรมธวัช.!



http://www.kaewjamfa.org/article-113.php