หัวข้อ: รู้เท่าทัน "สังคมออนไลน์" แค่กด "ไลค์" ก็อาจเจอ "คุก" เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ตุลาคม 17, 2012, 04:57:49 pm (http://www.khaosod.co.th/online/2012/10/13502861831350286199l.jpg) รู้เท่าทัน "สังคมออนไลน์" แค่กด "ไลค์" ก็อาจเจอ "คุก" โดย ชุติมา สิริทิพากุล ในปัจจุบัน ไม่ได้มีแต่เพียงสังคมทางกายภาพที่ให้มนุษย์ได้มาพบปะพูดคุยกัน หรือมาทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันเท่านั้น แต่ยังมีอีกสังคมหนึ่งที่แม้จะเพิ่งเกิดมาได้ไม่นาน แต่แพร่กระจายเข้าสู่ความนิยมของคนอย่างรวดเร็ว นั่นก็คือ "สังคมออนไลน์" หรือที่เรียกกันว่า "โซเชียลเน็ตเวิร์ก (Social Network)" เป็นสังคมที่เราสามารถพูดคุยกันได้โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาก้าวเท้าออกจากบ้าน ไม่ต้องใช้เสียง จะใช้ก็เพียงการพิมพ์ตัวอักษร/อัพโหลดรูปภาพ เพื่อสื่อสารถึงกันเท่านั้น แล้วสังคมออนไลน์ มีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไรบ้าง? จากความคิดนี้เองที่ทำให้ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) จัดเสวนาทางวิชาการเรื่อง "รู้รอบ ปลอดภัยใน Social Network" เพื่อเป็นการรู้เท่าทัน ผศ.พ.ต.ต.ดร.ดนุวศิน เจริญ ผู้อำนวยการหลักสูตร MBA คณะบริหารธุรกิจ นิด้า กล่าวเริ่มต้นการเสวนาด้วยการอธิบายถึงความนิยมของเว็บไซต์ว่า ปัจจุบันนั้นที่สังคมออนไลน์ได้รับความนิยม เป็นเพราะการพัฒนาของเว็บไซต์ที่พัฒนาจาก web 1.0 เป็น 2.0 ที่เปลี่ยนกลุ่มผู้ใช้จากเดิมที่มี 2 กลุ่ม คือ ผู้สร้างเว็บรวมทั้งเนื้อหากับผู้ใช้เว็บไซต์ เป็นผู้ให้บริการเว็บไซต์ ผู้สร้างเนื้อหา และในขณะเดียวกันก็เป็นผู้ใช้เนื้อหาในเว็บไซต์ด้วย (http://www.khaosod.co.th/online/2012/10/13502861831350286193l.jpg) นอกจากจะเปลี่ยนแปลงกลุ่มผู้ใช้และผู้ควบคุมเนื้อหาในเว็บไซต์แล้ว ผศ.พ.ต.ต.ดร.ดนุวศิน ยังบอกอีกว่า สังคมออนไลน์ยังเปลี่ยนแปลงการสื่อสารอีกด้วย "สังคมออนไลน์ทำให้มีช่องทางใหม่ในการสื่อสาร รวมทั้งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันบางอย่างที่เรามองไม่เห็นในโลกแห่งความเป็นจริงเห็นชัดขึ้น ตัวอย่างเช่น ทำให้เราเห็นว่าเพื่อนเราคือ A ก็เป็นเพื่อนกับ B หรือรู้จักกันเหมือนกัน เนื่องจากเว็บอย่างเฟซบุ๊กสามารถบอกเราได้ว่า ระหว่างเรากับ A มีเพื่อนคนไหนร่วมกันบ้าง เป็นต้น "รวมทั้งเป็นการเปลี่ยนแปลงการสร้างความสัมพันธ์ หรือการปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนด้วย กล่าวคือทำให้เราสามารถรักษาความสัมพันธ์แบบฉาบฉวยไว้ได้ เช่น คนที่เพิ่งรู้จักหรือพบกันครั้งเดียวก็สามารถจะคุยหรือรักษาความสัมพันธ์ผ่านทางสังคมออนไลน์ไว้ได้" ผู้อำนวยการหลักสูตร MBA คณะบริหารธุรกิจ นิด้า กล่าว ไม่เท่านั้น สังคมออนไลน์ยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ใช้เป็นช่องทางการตลาดอีกด้วย จากเดิมที่ต้องใช้สื่ออื่นๆ อย่าง โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าไปสู่ผู้บริโภคได้โดยตรง ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการตลาดของแบรนด์ต่างๆ เพราะการทำตลาดในเฟซบุ๊กนั้น ส่วนมากจะเป็นการทำตลาดแบบ ปากต่อปาก ที่ถือว่าเป็นการตลาดที่มีประสิทธิภาพมาก เพราะมาจากคนที่เราเชื่อใจ วุฒิไกร งามศิริจิตต์ คณะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ นิด้า บอกว่า หากมองในฐานะขององค์กรนั้น ต้องบอกว่าสังคมออนไลน์ยังไม่สามารถทำประโยชน์ให้องค์กรได้ แต่ก็เคยมีกรณีศึกษาอยู่ 1 กรณี คือ มีการทำงานร่วมกันของสมาชิกทีมหนึ่งซึ่งเวลามาประชุมกันนั้นไม่ค่อยมีใครกล้าแสดงความคิดเห็น แต่เมื่อเปิดพื้นที่ในโลกออนไลน์ให้ลองเข้ามาพูดคุยกันแล้ว ปรากฏว่า มีความคิดสร้างสรรค์ออกมาจากแต่ละคน ทำให้พบว่าบนโลกออนไลน์นั้นมีพื้นที่ไว้ให้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นได้อย่างแท้จริง (http://www.bangkokbiznews.com/home/media/2012/03/31/images/news_img_444711_1.jpg) ส่วนด้านกฎหมายเกี่ยวกับสังคมออนไลน์นั้นก็น่าสนใจ เพราะปัจจุบัน มีการละเมิดสิทธิ การทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เป็นจำนวนมาก วริยา ล้ำเลิศ รองคณบดี คณะนิติศาสตร์นิด้า บอกว่า กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับโลกออนไลน์นั้นก็จะมี พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537,พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550, หรือจะเป็นประมวลกฎหมายแพ่งและอาญา บางคนอาจจะยังไม่รู้ว่า สิ่งที่ตัวเองทำอยู่จนเป็นความเคยชินนั้นคือความผิด ด้านลิขสิทธิ์การที่เราเต้นเลียนแบบเพลง"กังนัมสไตล์" ที่กำลังโด่งดังอยู่ตอนนี้ ถ่ายเป็นวิดีโอแล้วนำไปอัพโหลดลงในเว็บไซต์อย่างยูทูบ ก็ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์แล้ว หรืออย่างการที่เราชื่นชอบเพลงบางเพลงแล้วนำลิงก์ไปแปะไว้ที่หน้าเพจเฟซบุ๊กของเรา ก็เข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์เช่นกัน เพราะถือว่าเป็นการเผยแพร่ "ในประเทศสหรัฐอเมริกามีกฎหมายที่คุ้มครองเจ้าของเว็บไซต์ที่เป็นผู้ให้บริการอัพโหลดด้วย ว่าให้ลบวิดีโอต่างๆ ภายใน 14 วัน หากรู้ว่าวิดีโอนั้นผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ แต่หากไม่ลบภายในระยะเวลาดังกล่าว เจ้าของเว็บจะปฏิเสธความรับผิดไม่ได้ "เคยมีกรณีที่นักร้องอย่าง จัสติน บีเบอร์ ฟ้องร้องเว็บไซต์ยูทูบ ฐานที่ไม่ยอมลบมิวสิกวิดีโอของเขาออก รวมทั้งฟ้องร้องผู้อัพโหลดด้วย เพราะถือว่าทำให้รายได้จากยอดโหลดวิดีโอของเขาตกลง" ผศ.ดร.วริยากล่าว (http://movie.mthai.com/wp-content/uploads/2012/04/like07.jpg) อีกผู้หนึ่งที่ให้ความรู้ด้านกฎหมาย ดร.วราภรณ์ วนาพิทักษ์ คณะนิติศาสตร์ นิด้า กล่าวเสริมว่า การเผยแพร่คลิปเสียงต่างๆ อย่างเช่น ดาราบางคนที่ตกเป็นข่าวว่ามีคลิปเสียงหลุดนั้น ก็ถือเป็นความผิด รวมทั้งหากเราไปกดไลค์ หรือกดดิสไลค์ ก็จะมีความผิดไปด้วย เนื่องจากเมื่อเรากดไปแล้วจะทำให้เพื่อนๆ เรามองเห็น คลิปนั้นได้ ก็ถือเป็นความผิดฐานเผยแพร่เช่นกัน ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 "การใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กนั้น ต้องรู้ทั้งโทษและประโยชน์ รวมทั้งระมัดระวังในการให้ข้อมูลด้วยว่าเป็นเว็บไชต์จริงหรือปลอม รวมทั้งต้องรู้ให้เท่าทันในการใช้งานด้วย" ดร.วราภรณ์กล่าวทิ้งท้าย เป็นบทสรุปที่น่าฟังจอย่างยิ่งของงานเสวนาในครั้งนี้ ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMU1ESTROakU0TXc9PQ==§ionid= (http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMU1ESTROakU0TXc9PQ==§ionid=) http://www.bangkokbiznews.com/,http://movie.mthai.com (http://www.bangkokbiznews.com/,http://movie.mthai.com) หัวข้อ: Re: รู้เท่าทัน "สังคมออนไลน์" แค่กด "ไลค์" ก็อาจเจอ "คุก" เริ่มหัวข้อโดย: ฺBenten ที่ ตุลาคม 18, 2012, 12:14:51 am การกด like ต้องดู FB ด้วยนะครับ ต้องดูเนือ้หา ใน FB ด้วยนะครับ
สำหรับ เว็บที่สอนพระธรรม แจกธรรม ผมว่า กด like ก็ไม่เป็นไร หรอกครับ แต่ถ้าเป็นเว็บการเมือง หรือเป็นเว็บที่ประกอบไปด้วยการนินทา พาแตกแยก ก็ไม่ควรจะร่วมนะครับ สวัสดี :s_hi: :49: :13: |