หัวข้อ: นครศรีฯ..ย่อส่วนพุทธสิหิงค์ ขยายศรัทธาพลัง..รับพุทธชยันตี เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 22, 2012, 11:56:19 am (http://www.thairath.co.th/media/content/2012/08/18/284460/hr1667/630.jpg) ผู้ศรัทธาเข้าสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ ในวันสงกรานต์ ณ ท้องสนามหลวง. นครศรีฯ..ย่อส่วนพุทธสิหิงค์ ขยายศรัทธาพลัง..รับพุทธชยันตี พระพุทธสิหิงค์....เป็นพระพุทธรูปซึ่ง คนไทย เลื่อมใสว่า...ศักดิ์สิทธิ์!! ทุกๆปี.....ช่วงมีการ เฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ หรือ “ตรุษไทย” ระหว่าง 12 ถึง 15 เมษายน ตลอดระยะ 78 ปี พุทธศาสนิกชนในกรุงเทพฯและปริมณฑลจะประกอบกิจสร้างสิริมงคลต่อตนเอง.....ด้วยการสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ ณ ทุ่งพระเมรุ (เมื่อปี 2477 พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรี ได้จัดพิธีสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์เพื่อสร้างสิริมงคลและเป็นขวัญกำลังใจแก่ชาวไทยในวันสงกรานต์จากนั้นจึงได้ยึดถือเป็นประเพณีสืบต่อถึงปัจจุบัน) พระพุทธสิหิงค์.....สร้างโดยเจ้าลังกา 3 พระองค์ โดยร่วมพระทัยกันกับพระอรหันต์ในเกาะลังกา ราวๆปี พ.ศ.700 ซึ่งตำนานบันทึกว่า มีความตั้งใจจะให้ได้พระพุทธรูปเหมือนองค์พระพุทธเจ้าจริงๆ (http://www.thairath.co.th/media/content/2012/08/18/284460/o6/420.jpg) วัดพระมหาธาตุฯ ปริมณฑลในพิธีมหาพุทธาภิเษก. การปั้นแม่พิมพ์....พญานาคซึ่งเคยเห็นองค์พระพุทธเจ้า จึงมาแปลงกายให้ดูเป็นแบบและตัวอย่าง.... ระหว่าง พ.ศ.1820 ถึง 1860......พระภิกษุลังกาเข้าสู่ประเทศสยาม กิตติศัพท์เลื่องชื่อถึงพระพุทธรูปลักษณะที่งดงามซึ่งมีพลังศักดิ์สิทธิ์ตามติดมาด้วย พ่อขุนรามคำแหงฯทรงทราบจึงทูล ถึงวัตถุประสงค์ผ่านพระเจ้าศรีธรรมโศกราช ให้แต่งตั้งทูตเชิญพระสาส์นไปขอประทานพระพุทธสิหิงค์จากเจ้ากรุงลังกา เมื่อได้ตามพระราชประสงค์....พระเจ้าศรีธรรมโศกราชจึงได้ส่งพระพุทธสิหิงค์มายังกรุงสุโขทัย โดยทางเรือขึ้นฝั่งที่ นครศรีธรรมราช และมีการจัดงาน พิธีสมโภชใหญ่โตเป็นเวลา 7 วัน (http://www.thairath.co.th/media/content/2012/08/18/284460/o7/420.jpg) พระพุทธสิหิงค์ นครศรีฯ ย่อส่วน. พ่อขุนรามคำแหงฯเสด็จไปรับพระพุทธสิหิงค์ถึงนครศรีธรรมราชด้วยพระองค์เอง แล้วอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ กรุงสุโขทัย พระมหากษัตริย์กรุงสุโขทัยทุกพระองค์ได้ทรงเคารพบูชาพระพุทธสิหิงค์ตลอดมา กาลเวลาที่ยาวนาน ...ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและอำนาจ การสงครามใครชนะ จะอัญเชิญพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ไปประดิษฐาน ณ บ้านเมืองตัวเอง ล่วงถึงปี 2334..... สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดเกล้าฯให้ สมเด็จพระอนุชาธิราชกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ยกกองทัพไปขับไล่กองทัพพม่าพ้นเมืองเชียงใหม่ จึงได้ทรงอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ จนถึงปัจจุบัน ในพระราชอาณาจักรแห่งแผ่นดินสยาม.... มีพระพุทธสิหิงค์อยู่ 3 องค์ องค์ที่ 1 เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิเนื้อโลหะสัมฤทธิ์ ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กทม. อีก 2 องค์ ประดิษฐานในภูมิภาค คือ เชียงใหม่ ณ วิหารลายคำ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เป็นพระพุทธรูปเนื้อสัมฤทธิ์ลงรักปิดทองศิลปะเชียงแสนปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชร กับอีกองค์เนื้อหล่อด้วยสัมฤทธิ์ปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชรเช่นกัน ประดิษฐานในหอพระพุทธสิหิงค์ ข้างศาลากลางนครศรีธรรมราช (http://www.thairath.co.th/media/content/2012/08/18/284460/o5/420.jpg) พระพุทธสิหิงค์ องค์ประดิษฐานที่นครศรีธรรมราช. พระพุทธสิหิงค์...องค์ประดิษฐานนครศรีธรรมราช เรียกว่า “แบบขนมต้ม” มีลักษณะตามแบบสกุลช่างท้องถิ่นคือมีพระพักตร์กลมอมยิ้ม พระอุระอวบอ้วน แต่อยู่ในสัดส่วนที่งดงามมาก ชาวนครศรีธรรมราชศรัทธาว่าเป็นพระ-พุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมือง...!!! พลตรีหลวงวิจิตรวาทการ.....ผู้รวบรวมตำนานพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งมีความเชื่อมั่น เลื่อมใส ในอานุภาพเคยบอกว่า..... “อย่างน้อยก็สามารถบำบัดทุกข์ร้อนในใจให้เหือดหาย ผู้ใดมีความทุกข์ร้อนในใจท้อถอยหมดมานะด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง ถ้าได้มาจุด ธูปเทียนบูชาและนั่งนิ่งๆ มองดูพระองค์สัก 10 นาที... ...ความทุกข์ร้อนในใจจะหายไป ดวงจิตที่เหี่ยวแห้งจะกลับมาสดชื่น หัวใจที่ท้อถอยหมดมานะจะกลับเข้มแข็งมีความมานะพยายาม ดวงจิตที่หวาด กลัวจะกลับกล้าหาญ ดวงจิตที่เกียจคร้านจะกลับขยัน จากที่หมดหวังจะกลับมีความหวัง....” พระโพธิรังสี.....ก็ได้บันทึกถึงพลานุภาพของพระพุทธสิหิงค์ไว้หลายตอน มีข้อความบางตอนว่า...“ พระพุทธสิหิงค์หามีชีวิตได้ก็จริง แต่มีอิทธานุภาพด้วยเหตุ 3 ประการ คือ อธิษฐานพละของพระอรหันต์ อธิษฐานพละของเจ้าลังกาหลายพระองค์ และศาสนพละของพระพุทธเจ้า.....” ...โดยหมายถึงกำลังใจของพระอรหันต์และกำลังใจของเจ้าลังกา พร้อมทั้งกำลังแห่งพระพุทธศาสนา กระทำให้พระพุทธสิหิงค์เป็นพระพุทธปฏิมากรที่ทรงในพลานุภาพ ด้วยพลังแห่งศรัทธา เมื่อประทับอยู่ ณ ที่ใด ย่อมทรงทำให้พระพุทธศาสนารุ่งเรืองดั่งดวงประทีปชัชวาล.....เสมือนหนึ่งว่าพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่...!!! (http://www.thairath.co.th/media/content/2012/08/18/284460/o8/420.jpg) เหรียญกริ่งวินยาภรณ์. ล่วงถึงกาลร่วมเฉลิมฉลอง 2600 ปีแห่งการตรัสรู้ของพระพุทธองค์ หรือพุทธชยันตี ชาวนครศรีธรรมราชจึงได้ย่อส่วนของพระพุทธสิหิงค์ ขยายอาณาพลังแห่งพุทธศาสตร์สร้างพลังศรัทธาแก่ตัวผู้เลื่อมใส.....ให้เสมือนอยู่ชิดพระชนม์องค์พระศาสดา ซึ่ง....ถือเป็นครั้งแรกและเป็นประวัติศาสตร์แห่งองค์พระพุทธสิหิงค์ โดยสร้างเป็น เหรียญฉลุแล้วบรรจุเม็ดกริ่งจากชนวนพระกริ่ง 155 ปี สมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์ ไว้ภายในเหรียญ เจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นครศรีธรรมราช ตั้งชื่อว่า “กริ่งวินยาภรณ์” วันเสาร์ที่ 22 กันยายน สุดยอดพระเกจิอาจารย์สายใต้จะรวมพลังมหาพุทธาภิเษก ณ มณฑลพิธีวิหารหลวง วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร....เพื่อให้เกิดความเข้มขลัง ยามพกพา......ให้ “กริ่ง” บังเกิดเสียงดังขับไล่เภทภัยไปพ้น แล้ว เรียกทรัพย์ เรียกโชค…!!'' ก้อง กังฟู ขอบคุณบทความและภาพจาก http://www.thairath.co.th/column/life/badal/284460 (http://www.thairath.co.th/column/life/badal/284460) หัวข้อ: Re: นครศรีฯ..ย่อส่วนพุทธสิหิงค์ ขยายศรัทธาพลัง..รับพุทธชยันตี เริ่มหัวข้อโดย: แพนด้า ที่ สิงหาคม 23, 2012, 06:24:36 pm ช่วยเล่าประวัติ หลวงพ่อพุทธสิหิงส์ หน่อยได้หรือไม่ครับ ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ไม่ค่อยได้ยินครับ
:c017: :c017: :25: |