สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 02, 2012, 12:08:30 pm



หัวข้อ: "กล้วย" จะกลายเป็น "อาหารหลักของโลก" หากวิกฤติโลกร้อนรุนแรงขึ้น
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 02, 2012, 12:08:30 pm

(http://www.matichon.co.th/online/2012/10/13516736811351673709l.jpg)

"กล้วย" จะกลายเป็น "อาหารหลักของโลก" หากวิกฤติโลกร้อนรุนแรงขึ้น

รายงานชิ้นใหม่ระบุว่า อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลกครั้งใหญ่ "กล้วย"กำลังจะกลายเป็นหนึ่งในแหล่งอาหารสำคัญของมนุษย์

    นักวิจัยเปิดเผยว่า กล้วยอาจใช้เป็นอาหารทดแทนมันฝรั่งในบางประเทศที่กำลังพัฒนา
    ขณะที่มันสำปะหลังและถั่วฝักยาวจะเริ่มมีบทบาทสำคัญในการทำการเกษตรมากขึ้น หากอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้น และผู้คนจะเริ่มดัดแปลงเมนูอาหารใหม่ๆและหลากหลาย ขณะที่พืชพื้นเมืองเริ่มร่อยหรอลง
 
    องค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น เปิดเผยผลวิจัยล่าสุดถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และวิกฤติโลกร้อน ที่จะส่งผลต่อวิกฤติอาหารขาดแคลนในอนาคต
    ผลวิจัยชี้ว่า  "กล้วย" อาจกลายเป็นอาหารหลักของมนุษย์ 

 
(http://btgsf1.fsanook.com/weblog/entry/185/929297/106496101.jpg)

    กลุ่มผู้เชี่ยวชาญได้จัดทำรายงานต่อคณะกรรมการความมั่นคงทางอาหารโลกขององค์การสหประชาชาติโดยมุ่งศึกษาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก ที่มีต่อสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตรที่มีความสำคัญที่สุด 22 ประเภท

    รายงานระบุว่า พืชผลทางการเกษตรที่สำคัญ 3 ลำดับแรกในแง่ของพลังงานที่ได้รับ ได้แก่ ข้าวโพด ข้าว และข้าวสาลี จะลดลงในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา
    ขณะที่มันฝรั่งที่สามารถเติบโตได้ดีในสภาพอากาศที่ร้อนน้อยกว่า
    จะได้รับผลกระทบเช่นกันเนื่องจากอุณหภูมิสูงขึ้นและสภาพอากาศลวร้ายลง

    ผู้จัดทำระบุว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะนำไปสู่การเพาะปลูกพืชประเภทกล้วยในเขตพื้นที่สูง ซึ่งเดิมเป็นพืชที่เติบโตได้ดีในเขตร้อน แม้กระทั่งพื้นที่ที่เคยใช้เพาะปลูกมันฝรั่งในปัจจุบัน


(http://4.bp.blogspot.com/-yjvwyXWw0Fk/TjEWckwh99I/AAAAAAAAAD0/QZQJBZZ3TAs/s1600/%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2582.jpg)


     เนื่องจากกล้วย เป็นพืชที่สามารถให้พลังงานได้ดีเช่นเดียวกัน ข้าว หรือมันฝรั่ง
     ส่วนประเทศในแถบแอฟริกา ประชาชนอาจต้องหันมาบริโภคมันสำปะหลังแทนข้าว
    เพราะมันสำปะหลัง คือพืชอีกชนิด ที่สามารถทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้

    ส่วนข้าวสาลี ซึ่งเป็นพืชที่มีความสำคัญที่สุดในแง่การเป็นแหล่งโปรตีนและพลังงาน จะต้องเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบากในอนาคตในประเทศกำลังพัฒนา ที่ราคาฝ้าย ข้าวโพด และถั่วเหลือง จะผลักให้ข้าวสาลีต้องกลายเป็นพืชที่ไม่มีความสำคัญ

    ส่วนถั่วเหลืองนั้น แม้จะเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญ แค่ก็เป็นพืชที่มีความอ่อนไหวง่ายต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ถั่วฝักยาว ซึ่งเป็นพืชที่มีความทนทานต่อความแห้งแล้งและเติบโตได้ดีแม้ในสภาพอากาศที่เย็นกว่าปกติ ถือเป็นทางเลือกที่ดี และสามารถทดแทนถั่วเหลืองได้ อีกทั้งยังสามารถนำไปเลี้ยงสัตว์ได้อีกด้วย


(http://upic.me/i/nj/1dz11.png)
   
    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลายฝ่ายกังวล ก็คือ การปรับตัวของประชาชน ต่ออาหารหลัก
    โดยมีการตั้งคำถามว่า ประชาชนจะสามารถปรับตัวได้หรือไม่ ซึ่งนักวิชาการกลุ่มหนึ่งบอกว่า
    การเปลี่ยนแปลงอาหารหลักที่รับประทานในแต่ละวันนั้น เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต
 
   ผู้เชี่ยวชาญยกตัวอย่างประเทศในแถบแอฟริกา
   เมื่อหลายสิบปีก่อนที่ไม่มีข้าวกิน เพราะหายากและราคาแพง 
   แต่หลังจากมีการนำข้าวไปปลูก หรือนำเข้าข้าวมากขึ้น ผู้คนก็สามารถปรับตัวได้เอง



ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1351673681&grpid=01&catid=&subcatid= (http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1351673681&grpid=01&catid=&subcatid=)
http://btgsf1.fsanook.com/,http://4.bp.blogspot.com/,http://upic.me (http://btgsf1.fsanook.com/,http://4.bp.blogspot.com/,http://upic.me)


หัวข้อ: Re: "กล้วย" จะกลายเป็น "อาหารหลักของโลก" หากวิกฤติโลกร้อนรุนแรงขึ้น
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 02, 2012, 12:22:27 pm

(http://www.khaosod.co.th/online/2012/11/13517362961351736593l.jpg)

สุพรรณฯ แห่ดูกล้วยประหลาด ลูกใหญ่-สีดำ คาดสายพันธุ์โบราณ เชื่อให้โชคลาภ

    วันที่ 1 พ.ย. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่าที่สวนกล้วย อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี
    ชาวบ้านแห่ดูกล้วยประหลาด เครือใหญ่ หวีใหญ่โตกว่ากล้วยปกติ
    กล้วยดังกล่าวมีความสูงกว่า 2 เมตร ลำต้นเรียวลำต้นไม่โตมากนัก มี 1 เครือ
    ผลแต่ละลูกยาวกว่า 20 เซนติเมตร กว้าง กว่า 5 เซนติเมตร  มี 5 หวี หวีละ 12 ผล มีปลายผลมน
    ชาวบ้านที่เข้ามาดูขอถ่ายภาพบ้างพรมมือกราบไหว้บ้าง เพราะเชื่อว่าเป็นกล้วยที่ไม่เหมือนกล้วยต้นอื่นที่มีในสวนนี้
    เพราะกล้วยส่วนใหญ่จะเป็นกล้วยสายพันธ์น้ำว้ากาบขาวสุพรรณบุรี

    นางสาวสุดาวรรณ  สิรวณิชย์ เจ้าของสวนกล้วยอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ตนและสามีได้มาทำสวนกล้วยที่อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อ 2 ปี ก่อนหน้านี้  โดยลาออกจากงานประจำมาทั้งคู่ หันมาทำสวนกล้วยเพื่อเลี้ยงชีพเพราะมีที่ดินมรดกอยู่จำนวน 30 ไร่

    ซึ่งเดิมให้ชาวบ้านเช่าทำสวน จนดินเสื่อมสภาพไม่สามารถปลูกต้นไม้ได้แห้งแล้งมากๆ และระบบชลประทานไม่ดี จึงตัดสินใจปลูกกล้วยเพราะกล้วยมีคุณสมบัติพิเศษคือสามารถเก็บน้ำไว้ได้ดีและปลูกง่ายจึงมีการนำกล้วยสายพันธุ์น้ำว้ากาบขาวสุพรรณบุรีมาปลูกบนพื้นที่ 30 ไร่ เพื่อปรับปรุงดิน

    โดยในสวนจะไม่มีการตัดหญ้าจะปล่อยต้นหญ้าไว้คลุมดินเพื่อรักษาความชุ่มชื้นในดินเพราะในช่วงฤดูแล้งหญ้าก็จะค่อยๆตายลงไปเอง แต่จะมีการแบ่งพื้นที่ปลูกต้นไม้เป็นส่วนๆ คือ ปลูกพืชรายวัน ปลูกพืชรายเดือน ปลูกพืชรายปี และสมุนไพร


(http://paow007.files.wordpress.com/2010/03/700.jpg)

    ซึ่งกล้วยที่ชาวบ้านแห่เดินทางเข้ามาดูนั้น เป็นกล้วยนมหมีที่เป็นกล้วยโบราณ ซึ่งมีอยู่ในภาคกลาง
    เป็นกล้วยที่กินอร่อย ผลใหญ่ ไม่มีเมล็ด ลักษณะคล้ายกล้วยหักมุข
    แต่กินสุกอร่อย เพราะเนื้อแน่นเหนีย วและชาวบ้านไม่นิยมปลูกและใกล้สูญพันธ์
    ส่วนชาวบ้านมาขอดูก็ไม่ว่าอะไรเพราะเป็นความชอบความเชื่อส่วนบุคคลห้ามกันไม่ได้
    แต่ขอร้องอย่าไปทำให้ต้นกล้วยเกิดความเสียหายแค่นั้น 

    นายวิศรุต อินแหยม ผอ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ได้พาสื่อมวลชนเข้ามาดูการปลูกกล้วยของหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่ฝ่ายชายเคยเป็นเจ้าหน้าที่เกษตรฝ่ายหญิงเคยทำงานธนาคารและตัดสินในลาออกมาประกอบอาชีพเกษตรกรและมีการบริหารจัดการในพื้นที่อย่างเหมาะสมใช้วิชาความรู้ที่มีมาใช้ในการดำรงชีพและเผยแพร่ความรู้แก่ผู้ที่สนใจศึกศึกษาดูงาน

    ซึ่งตนเองก็รู้จักพันธ์กล้วยไม่มากนักมาพบกล้วยประหลาดที่บริเวณสวนกล้วยแห่งนี้ก็รู้สึกแปลกใจ แต่เชื่อว่าน่าจะมีสายพันธุ์ที่มีมาแต่น่าอนุรักษ์ไว้ถือเป็นจุดขายให้ประชาชนได้เข้ามาศึกษาวิธีการระบบการจัดการเพื่อนำไปเสริมความรู้นายวิศรุตกล่าว


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMU1UY3pOakk1Tmc9PQ==&subcatid= (http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMU1UY3pOakk1Tmc9PQ==&subcatid=)
http://paow007.files.wordpress.com/ (http://paow007.files.wordpress.com/)


หัวข้อ: Re: "กล้วย" จะกลายเป็น "อาหารหลักของโลก" หากวิกฤติโลกร้อนรุนแรงขึ้น
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 02, 2012, 12:27:31 pm

(http://www.thairath.co.th/media/content/2012/11/01/302880/hr1667/630.jpg)

ชาวนครพนม แห่..ขอเลขเด็ด"กล้วยประหลาด"

ชาวบ้านนครพนม แห่นำธูปเทียนเดินทางไปกราบไหว้กล้วยประหลาดออกเครือกลางลำต้น หวังขอเลขเด็ด เชื่อช่วยบันดาลโชคลาภให้สุขสมหวัง...


วันนี้ (1 พ.ย. 55) ชาวบ้านแตกตื่นแห่พากันไปขอโชคลาภ หลังทราบข่าวว่า มีต้นกล้วยแปลกประหลาดออกเครือผิดธรรมชาติ โผล่ตรงกลางลำต้น ที่บ้านของ นางหอม ผงจำปา อายุ 65 ปี เลขที่ 120 หมู่ 16 ต.สามผง  อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม

    ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า เป็นต้นกล้วยน้ำหว้า ลำต้นสูงประมาณ 3 เมตร
    มีเครือโผล่ออกมาตรงบริเวณกลางต้นอย่างผิดธรรมชาติจริง และนับได้ 9 หวี
    ทำให้ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นต้นกล้วยให้โชคลาภ
    จึงพากันนำดอกไม้ธูปเทียนและเครื่องบูชา มากราบไหว้รับโชคตามความเชื่อ

    นางหอม เจ้าของบ้าน เล่าว่า ต้นกล้วยดังกล่าว เป็นกล้วยน้ำหว้า ตนปลูกมาได้ประมาณ 1 ปีแล้ว
    แต่เมื่อราว 2 เดือนที่ผ่านมา ก็สังเกตเห็นว่ามีเครือกล้วยโผล่ออกมาจากกลางลำต้น
    ซึ่งเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ และตามความเชื่อถือว่าเป็นต้นกล้วยให้โชคลาภ 
    จึงได้นำดอกไม้ธูปเทียนและเครื่องไหว้มาบูชารับโชค

    แต่พอชาวบ้านทราบข่าวก็พากันแห่มาดู โดยบางคนก็นำเลขบ้านเลขที่ และเลขอายุของตนไปเสี่ยงโชค
    ยิ่งวันหวยออกก็ยิ่งคึกคัก ส่วนใครจะมีโชคลาภหรือไม่นั้นก็คงแล้วแต่บุญวาสนา.



ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/region/302880 (http://www.thairath.co.th/content/region/302880)