หัวข้อ: ตามรอยพุทธศาสนา..สู่เนปาล "สมโภชพระพุทธเจ้าน้อย" เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 18, 2012, 10:46:45 am (http://www.khaosod.co.th/online/2012/12/13557244521355724476l.jpg) ตามรอยพุทธศาสนา..สู่เนปาล "สมโภชพระพุทธเจ้าน้อย" รายงานพิเศษ เมื่อประมาณปี พ.ศ.236 (416 ปี นับจากวันประสูติของพระพุทธเจ้า) พระเจ้าอโศกมหาราชเสด็จมายังลุมพินีสถาน ประเทศเนปาล ตามคำแนะนำของพระอุปคุตเถระว่า สถานที่แห่งนี้คือที่ประสูติจากพระครรภ์มารดาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเป็นหนึ่งในสังเวชนียสถานสี่แห่งที่พระพุทธองค์รับสั่งกับพระอานนท์ก่อนจะปรินิพพานว่า ให้เป็นสถานที่แทนตัวพระพุทธองค์ภายหลังเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว เพื่อให้พุทธบริษัทมาสักการะและปลงธรรมสังเวช พระเจ้าอโศกมหาราชจึงทรงให้สร้างเสาหินอโศกและพระสถูปไว้เป็นสัญลักษณ์ เพื่อให้พุทธ ศาสนิกชนรุ่น หลังได้รับรู้และมาสักการบูชาสังเวชนียสถานแห่งนี้ได้อย่างถูกต้อง แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ร้อยปี ลุมพินีสถาน กลับถูกปล่อยให้รกร้างมาเกือบ 20 ศตวรรษ โดยไม่มีผู้ใดเข้าไปบำรุงรักษา ซ้ำเสาหินอโศกที่สร้างขึ้น ได้หายลับไปกับกาลเวลา ก่อนจะมีผู้ขุดพบอีกครั้ง เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. พ.ศ.2438 กระทั่งเมื่อปีพ.ศ.2513 อูถั่น ชาวพม่า เลขาธิการองค์การสหประชาชาติในขณะนั้น ผลักดันโครงการพัฒนาลุมพินีให้เป็นโครงการขององค์การสหประชาชาติเป็นผลสำเร็จ และตั้งคณะกรรมการระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาลุมพินีขึ้น ประกอบด้วยผู้แทนจากประเทศที่นับถือพุทธศาสนา 13 ประเทศ ร่วมเป็นกรรมการ โดยทำแผนแม่บทพัฒนาลุมพินีสถานให้เป็นพุทธอุทยานขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่นับหมื่นเอเคอร์ อย่างไรก็ตามเมื่อกาลเวลาผ่านไปแล้วกว่า 40 ปี จนถึงทุกวันนี้การพัฒนาลุมพินีตามแผนแม่บทที่วางไว้ก็ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก จนเมื่อคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานมูลนิธิไทยพึ่งไทย มีโอกาสไปสักการบูชาลุมพินีสถานเมื่อปีพ.ศ.2553 ได้เห็นความ ทรุดโทรมของสังเวชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ จึงทำเรื่องขออนุญาตบูรณปฏิสังขรณ์บริเวณ "สวนอันศักดิ์สิทธิ์" ของลุมพินี ในนามประธานมูลนิธิไทยพึ่งไทย แผนงานดังกล่าวได้รับการตอบอนุญาตจากกองทุนพัฒนาลุมพินี ให้ดำเนินการบูรณะปรับปรุงบริเวณ "สวนอันศักดิ์สิทธิ์" และได้รับอนุมัติแบบจากคณะกรรมการมรดกโลก โดยแบ่งโครงการก่อสร้างเป็น 3 ระยะด้วยกัน คือระยะที่ 1 และระยะที่ 2 บูรณะเสาหินอโศก ก่อสร้างทางเดินรอบสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ก่อสร้างทางเดินรอบวิหารมายาเทวี และก่อสร้างลานปฏิบัติธรรม 5 ลาน (http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=news-photo/khaosod/2012/12/col01171255p2.jpg&width=360&height=360) 1.ถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน2.คณะจากประเทศไทย 3.เสาหินอโศก 4.พระสงฆ์ที่มาปฏิบัติธรรมในสวนลุมพินี 5.พระพุทธเจ้าน้อยจำลอง 6.เจ้าคุณราชรัตนรังสี เทศนาธรรมใต้ต้นมหาโพธิ์ 7.รอยพระพุทธบาทในวิหารมายาเทวี 8.ภายในวิหารมายาเทวี 9.แห่พระพุทธเจ้าน้อยรอบเจดีย์โพธินาถ โครงการระยะที่ 1 และระยะที่ 2 นั้น ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้วด้วยพลังศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาวไทย ส่วนโครงการระยะที่ 3 เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปีพ.ศ.2555 ประกอบด้วย การก่อสร้างพระพุทธรูปปางประสูติ "พระพุทธ เจ้าน้อย" สร้างถนนจากบริเวณลานจอดรถเข้าสู่ "สวนศักดิ์สิทธิ์" จุดที่สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าประสูติ ความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร พร้อมทางเดินทั้ง 2 ข้าง สร้างลานประดิษฐานพระพุทธเจ้าน้อย และสร้างอาคารอเนกประสงค์ พร้อมห้องพยาบาลและห้องสุขา เมื่อวันที่ 23-25 พ.ย.2555 คุณหญิง สุดารัตน์ ในฐานะประธานโครงการ นำคณะ ผู้แสวงบุญและสื่อมวลชน กว่า 200 คน เดินทางสู่สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า เพื่อร่วมวางศิลาฤกษ์ฐาน "พระพุทธเจ้าน้อย" ณ ลุมพินีสถาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการบูรณปฏิสังขรณ์ และร่วมพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ณ วัดไทยลุมพินี โดยจุดแรกที่ประเทศเนปาล คณะพุทธศาสนิกชนจากประเทศไทย เดินทางไปยังพระมหาเจดีย์โพธินาถ พระมหาเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเนปาล มีอายุกว่า 1,500 ปี ที่องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกเมื่อ พ.ศ.2522 เพื่อร่วมพิธีสมโภชพระโพธิสัตว์สิทธัตถะราชกุมาร (พระพุทธเจ้าน้อย) องค์จำลอง ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการบูรณปฏิสังขรณ์ ลุมพินีสถาน ครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์ โดยมีขบวนแห่พระพุทธเจ้าน้อยองค์จำลอง อย่างยิ่งใหญ่ รอบมหาเจดีย์โพธินาถ ท่ามกลางพระสงฆ์จากประเทศไทยและประเทศเนปาล และพุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวพื้นเมืองเนปาลกว่า 500 ท่าน ร่วมในขบวนแห่ จากนั้นในวันที่ 24 พ.ย. คณะพุทธ ศาสนิกชนจากประเทศไทยได้เดินทางสู่ลุมพินีสถาน เพื่อชมสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า ประกอบด้วย วิหารมายาเทวี สระโบกขรณี เสาหินอโศก ที่สร้างขึ้นโดยพระเจ้าอโศกมหาราช ลานปฏิบัติธรรมใต้ต้นมหาโพธิ์ ซึ่งยังอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความศักดิ์สิทธิ์และศรัทธาแห่งองค์ศาสดาของพุทธศาสนา โดยเฉพาะวิหารมายาเทวี ซึ่งภายในมีแผ่นศิลาที่มีรอยคล้ายรอยเท้าเด็กประทับอยู่ และจากการตรวจสอบพบว่ารอยเท้าดังกล่าว มี อายุราวๆ 2,000 กว่าปี จึงเป็นไปได้ว่า แท่นศิลานี้ อาจจะเป็นพื้นดินแต่เดิมสมัยพุทธกาล และรอยประทับที่คล้ายรอยเท้าเด็ก น่าจะเป็นรอยพระบาทของพระกุมารสิทธัตถะ เมื่อคราวแรกประสูติ (http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=news-photo/khaosod/2012/12/col01171255p3.jpg&width=360&height=360) 1.วางศิลาฤกษ์ฐานพระพุทธเจ้าน้อย2.ทางเดินที่ปรับปรุงแล้ว 3.เส้นทางที่ได้รับการบูรณะ กระทั่งช่วงเย็นท่านเจ้าคุณราชรัตนรังสี ประธานสงฆ์วัดไทยลุมพินี นำคณะร่วมประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ เจริญจิตตภาวนา และเวียนเทียน รอบวิหารมายาเทวี เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและร่วมถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และร่วมถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะอัครศาสนูปถัมภกของปวงชนชาวไทย ต่อมาในวันที่ 25 พ.ย. คณะกรรมการโครงการบูรณปฏิสังขรณ์สถานที่ประสูติพระพุทธเจ้า นำโดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นำคณะร่วมประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ฐาน ที่จะประดิษฐานองค์พระโพธิสัตว์ สิทธัตถะราชกุมาร ขนาดความสูง 3.55 เมตร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของโครงการบูรณปฏิสังขรณ์ สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า ในระยะที่ 3 ณ สวนอันศักดิ์สิทธิ์ ลุมพินีสถาน การดำเนินการในครั้งนี้เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาในวโรกาสที่พระพุทธศาสนามีอายุครบ 2,600 ปี ในปีพ.ศ.2555 และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสมหามงคล 60 ปี ราชาภิเษก และ 84 พรรษามหาราชาโดยมีท่านเจ้าคุณราชรัตนรังสี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในการประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ถือเป็นโชคดีของชาวไทยเพราะการบูรณปฏิสังขรณ์ในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 ตั้งแต่การดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งแรกโดย พระเจ้าอโศกมหาราชเมื่อประมาณ 2,300 ปีก่อน และการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งที่ 2 โดยท่านอูถั่น ในนามขององค์กรสหประชาชาติเมื่อ 40 ปีก่อน และในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 2554 ปีที่ชาวไทยมีโอกาสอันยิ่งใหญ่ในการบูรณปฏิสังขรณ์สถานที่ประสูติ คุณหญิงสุดารัตน์ขยายความด้วยว่า ที่สำคัญที่สุดของการเดินทางมาครั้งนี้คือพิธีวางศิลาฤกษ์ฐานพระโพธิสัตว์ สิทธัตถะราชกุมาร (พระพุทธเจ้าน้อย) ที่หล่อด้วยสำริด ซึ่งจะมีความคงทนนานนับพันปี โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดสร้างครั้งนี้เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของการบูรณะสถานที่ประสูติของพระพุทธ เจ้า ครั้งที่ 3 นับจากที่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน เช่นเดียวกับเสาหินอโศกที่พระเจ้าอโศกมหาราช จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์การบูรณะครั้งที่ 1 "การบูรณะครั้งประวัติศาสตร์ครั้งนี้เกิดขึ้นจากพลังศรัทธาของ พุทธศาสนิกชนชาวไทย เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ให้กำเนิดพระพุทธศาสนาและถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยจะเชิญพระปรมาภิไธยขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระนามาภิไธยของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถที่ฐานพระพุทธเจ้าน้อย เป็นการประกาศให้ชาวโลกได้รับทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก" (http://www.amuletat7.com/images/column_1337147081/0841.jpg) ประธานโครงการยังกล่าวถึงความคืบหน้าของโครงการระยะที่ 3 ด้วยว่า มีความราบรื่นและรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ขณะนี้ได้ก่อสร้างถนนทางเข้ามหาวิหารมายาเทวีเสร็จแล้วเกือบ 90% ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ในการดำเนินงานทั้งการขนส่งอุปกรณ์และการก่อสร้าง ได้รับการแก้ไขไปในทางที่ดี คาดว่าโครงการระยะที่ 3 จะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในช่วงต้นปีหน้า และเมื่อแล้วเสร็จทั้ง 3 เฟส ก็จะทำให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยและทั่วโลกที่เดินทางไปสถานที่ประสูติ ได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ในส่วนของการหล่อองค์พระพุทธเจ้าน้อยนั้น คาดว่าจะเเล้วเสร็จประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2556 โดยจะเชิญชวนพุทธศาสนิกชนชาวไทยทุกท่านมาร่วมกันหล่อองค์พระพุทธเจ้าน้อย ก่อนที่จะนำองค์พระพุทธเจ้าน้อยมาประดิษฐานยังประเทศเนปาล หลังพิธีวางศิลาฤกษ์ฐานแล้วเสร็จคณะผู้แสวงบุญจากประเทศไทยได้ร่วมริ้วขบวนแห่ ผ้าพระกฐินพระราชทาน ในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐินให้คณะกรรมการบูรณปฏิสังขรณ์สถานที่ประสูติพระพุทธเจ้า โดยส.ส. สมพล เกยุราพันธุ์ อัญเชิญมาทอดถวายแด่พระสงฆ์ผู้อยู่ จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ณ วัดไทยลุมพินี ในโอกาสนี้ คณะกรรมการบูรณปฏิสังขรณ์สถานที่ประสูติพระพุทธเจ้า ได้ถวายองค์พระโพธิสัตว์ สิทธัตถะราชกุมาร ขนาดความสูง 0.88 เมตร เพื่อประดิษฐาน ณ วัดไทยลุมพินี เพื่อเป็นที่สักการะของพุทธศาสนิกชนอีกด้วย ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMU5UY3lORFExTWc9PQ==§ionid= (http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMU5UY3lORFExTWc9PQ==§ionid=) http://www.amuletat7.com/ (http://www.amuletat7.com/) |