สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

ทึ่ง!ปฏิบัติธรรมก็เป็นดอกเตอร์ได้ '3สมเด็จ'หนุน'มจร'เปิดหลักสูตรป.โท-เอก : สำราญ สมพงษ์รายงาน

       หลายคนที่ได้ทราบข่าวการประชาสัมพันธ์การจัดสัมมนาทางวิชาการว่า
       "ด้วยพุทธวิปัสสนา : การสร้างสรรค์สังคมร่มเย็นเป็นสุข" ระหว่างวันที่ 8-10 มกราคม  พ.ศ. 2556 ที่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร)  ถนนพหลโยธน กิโลเมตร ที่ 55 ตำบลลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โดยศูนย์พุทธวิปัสสนานานาชาติ มจร คงยังไม่มั่นใจว่าการสัมมนาดังกล่าวนี้จะทำให้สังคมไทยสังคมโลกร่มเย็นเป็นสุขลดความขัดแย้งอย่างไร เพราะช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่มีการสวดมนต์ข้ามปีทั่วประเทศสังคมไทยก็ยังขัดแย้งกันอยู่โดยเฉพาะสังคมนักการเมือง

        ได้มีโอกาสไปร่วมการสัมมนาดังกล่าวที่มีการเสนอผลงานการวิจัยและบทความเกี่ยวกับการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานทั้งภาษาอังกฤษและภาษาบาลี จากผู้เชี่ยวชาญทั้งไทยและต่างประเทศอย่างเช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี  อินโดนีเซีย อินเดีย เนปาล ศรีลังกา พม่า เวียดนามและไทย ที่มีผู้เข้าร่วมทั้งพระและฆราวาสกว่า 200 รูป/คน



         เนื้อหาส่วนใหญ่ได้เสนอแนวทางการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานโดยใช้พรหมวิหารธรรม 4 ประการเป็นอารมณ์อย่างเช่น เรื่อง "เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิหรณํ" "อุเปกฺขาภาวนา" "กถํ เมตฺตาภาเวตพฺพา สพฺพโลหิตาย สุขาย จ" และ "เมตฺตาภาวนาย สมาชรกฺขาวรณํ (กรณียเมตฺตสุตฺตํ นิสฺสาย" แม้นจะเป็นผลงานวิจัยเป็นภาษาบาลีแต่ก็เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมที่นำพรหมวิหารธรรม 4 ประการมาเป็นอารมณ์ อย่างเช่นการแผ่เมตตาเป็นต้นให้มีความเข้มข้นและเป็นกระบวนการมากยิ่งขึ้น

        พระครูปลัดสุวัฒนวชิรคุณ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศ  มจร ประธานกรรมการจัดงาน กล่าวรายงานตอนเปิดงานว่า เชื่อแน่ว่าการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานโดยนำพรหมวิหารธรรม 4 ประการมาเป็นอารมณ์นี้จะสามารถลดความขัดแย้งในสังคมไทยและสังคมโลกได้ สันติภาพก็คงจะเกิดขึ้น ทั้งนี้ก็คงจะมีการจัดกระบวนการมากขึ้น ซึ่งการสัมมนาในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งเพราะทำให้มีข้อมูลในการดำเนินการ

        "พระพรหมบัณฑิต อธิการบดี มจร ก็ได้ให้โอวาทว่า หลังจากนี้ มจร คงจะต้องมีการทำคู่มือการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่ระบุในพระไตรปิฎก ซึ่งจะทำให้การปฏิบัติมีเป้าหมายที่ชัดเจน"  รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศ มจร กล่าวและว่า



         ขณะเดียวกันที่ผ่านมา มจร  ได้อนุมัติหลักสูตรวิปัสสนาธุระระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ภายใต้การดำเนินการของ มจร วิทยาเขตบาฬีศึกาาพุทธโฆษ จ.นครปฐม ที่มีสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม กำกับดูแลของ ซึ่งระดับปริญญาโทนั้นได้เริ่มการเรียนการสอนมาตั้งปี 2549 แล้ว ซึ่งนักศึกษาที่จบการเรียนการสอนแล้วจะต้องปฏิบัติธรรมเป็นเวลาติดต่อกัน 7 เดือนถึงจะมีสิทธิ์เสนอวิทยานิพนธ์ตามหลักสูตรได้ ปัจจุบันนี้มีนักศึกษาจำนวน 70 คน ส่วนหลักสูตรปริญญาเอกนั้นขณะนี้กำลังจัดทำหลักสูตรคาดว่าจะสามารถเปิดการเรียนการสอนได้ในปี 2558

          พระครูปลัดสุวัฒนวชิรคุณ กล่าวด้วยว่า หลักสูตรวิปัสสนาธุระระดับปริญญาโทและปริญญาเอกนี้อยู่ภายใต้การสนับสนุนของสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคม สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ และสมเด็จพระพุทธชินวงศ์

         "อย่างไรก็ตามโครงการพุทธวิปัสสนานานาชาตินี้ได้ดำเนินการผ่านมาแล้ว 2 ปี โดยมีกิจกรรมที่สำคัญอาทิการบรรยายธรรมและการนำปฏิบัติธรรมโดยพระอาจารย์ติช นัท ฮันห์ แห่งหมู่บ้านพลัม ประเทศฝรั่งเศส และปี2556 นี้ พระอาจารย์ติช นัท ฮันห์จะเดินทางมาประเทศไทยอีกครั้งระหว่างวันที่ 4-8 เม.ย.นี้  ขณะเดี่ยวโครงการพุทธวิปัสสนานานาชาติจะมีการจัดกิจกรรมทั้งภายในประเทศไทยและต่างประเทศตลอดทั้งปี" รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศ  มจร กล่าว


        ขณะเดียวกันนายอำนาจ  บัวศิริ รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้แสดงความเห็นว่า ปัจจุบันนี้สำนักปฏิบัติธรรมในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 1 พันแห่งถือว่าน้อยมากหากเปรียบเทียบกับวัดทั่วประเทศ หากวัดใดมีความพร้อมก็สามารถเปิดได้ทันทีโดยไม่ต้องมีกฎหมายรองรับเพราะถือว่าเป็นหน้าที่อยู่แล้ว เป็นแต่เพียงแจ้งให้ทาง พศ.ทราบเท่านั้น

        "อย่างไรก็ตามสำนักปฏิบัติธรรมนั้นจะต้องสัปปายะมีองค์ประกอบที่สมบูรณ์ อย่างเช่นสถานที่ต้องสะอาดปลอดภัย มีพระวิปัสสนาจารย์คอยแนะนำ ซึ่งการสอนนั้นก็ควรจะสัปปายะด้วยเช่นกันไม่ควรที่จะแข็งมากเกินไปควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ขณะเดียวกันควรจะมีแผนร่วมกัน ทำเป็นกระบวนการและเครือข่ายมากขึ้น" รองผอ.พศ.กล่าว

        เชื่อแน่ว่าดำเนินการของศูนย์พุทธวิปัสสนานานาชาติ มจร จะสามารถสร้างสังคมไทยและสังคมโลกร่มเย็นเป็นสุขปราศจากความขัดแย้งได้ ตามที่สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ให้โอวาทแก่ผู้เข้าร่วมสัมมนาครั้งนี้ว่า

        "การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นแนวทางเข้าถึงหลักธรมขั้นสูงสุดของพระพุทธเจ้า ซึ่งจะทำให้ผู้ปฏิบัติเสมอกัน ไม่แตกแยกกัน รู้หลักธรรมเหมือนกัน แต่สิ่งที่ต้องเน้นคือการฝึกอบรม"

ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.komchadluek.net/detail/20130110/149051/ทึ่ง!ปฏิบัติธรรมก็เป็นดอกเตอร์ได้.html#.UO5lkqzjrRc (http://www.komchadluek.net/detail/20130110/149051/ทึ่ง!ปฏิบัติธรรมก็เป็นดอกเตอร์ได้.html#.UO5lkqzjrRc)