สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

ธรรมะสาระ => สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน => ข้อความที่เริ่มโดย: kosol ที่ มกราคม 25, 2013, 01:39:00 am



หัวข้อ: ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม อยู่สูตร นี้นะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: kosol ที่ มกราคม 25, 2013, 01:39:00 am
(http://www.oocities.org/peera_pin/bd6.jpg)

**************************************************
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม

บุคคลคิดแล้วจึงกระทำกรรมด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ

เหตุเกิดแห่งกรรมเป็นไฉน คือ ผัสสะเป็นเหตุเกิดแห่งกรรม

ความต่างแห่งกรรมเป็นไฉน คือ กรรมที่ให้วิบากใน
นรกก็มี กำเนิดสัตว์ดิรัจฉานก็มี เปรตวิสัยก็มี มนุษย์โลกก็มี เทวโลกก็มี

วิบากแห่งกรรมเป็นไฉน คือ เราย่อมกล่าววิบากแห่งกรรมว่ามี ๓ ประการ คือ
กรรมที่ให้ผลในปัจจุบัน ๑ กรรมที่ให้ผลในภพที่เกิด ๑ กรรมที่ให้ผลในภพต่อๆไป ๑

ความดับแห่งกรรมเป็นไฉน คือ ความดับแห่งกรรมย่อมเกิดขึ้นเพราะความดับแห่งผัสสะ

อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ ประการนี้แล คือ สัมมาทิฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ เป็นปฏิปทาให้ถึงความดับแห่งกรรม

**************************************************
นิพเพธิกสูตร
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒  บรรทัดที่ ๙๖๑๑ - ๙๗๕๓.  หน้าที่  ๔๑๘ - ๔๒๔


หัวข้อ: Re: ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม อยู่สูตร นี้นะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2013, 10:51:26 am
(http://www.madchima.net/images/card56-3.jpg)

  พระสูตร นี้ชัดเจนเรื่องสูตร โปรดดูภาพประกอบกันนะจ๊ะ

     ผัสสะ มาจากเวทนา  มี สุข  ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์

     กรรม คือ เจตนา อาศัย กาย วาจา ใจ
            ( อันที่จริง วาจา จัดเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ด้วยวัตถุ  แต่อักษร ก็จัดเป็นวาจา เช่นกัน )

     วิบาก ส่งผลให้ตามกรรม

    ที่เห็นได้ คือ สภาวะธรรม ที่เป็นปัจจุบัน ก็คือ กุศลจิตเป็นฝ่ายบวก จิตมีสุข กุศลจิต เป็นฝ่ายลบ จิตมีทุกข์