ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - pongsatorn
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6
121  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ขอคำตอบและอธิบายเพิ่มเติมได้ยิ่งดีครับ เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2011, 05:34:16 pm
คุณเข้าใจ วิญญาณ ในความหมายไหนครับ

 วิญญาณ เป็น จิตที่ล่องลอย แบบสัมภะเวสี

 วิญญาณ คือ คือความรับรู้การการกระทบ

 วิญญาณ คือ จิตที่อยู่ในกาย

   :93:
122  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ถึงแม้ตอบโจทย์ได้ ก็ยังไม่สามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์ เรื่องจริงจากพระสูตร เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2011, 09:32:51 pm
คุณ rainmain วิจัยให้เห็นเนื้อหา ดีครับอยากให้คุณ  rainmain  ช่วยทำหน้าที่อย่างนี้เสมอ ๆ ครับ
ผมอ่านตามแล้ว ก็เข้าใจตามได้ด้วยครับ เพราะบางทีอ่านพระสูตรตรง ๆ ผมเองก็จับต้นชนปลาย ยังไม่ค่อยได้

ช่วย วิจัย ไปตลอดเลยนะครับ เพราะจะติดตามครับ

 :s_hi: :25:
123  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: สอบถามเรื่องการศึกษา พระไตรปิฏก ครับ เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2011, 09:30:59 pm
การศีกษา ภาวนานั้น ต้องตามจริต และ อัธยาศัย ครับ บังคับกันไม่ได้ครับ

เพราะการภาวนา มีจุดมุ่งหมาย เพื่อการพ้นจากสังสารวัฏฏ์

การศึกษาพระไตรปิฏก นั้นก็เพื่อการภาวนา  หรือ จะมีบางท่านอาจจะศึกษา เพื่ออย่างอื่น ก็ตามอัธยาศัย ครับ

 :bedtime2:
124  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: กรรมฐาน แก้ทุกข์ ได้หรือไม่ เมื่อ: เมษายน 27, 2011, 06:42:41 pm
สิบปากว่า ไม่เท่าตาดู
สิบหูฟัง ไม่เท่ากับลงมือ
สิบการเรียน ไม่เท่ากับการภาวนาจริง ๆ
 
  ดังนั้นกรรมฐาน แก้ทุกข์ แก้กรรม แก้ภัย แก้โรค แก้อีกหลายแก้ ที่เป็นเหตุแห่งทุกข์ จริง ๆ ครับ
 :13:
125  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ไม่ค่อยได้ทำทาน หรือ รับศีล จะภาวนากรรมฐาน ได้หรือไม่คะ เมื่อ: เมษายน 27, 2011, 06:40:55 pm
การทำทาน เป็นเรื่องที่ต้องออกมาจากนิสัยด้วยครับ

 เมื่อก่อนผมเองก็เป็นคนทำทาน แล้วคิดถึงทานที่ทำ เช่นทำบุญถวายเงินให้วัดไปเป็นหมื่น ๆ ก็มักจะคิดในใจว่า พระท่านจะนำไปใช้ถูกตามที่เราต้องการหรือไม่ครับ อันนี้คิดนำไป ทำทานอย่างนี้ทำแล้วเป็นทุกข์แต่ก็มีผลครับ

 ดังนั้นเมื่อผมได้ฟังการทำทาน จากพระอาจารย์ทีวัดแก่งขนุน ครั้งหนึ่งเรื่องการทำทานเพียงเพื่อความไม่ยึดมั่นถือมั่น เพื่อความเติมเต็มบารมี การทำทานเช่นนี้เป็นการทำทานขั้นสูงสุดของ พระพุทธศาสนาเลยครับ

 ที่เห็นในเว็บนี้ก็มีหลายคน ยกตัวอย่าง คุณธรรมธวัช นี้ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ทำทานเพราะควรทำ ไม่ได้ยึดติดในทาน
คุณจิตตรี คุณนาฏนพิทย์ คุณทินกร คุณนัฐพลสรรค์ ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่เสียสละในทาน ด้วยดีและสนับสนุนกิจกรรมของเว็บ มาตลอดครับ ควรแก่การอนุโมทนา และเป็นตัวอย่างครับ

ดังนั้น สำหรับท่านที่มีทรัพย์น้อยไม่มาก แต่ผลของจิตที่ฝึกไว้ดี ย่อมจะชี้นำสิ่งที่ควรทำได้เองครับ

 :25:
126  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ควรทำิวิปัสสนา ตอนไหน และ ควรทำอย่างไรใน วิปัสสนา คะ เมื่อ: เมษายน 27, 2011, 06:35:47 pm
ตอบแบบวิชาการ น่าจะไม่ถูกใจผู้ถามแน่ ๆ ครับ

 ดังนั้นขอตอบง่าย ๆ นะครับว่า

  ควรจะทำวิปัสสนา ตอนไหน ?
  ตอนที่ใจมีความทุกข์ ครับ ควรเจริญวิปัสสนา ให้มากขึ้นครับ เพราะญาณ ต่าง ๆ ในพระพุทธศาสนาจะเจริญได้ต้องอาศัย ทุกข์ เป็นเหตุ ความสิ้นทุกข์ เป็นผล ครับ

  ทำอย่างไร ในระหว่างที่มีความทุกข์ ถ้าจะถามอย่างนี้ ?
  ทำง่าย ๆ ครับ คือ เจริญสติ รู้ตัวก่อน ว่าเราเป็นผู้มีความทุกข์ และทำใจยอมรับความทุกข์ ที่เกิดนั้นให้เห็นเป็นธรรมดา เป็นเช่นนั้นเอง เมื่อใจมองเห็นได้ดังนั้น ก็เพิ่มระดับสติให้มองเห็น ความไม่เที่ยง คงอยู่ไม่ได้ และ ความที่ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ถ้าดับความรู้สึก ความยึดมั่น ถือมั่นเสียได้แล้ว นี่แหละเรียกว่าทางสงบ ความสำเร็จ ในวิปัสสนา สมบูรณ์ แบบแล้ว

  ทำไมง่ายจัง คำตอบแค่ 4 บรรทัด ?
  ผมขอตอบเลยว่า ที่ว่าง่ายมันเป็นเพียงแค่ความคิดว่าง่าย ครับ แต่ความเป็นจริง สังสารวัฏฏ์ต้องอาศัยกำลังจิต กำลังปัญญา กำลังบารมีต่าง ๆ ด้วยครับผมเองเขียนได้อย่างนี้ก็ตอบตามความเป็นจริงครับ ว่ายังไปไม่ถึงไหนเลยครับ ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ครับ แต่อย่างน้อยใจผมก็ได้พักลงบ้าง ไม่พลุ่งพล่านอย่างเมื่อก่อนครับ

   :67:
127  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ขณะบรรจงเก็บดอกไม้ถวายพระสังฆราช(สุก)มีธรรมบทหนึ่ง พรึ่บขึ้นมา เมื่อ: เมษายน 11, 2011, 08:33:18 pm
อันนี้คุณ suchin_tum กำลังแสดงอารมณ์ นึกภายในให้เราอ่านกระมังครับ เพราะอ่านแล้ว ก็งง ๆ อยู่เหมือนกันพูดถึง ธาตุประกอบด้วย แต่ก็จบตรงที่ว่าต้องเดินตามครู ไม่แซง ....ก็หมายความต้องไปแจ้งอารมณ์กรรมฐานก่อน ใช่หรือไม่ครับ

 :67:
128  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ธรรมะ หน้าจะอ่านกันครับ เมื่อ: เมษายน 11, 2011, 08:18:56 pm
ขอบคุณคะ แต่ทีหน้านี้นาน ๆ จะอัพเดท นะคะ จึงทำให้ไม่ค่อยดูกัน ปกติจะเปิดไว้เพื่อฟังรายการ RDN คะ

 :bedtime2:

คิดเหมือนกัน ไม่รู้ว่าใครเป็นคนอัพเดทข่าวสาร เว็บมาสเตอร์ หรือ พระอาจารย์ก็ไม่ทราบ

 :29:
129  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: จริงหรือไม่คะ ที่ว่าปฏิบัติที่อุพเพงคาปีติ แล้ว ตัวจะลอยได้ เมื่อ: เมษายน 06, 2011, 07:54:28 pm
ผมว่าน่าจะไม่จริง ตลอดชีวิตผมยังไม่เคยเห็นผู้ปฏิบัติได้ อุพเพงคาปีติ ตัวลอยสักคนเลยนะครับ
บางท่านอาจจะกล่าวว่า การไม่เห็น ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี แต่สำหรับผมนั้น คือผมไม่เคยเห็นครับ ผมเลยยังไม่เชื่อครับ
ในส่วนที่กล่าวนี้ แต่ในพระธรรมปีติอุพเพงคาปีติ สัมปยุตธาตุ อันนี้เห็นลักษณะปีติ และ รัศมี อันนี้เห็นจริงครับ

อันนี้ผมเชื่อครับ

 :67:
130  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ปัคคาหะ เป็น อุปกิเลสไม่ใช่หรือครับ เมื่อ: เมษายน 06, 2011, 07:51:16 pm
วิปัสสนูปกิเลส ๑๐ อย่าง

มิจฉาสมาธิ มีเหตุให้เกิดขึ้นจาก มิจฉาทิฏฐิความเห็นผิดเข้าใจผิดจากความเป็นจริง มีตัณหาคือความอยากเป็นต้นเหตุที่สำคัญ เมื่อจิตมีความสงบเป็นสมาธิแล้วจึงเกิดภาพหลอกที่เรียกว่านิมิต นิมิตนี้เองจึงเป็นกลลวงของกิเลสสังขาร ผู้ไม่มีปัญญาจึงเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของจริง มีความดีใจ พอใจในนิมิตนั้น ๆ จนลืมตัวจึงเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของดี มีความฝักใฝ่พอใจในนิมิตจนจิตเกิดเป็นวิปัสสนูปกิเลส ๑๐ อย่าง ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว นี้ก็เพราะไม่มีปัญญารอบรู้ในวิธีทำสมาธิที่ถูกต้องนั่นเอง จึงทำให้จิตเกิดวิปลาสเหม่อลอย ไม่มีสติควบคุมจิตของตัวเองได้เลย ที่เรียกว่ากรรมฐานแตกเป็นบ้านไปก็เป็นในลักษณะนี้ก็เพราะทำสมาธิไม่มีปัญญา เป็นองค์ประกอบรอบรู้เอาไว้ ถ้าทำสมาธิมีความจริงจังมากเท่าไรก็จะเพิ่มวิปลาสมากขึ้นเท่านั้น สติปัญญาไม่มี อาการของวิปัสสนูปกิเลสก็เริ่มปรากฏตัวขึ้นที่ใจ ดังจะได้อธิบายเรื่องของวิปัสสนูปกิเลสที่เกิดขึ้นจากมิจฉาสมาธิ ที่มีความสงบอย่างผิด ๆ ให้ผู้ทำสมาธิรับรู้เอาไว้ เพื่อจะได้ข้อคิดสังเกตดูตัวเองว่า เมื่อทำสมาธิไปแล้วมีผลเกิดขึ้นเป็นอย่างไร ถ้าผิดไปก็จะได้แก้ไขให้ทันต่อเหตุการณ์

•  โอภาส เมื่อจิตมีความสงบเป็นสมาธิแล้วจะเกิดความสว่างในทางใจ ความสว่างนี้จะมีลักษณะที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับนิสัยของแต่ละคนไม่เหมือน กัน เมื่อความสว่างนี้เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อไร ให้รีบไปหาครูอาจารย์ช่วยแนะวิธีแก้ไข ครูอาจารย์นั้นต้องมีความรอบรู้ในวิธีทำสมาธิเป็นอย่างดี จึงจะช่วยแก้ไขให้ได้ ถ้าครูอาจารย์ไม่มีความรู้ในทางนี้ ก็จะส่งเสริมตอกย้ำให้ทำในวิธีนี้ต่อไป ผู้ได้รับผลที่ผิด ๆ ก็ตกอยู่กับผู้ทำสมาธิเอง

•  ปีติ ผู้ทำสมาธิจะมีความเอิบอิ่มใจเป็นอย่างมากมีความเบิกบานใจอยู่ตลอดเวลา จะยืนเดินนั่งนอนอยู่ในอิริยาบถไหนใจจะมีความเอิบอิ่มอยู่ตลอดทั้งวันทั้ง คืน ในช่วงนั้นมีแต่เฝ้าดูจิตที่มีความเอิบอิ่มอยู่เป็นนิจ ความคิดทางสติปัญญาจะพิจารณาในเรื่อง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็หมดสภาพไป ใจมีแต่ความเพลิดเพลินอยู่กับปีตินั้น ๆ

•  ปัสสัทธิ ความสงบใจที่เป็นผลจากการทำสมาธิจะมีความสงบเป็นอย่างมาก จะมีความแน่วแน่มั่นคงอย่างแนบแน่นทีเดียว ใจไม่คิดวอกแวกแส่ส่ายไปตามอารมณ์แต่อย่างใด จะเป็นอารมณ์แห่งความรักหรืออารมณ์แห่งความชัง เนื่องจากสาเหตุอันใดก็ตามไม่มีความอยากคิดในเรื่องอะไรทั้งนั้น จะยืนเดินนั่งนอนอยู่ในที่ไหนมีแต่ความสงบใจอยู่ตลอดเวลา นี้ก็เป็นโมหสมาธิหลงอยู่ในความสุขจนลืมตัว ไม่อยากคิดพิจารณาให้เป็นไปในการเจริญทางสติปัญญาแต่อย่างใด เพราะกลัวว่าใจจะเกิดความฟุ้งซ่าน มีแต่ใช้สติระลึกรู้อยู่ในอารมณ์แห่งความสงบนั้น ๆ จึงเป็นสมาธิที่โง่เขลาหาความฉลาดไม่ได้เลย

•  สุขะ เมื่อจิตมีความสงบดีแล้วย่อมเกิดความสุขภายในใจเป็นอย่างมาก จะยืน เดิน นั่ง นอน อยู่ในที่ไหนใจจะมีแต่ความสุขอยู่ตลอดเวลา ถือว่าใจมีความสุขแล้ว อยากให้ความสุขนี้อยู่เป็นคู่ของใจตลอดไปไม่อยากให้เสื่อมคลาย นี้เองผู้ปฏิบัติในยุคนี้จึงมีความต้องการภาวนาหาความสุขใจเพียงเท่านั้น ที่สอนกันว่าทำสมาธิเพื่อให้เกิดความสุขภายในใจถ้าปัญญาไม่มีก็จะหลงความสุข ได้

•  ญาณะ เมื่อจิตมีความสงบเป็นสมาธิได้แล้วย่อมมีความรู้เกิดขึ้น ความรู้ที่เกิดขึ้นนี้เองจะทำให้เกิดความหลงผิดไปได้ง่าย จะตีความหมายไปว่าปัญญาญาณได้เกิดขึ้นกับตัวเองแล้ว อยากรู้เรื่องอะไรอยากรู้ในธรรมหมวดไหนก็กำหนดถามลงไปที่ใจ ก็จะมีความรู้ตอบขึ้นมาในหมวดธรรมนั้น ๆ จะเข้าใจไปว่าคุณธรรมได้เกิดขึ้นกับตัวเองแล้ว อยากรู้ว่าเราอยู่ในคุณธรรมระดับไหน ก็จะมีความรู้บอกขึ้นมาว่า เป้ฯคุณธรรมของพระอริยโสดาบันบ้าง เป็นคุณธรรมของพระสกิทาคามีบ้าง เป็นคุณธรรมของพระอนาคามีบ้าง เป็นคุณธรรมของพระอรหันต์บ้างจึงได้เกิดความเชี่อมั่นในความรู้ที่เกิดขึ้น ว่าเป็นจริงที่ฝังใจอย่างสนิททีเดียว ใครจะมาว่ามีความสำคัญผิด ก็จะยืนยันว่าเรามีญาณรู้ที่ถูกต้องและมีความเชื่อมั่นว่าตัวเองได้บรรลุ ธรรมเป็นพระอริยเจ้าจริง ถ้าเป็นในลักษณะนี้จึงยากที่จะแก้ไข

•  อธิโมกข์ น้อมใจเชื่อว่าเป็นของจริงอย่างฝังใจทีเดียว เข้าใจว่าเรามีดวงตาเห็นธรรม ก็เพราะมีญาณรู้ที่เกิดขึ้นจากสมาธิความสงบเป็นต้นเหตุนั่นเอง มีความเชื่อมั่นในความรู้ของตัวเองสูงมากให้ความสำคัญตัวเองว่า พุทโธ รู้ตื่นเบิกบานได้เกิดขึ้นกับตัวเองแล้วถ้ามีอภิญญาอย่างใดอย่างหนึ่งเกิด ขึ้นก็จะเกิดความเชื่อมั่นเพิ่มทิฏฐิมานะอัตตาจนลืมตัว ถ้าพระเป็นในลักษณะนี้ก็จะได้รับพยากรณ์จากลูกศิษย์ว่า อาจารย์ของเราได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ทันที

•  ปัคคาหะ มีความเพียรที่เข้มแข็งเป็นอย่างมาก ความเพียรนั้นจะมุ่งทำสมาธิให้จิตมีความสงบเพียงอย่างเดียว จะไปที่ไหนอยู่ในที่ใดจะปรารภความเพียรทำสมาธิอยู่เสมอ จะอยู่เฉพาะตัวหรือในสังคมใดจะอยู่ในความสำรวมผิดปกติ จะอยู่แบบนิ่งเฉยไม่อยากจะพูดคุยกับใคร ๆ ผู้ที่ไม่เข้าใจก็คิดว่าเป็นผู้ปฏิบัติที่เคร่งครัดมาก หรือลืมตาก็จะอยู่ในท่าเงียบขรึมซึมเซ่อเหม่อลอย ไม่ชอบอยู่ในสังคมอยากจะอยู่เป็นเอกเทศเฉพาะตัว ไม่มีความฉลาดรอบรู้ในทางปัญญาแต่อย่างใด จึงเรียกว่า มิจฉาวายานะ เป็นความผิดไม่ถูกต้องชอบธรรมแต่อย่างใด

•  อุปัฏฐาน มีสติระลึกรู้ในอารมณ์ภายในใจได้ดีมาก แต่เป็นเพียงสติสมาธิเท่านั้น ส่วนสติปัญญาจะไม่มีกับผู้เป็นในลักษณะนี้แต่อย่างใด ถ้าอารมณ์ของใจเปลี่ยนไปตามเหตุปัจจัยอย่างไร ก็จะมีสติระลึกรู้ไปตามอารมณ์ประเภทนั้น ๆ ไม่ชอบพิจารณาในทางสติปัญญาแต่อย่างใด ไม่สนใจพิจารณาในเรื่องที่เป็นอนิจจังทุกขังอนัตตา ถึงจะพูดธรรมะได้ก็พูดไปตามตำราที่ได้ศึกษามาเท่านั้น จึงเรียกว่า มิจฉาสติ ระลึกรู้ในสิ่งใด จะไม่เป็นไปในความถูกต้องชอบธรรมแต่อย่างใด

•  อุเบกขา ความวางเฉยในทางใจได้ดีมาก ใจไม่รับในอารมณ์ที่ชอบใจและไม่ชอบใจ อะไรที่มาสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อันเป็นสิ่งที่จะให้เกิดความรักความชัง ใจจะวางเฉยอยู่ตลอดเวลาเมื่อใจลงสู่อุเบกขาความวางเฉยที่มั่นคงแล้ว จะไม่ทำให้เกิดความรู้สึกในอารมณ์ ไม่มีความเอาใจใส่ในสิ่งใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อเป็นอย่างนี้จะทำสมาธิได้ง่าย แต่ก็จะเป็นมิจฉาสมาธิ ความตั้งใจมั่นผิดต่อไป จึงยากที่จะแก้ไขหรือแก้ไขไม่ได้เลย

•  นิกันติ มีความยินดีพอใจในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ยอมรับผลที่เกิดขึ้นว่าเป็นของจริง มีความเชื่อ ว่าเป็นแนวทางที่จะทำให้ถึงซึ่งมรรคผลนิพพานได้แน่นอน ใครจะมาว่าภาวนาผิดอย่างไรก็มีความมั่นใจในตัวเองว่าภาวนาถูกต่อไป และยังไปตำหนิผู้อื่นว่าภาวนาไม่เก่งเหมือนเรา ถึงครูอาจารย์องค์ที่มีความฉลาดรอบรู้เข้ามาช่วยเหลือก็สายไปเสียแล้ว ชีวิตได้ทุ่มเทในการทำสมาธิอย่างจริงจัง ก็มาพังเพราะวิปัสสนูปกิเลสเกิดขึ้นนี้เอง

 

ผู้ทำสมาธิถ้าไม่กำจัดตัวมิจฉาทิฏฐิความเห็นผิดให้หมดออกจากใจได้ เมื่อทำสมาธิเพิ่มเข้าไปกำลังใจที่เกิดจากการทำสมาธิ ก็จะไปบวกกันกับมิจฉาทิฏฐิเดิมที่มีอยู่ ก็จะเกิดเป็นมิจฉาสมาธิ ความตั้งมั่นผิด แล้วกลายเป็นวิปัสสนูปกิเลสดังที่ได้อธิบายมาแล้ว

ที่มาเนื้อหา
http://www.kanlayanatam.com/sara/sara54.htm

ที่คุณ samarpol กล่าวหมายถึง อันนี้ใช่หรือไม่ครับ

131  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: [ภาพ]ปริวาสกรรมประจำปี 2554 ณ วัดทุ่งเซียด [ในเบื้องต้น] มีเรื่องราวให้ตื่นเต้นตลอดเวลา เมื่อ: เมษายน 06, 2011, 07:16:46 pm
ได้ทราบข่าวว่าพระอาจารย์ มาชุมพร และเดินทางกลับไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เห็นบอกว่าจะไปสุราษฏร์ แต่ไปไม่ได้น้ำท่วมถนนขาด รถไม่วิ่งกัน จึงพอทราบว่าต้องหนักแน่ ๆ ติดตามข่าวในทีวีจึงรู้ว่าหนัก

เห็นคุณพอพันธ์ โพสต์ถามไว้ผมก็นึกในใจว่า วัดไม่น่าจะท่วม แต่พอได้ทราบจากกระทู้นี้แล้วจึงเข้าใจเลยครับ
ว่าไม่พ้นเรื่องน้ำท่วม แต่ทางวัดคงต้องปรับสถานการณ์กันมากนะครับ

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=2205.msg12862#msg12862

อนุโมทนากับ คุณ เผ่าพงษ์พระกฤษณะ ที่นำภาพมาแบ่งปันให้ชม สายธารแห่งน้ำใจจะได้รีบช่วยเหลือกัน
อย่างต่อเนื่องครับ
 :coffee2: :08:


132  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: อำนาจจิต อิทธิฤทธิ์ มีจริงหรือไม่ ? เมื่อ: เมษายน 05, 2011, 08:01:41 pm
พระสงฆ์ ปัจจุบันแสดงฤทธิ์ กันบ้างหรือไม่ครับ
การแสดงฤทธิ์ ต้องเป็นพระอรหันต์ ทุกรูปหรือไม่ครับ
ผมเห็นหลวงพ่อดำ เอาขวานสับกลางหลัง ลูกศิษย์ จะ จะ ....

สรุปแล้วเรื่อง ชาติหน้า ชาติต่อไป อันนี้ผมเ้ชื่อครับ แต่เรื่องฤทธิ์นั้นยังไม่เคยเห็นครับ

 :)
133  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ขอความกระจ่าง เรื่องพระโสดาบัน ครับ เมื่อ: เมษายน 05, 2011, 07:58:48 pm
พระอรหันต์ ตบยุงได้หรือไม่ครับ

 พระอรหันต์เว้นขาดจากปาณาติบาต แต่ถ้าไม่เจตนา ก็ไม่น่าจะเป็นไรห มั้งครับ

เช่นพระจักขุบาล เดินจงกรมเหยียบแมงเม่า เป็นต้น

  แต่สำหรับพระภิกษุปรับอาบัติปาจิตตีย์
 
  สำหรับฆราวาส ในศีล 5 ทำไมดูน่ากลัวจัง

  :41:
134  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ผู้ที่ไม่รู้อะไร เรื่องภาวนา อาจไปได้ไวกว่าผู้ที่รู้ เมื่อ: เมษายน 05, 2011, 07:21:17 pm
จากหัวข้อ ก็น่าจะจริง นะครับเพราะ เข้าตำรา รู้มากชักอยากนาน
การภาวนาถ้ารู้น้อยจะดีหรือไม่ หนอ

หรือว่ารู้มากแล้ว จะไปได้ช้าครับ....
 :035:
135  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ตั้งกายตรง ดำรงสติ เฉพาะหน้า อันนี้มีความหมายอย่างไรครับ เมื่อ: มีนาคม 27, 2011, 09:23:05 pm
น่าจะหมายถึง ตั้งสติ กับลมหายใจ เพราะลมหายใจเป็นปัจจุบัน ทุกขณะ ที่หายใจเข้าออก

แต่ตั้งสติเฉพาะหน้า ยังไม่นับเป็นการฝึกสุดยอด เพราะเบื้องปลาย ก็ต้องวางครับ
 :021:
136  ธรรมะสาระ / กระดานข่าวทางวัดแก่งขนุน / Re: เกี่ยวกับเรื่อง บรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน พ.ศ.2554 เมื่อ: มีนาคม 23, 2011, 03:26:05 pm


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน ประจำปี ๒๕๕๔

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน ประจำปี ๒๕๕๔
คุณธรรมจะนำหน้าเพราะโครงการบรรพชาเป็นเครื่องนำ
*******
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ร่วมกับ
กองบุญสมเด็จพระพุทธเมตตาไตรโลกนาถ
คณะสงฆ์วัดศรีบุญเรือง บ้านหมันหย่อน ตำบลแสนพัน อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม

จัดโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน ประจำปี ๒๕๕๔
ระหว่างวันที่ ๑ – ๓๐ เมษายน ๒๕๕๔
*****

ชื่อโครงการ
โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนและอบรมเยาวชนภาคฤดูร้อน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๕๔
หลักการและเหตุผล
ใน สถานการณ์ปัจจุบัน เยาวชนส่วนใหญ่มีกิจกรรมต่างๆ หลากหลายที่เป็นเหตุชักนำให้ห่างจากศีลธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม ของไทย เป็นต้นว่า การมั่วสุมเสพยาเสพติด การมั่วสุมเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นการใช้เวลาว่างไปในทางที่เสื่อมจากศีลธรรมและสร้างปัญหาให้กับสังคม ดังนั้นในช่วงปิดภาคการศึกษาจึงเป็นช่วงที่เยาวชนมีความเสี่ยงที่จะใช้เวลา โดยส่วนใหญ่ไปกับกิจกรรมด้านลบเหล่านั้น
ฉะนั้น การจัดโครงการอบรมเพื่อให้เยาวชนได้สัมผัสและเข้าฝึกฝนตนเองในเรื่องศีลธรรม และจรรยามรรยาท ตลอดถึงขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของบรรพบุรุษไทย จึงเป็นงานที่มีความสำคัญและเร่งด่วนที่ทุกภาคส่วนของสังคม ควรมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่ออนาคตของบุตรหลานเยาวชนเหล่านั้นร่วมกัน

วัตถุประสงค์
๑. เพื่อให้เยาวชนได้ใช้เวลาว่างในช่วงปิดภาคการศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์
๒. เพื่อปลูกฝังศีลธรรมและค่านิยมอันดีงามของไทยให้กับเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ
๓. เพื่อพัฒนาทักษะการอยู่ร่วมกันให้กับเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ
๔. เพื่อพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ของเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ
๕. เพื่อปลูกฝังทัศนคติที่ดีงามและถูกต้องด้านการพระศาสนาของเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ

สถานที่ตั้งหน่วยอบรม
วัดศรีบุญเรือง บ้านหมันหย่อน ตำบลแสนพัน อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ๔๘๑๑๐
นามเจ้าอาวาส พระครูประภัสสรสิริคุณ โทรศัพท์ ๐๘๓-๓๓๒-๙๒๐๑
กลุ่มเป้าหมาย
๑. บรรพชาสามเณร จำนวน ๑๐๐ รูป
๒. อบรมเยาวชนชายหญิง จำนวน - คน
๓. อบรมประชาชนทั่วไป จำนวน ๕๐ คน
รวมทั้งหมด จำนวน ๑๕๐ รูป/คน

เปิดรับบริจาคร่วมโครงการตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป
๑. เจ้าภาพบรรพชสามเณรรูปละ ๑,๐๐๐ บาท
๒. เจ้าภาพเครื่องอัฏฐบริขารรูปละ ๕๐๐ บาท
๓. เจ้าภาพภัตตาหาร/โรงทาน ๓,๐๐๐ บาท
๔. เจ้าภาพน้ำปานะ ๑,๐๐๐ บาท
๕. หรือบริจาคสมทบทุนตามกำลังศรัทธา

ติดต่อหรือร่วมบริจาคได้ที่
๑. พระครูประภัสสรสิริคุณ วัดศรีบุญเรือง (เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง) โทร. ๐๘๓-๓๓๒๙๒๐๑
๒. พระสัญญา ชิตมาโร วัดพระธาตุพนม (หัวหน้าหน่วยอบรมฯ) โทร. ๐๘๗-๒๑๔๖๗๓๓

หรือ
ร่วมบริจาคได้ที่บัญชี ธนาคารกรุงไทยประเภทออมทรัพย์
สาขาย่อยเทสโก้โลตัสธาตุพนม เลขที่บัญชี 885-0-02329-4
ชื่อบัญชี พระสัญญา ชิตมาโร

http://dltsakon.ob.tc/-View.php?N=234
137  ธรรมะสาระ / กระดานข่าวทางวัดแก่งขนุน / Re: เกี่ยวกับเรื่อง บรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน พ.ศ.2554 เมื่อ: มีนาคม 23, 2011, 03:23:57 pm


วัดหนองบัวใหญ่ ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร
เรื่อง ขอเชิญส่งบุตรหลานเข้าร่วมโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน
ขอความอุปถัมภ์โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน

เนื่องด้วยวัดหนองบัวใหญ่ ได้จัดโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน เพื่ออบรมศีลธรรมแก่เยาวชนในช่วงปิดภาคเรียนเป็นประจำทุกปี โดยเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบันรุ่นที่ ๔ และในปีนี้ได้จัดโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยกำหนดโครงการบรรพชา ฯ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๔
ร่วมบุญผ่านบัญชีเจ้าอาวาสได้ที่
บัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี "พระสมัย สุเมโธ"
เลขที่บัญชี ๔๔๒-๐-๑๐๙๘๒-๓





http://www.siamamulet.net/phpboard/qb.php?Qid=314906
138  ธรรมะสาระ / กระดานข่าวทางวัดแก่งขนุน / Re: เกี่ยวกับเรื่อง บรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน พ.ศ.2554 เมื่อ: มีนาคม 23, 2011, 03:22:29 pm


โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน รุ่นที่ ๑๗ ปี ๒๕๕๔
 ระหว่างวันที่ ๑-๒๐ เมษายน ๒๕๕๔
ณ.วัดใหม่คูมอญ ต.หัวไทร อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วัดใหม่คูมอญ โทร.089-7441259 หรือที่ www.watmaikumon.com
หรือร่วมบุญเป็นเจ้าภาพบวชสามเณร เจ้าภาพอาหารถวายเณร สามารถร่วมบุญได้ ที่ท่านเจ้าอาวาสวัดใหม่คูมอญหรือที่ www.watmaikumon.com
139  ธรรมะสาระ / กระดานข่าวทางวัดแก่งขนุน / Re: เกี่ยวกับเรื่อง บรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน พ.ศ.2554 เมื่อ: มีนาคม 23, 2011, 03:20:33 pm




ติดต่อขอใบท่องคำขานนาคได้ตั้งแต่บัดนี้
                         
คุณสมบัติ
1. มีอายุ 9 ปีบริบูรณ์ ถึง 16 ปี  (หรือมีความสามารถอ่านออกเขียนได้)
2. มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ ไม่ทุพพลภาพ ( พิการ )
3. กล่าว คำขอบรรพชา ได้ด้วยตนเอง และอยู่จนครบกำหนดโครงการอบรม
4. เป็นผู้อยู่ง่าย กินง่าย ไม่เป็นภาระแก่ตนเองและผู้อื่น                 
5. ผ่านการทดสอบท่องคำขอบรรพชา  (ทดสอบตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2554 เป็นต้นไป)
 
หลักฐานการ สมัคร
                                                                                                                                 
1. ใบสมัคร
2. สำเนาทะเบียนบ้าน ถ่ายเอกสาร 1 แผ่น

การสมัคร.. 
                                                                                                                                         
1.สมัครได้ที่ ห้องจริยธรรม วัดกุณฑีธาร ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึง 31 มีนาคม 2554
2. ยื่นใบสมัครด้วยตนเอง พร้อมผู้ปกครองพาไปในวันที่สมัครด้วย (ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น )

http://www.kuntheetharn.com/forum/index.php?topic=113.0
140  ธรรมะสาระ / กระดานข่าวทางวัดแก่งขนุน / Re: เกี่ยวกับเรื่อง บรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน พ.ศ.2554 เมื่อ: มีนาคม 23, 2011, 03:18:27 pm

วัดใหม่อมตรสบางขุนพรหม  บางขุนพรหม  กรุงเทพฯเชิญเยาวชนชายอายุ  9-15 ปีเข้าร่วมโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนตั้งแต่วันที่  2-11  เมษายน 2554(อบรมนาค  28-1 เมษายน 2554  เวลา  13.00-15.30 ณ ศาลาสมเด็จ)ระเบียบการรับสมัคร(กรุณาอ่านและทำความเข้าใจระเบียบข้อปฏิบัติ ให้ดี  ก่อนกรอกใบสมัคร)วิสัยทัศน์ :  เยาวชนสมัยใหม่  มารยาทดี  มีคุณธรรม  จริยาวัตรงดงาม  เน้นคุณภาพ

http://www.oknation.net/blog/wat-maisanyasirikhet/
141  ธรรมะสาระ / กระดานข่าวทางวัดแก่งขนุน / Re: เกี่ยวกับเรื่อง บรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน พ.ศ.2554 เมื่อ: มีนาคม 23, 2011, 03:15:52 pm


เทศบาลนครนนทบุรี ร่วมกับ วัดแคนอก จัดโครงการ บรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน ประจำปี 2554 เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบร,ราชกุมารี ในวันอังคารที่ 22 มี.ค. 54 ณ บริเวณริมเขื่อนท่าน้ำนนท์ ตั้งแต่เวลา 07.00 น. เป็นต้นไป ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพองค์ละ 500 บาท หรือทำบุญตามศรัทธา สอบถามรายละเอียดได้ที่ 0-2589-0502 ต่อ 174 และ 176

http://www.nakornnont.go.th/nakornnont/view_new.php?id_new=40
142  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พระมีรายได้ มากกว่า 40000 บาท ต่อเดือน จริงหรือไม่ครับ เมื่อ: มีนาคม 18, 2011, 02:11:34 pm

เห็นด้วยครับ เหมือนกระทู้ล่อเป้า เอกสารที่แจก ก็มาจากกลุ่มสมาชิกศรัทธาวัดป่าสามแยก นะครับ
มีบทวิจารณ์ มากมายในเรื่องนี้ แต่ผมว่าจำนวนพระที่มีอยู่ ถ้าเราต้องทำเถรตรง เลยก็น่าจะทำให้เกิดความลำบาก
กับพระสงฆ์ในปัจจุบัน ยิ่งยุคปัจจุบันพระสงฆ์ ต้องทำตัวให้ทันสมัย กับญาติโยมด้วยเพราะว่าท่านต้องเข้าถึงภาวะ

จิตใจของคนปัจจุบัน อีกอย่างผู้ที่มาบวชตอนนี้ก็เป็นคนแต่ละยุคครับ
ดังนั้น จะให้พระสงฆ์ไม่นั่งเครื่องบิน รถไฟ รถบัส รถตู้ เป็นต้นนั้นคงไม่ได้ครับ เมื่อพระสงฆ์ต้องเรียนหนังสือในหลักสูตร ปริญญาตรี โท เอก ก็จำเป็นจะต้องมีการใช้ จตุปัจจัย ทั้งสี่เพิ่มขึ้นด้วยครับ

 :smiley_confused1:
143  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ใครเป็นเหมือนผมบ้าง เมื่อ: มีนาคม 17, 2011, 04:22:52 pm
ผมชอบภาวนามากกว่าฟัง ครับส่วนใหญ่ จะภาวนาเงียบ ๆ นิ่ง ๆ ครับ

จริตไม่ชอบฟัง ไม่ชอบอ่านนาน ๆ ครับ

 :13:
144  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: รายงานจากศิษย์ที่ไปวัดป่าบ้านตาด เ่ล่าด้วยภาพนะจ๊ะ เมื่อ: มีนาคม 10, 2011, 04:10:24 pm


กล่องหนังสือที่ได้รับแจกในงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงตามหาบัว

145  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ ม.ค.54แตะ 40 ล้านบาท เมื่อ: มีนาคม 08, 2011, 10:15:22 am
เรื่องลิขสิทธิ็์่ ซอฟแวร์ นี้มีานานแล้ว ผมว่าพวกเวอร์ชั่นเก่า ๆ เขาก็น่าจะให้ใช้ฟรีได้แล้วนะครับ

เช่น photoshop 5 6 7 เป็นต้น ดังนั้นผมว่าปัญหา ลิขสิทธิ์นั้นน่าจะเป็นกับพวกเวอร์ชั่นใหม่ ๆ

ที่ละเมิดกันมาก น่าจะเป็น เกมส์ ซะมากกว่า แต่ชาวต่างชาติ เป็นคนทำ อัพโหลดเอง...เก็บเงินเป็น

ดอลล่าร์ ลองเข้าไป เสริร์ชหาดูก็รู้

 แต่เห็นด้วยอยู่สำหรับ ชาวพุทธ กับโปรแกรมฟรีแวร์ ก็เหลือเฟือแล้วครับ
 :96:
146  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / Re: ตาเคลิ้ม กับ สังกะสีแผ่นเดียว เมื่อ: มีนาคม 08, 2011, 10:11:52 am
เรื่องนี้อ่านแล้ว ประทับใจดีครับ เล่าจากใครก็ไม่หนักแน่น เหมือนเล่่าจาก หลวงพ่อจรัญ ครับ
ผมฟังแล้ว เห็นคล้อยว่า นรก สวรรค์ ที่เป็นภพนั้น มีอยู่จริง สัจจะที่ควรรักษา ก็เป็นเรื่องที่เป็นจริง ๆ

เรื่องนี้ สอนให้รู้อยู่อย่างหนึ่ง ว่า มีทรัพย์ มีสัทธา ก็ใช่ว่าจะสร้างวัดขึ้นมา สักวัด หนึ่งได้นะครับ
ดังนั้น วัดที่มีอยู่ แต่ละวัด ย่อมเกิดจากสัทธา ที่ตั้งมั่นของชาวพุทธ ควรค่าแก่การรักษาให้ลูกหลาน

รับทราบ และ มั่นคงในวัฒนธรรม และ พระศาสนา

เยี่ยม ครับเรื่องนี้
 :25:
147  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ถามเกี่ยวกับผู้ที่ชำนาญกสิณครับ คือฝึกแล้วภาพไม่ติดตาสักที เมื่อ: มีนาคม 04, 2011, 05:00:02 pm
ห้วข้อกระทู้
กสิณสีแดง
รายละเอียด
กสิณสีแดง

ผู้โพส : ตั๊กม้อ
วันที่ : Monday, May 08, 2552 เวลา : 11:11:49 PM


ความคิดเห็นที่ 1
เพ่ง ๕ นาที แล้วหลับตาเบาๆ อย่ากดบีบตา กำหนดความจำที่เก็บไว้ในจิต เพ่งอยู่ภายใน ถ้ายังจำไม่ได้ให้ลืมตามามองดูใหม่ ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะเป็นนิมิตที่ชัดเจน บริกรรมว่า โลหิตา ๆ ๆ ไปเรื่อยๆ
จาก ตั๊กม้อ [5/8/2552 23:18:54 ]

ความคิดเห็นที่ 2
รบกวนถามค่ะว่า การเพ่งกสิณสีแดงได้รับผลอะไรบ้าง และบุคลลลักษณะใดที่ควรเพ่งกสิณสีแดงบ้าง ยาแก้ปวดนั้น ยางคนก้ต้อง กินพารา บางคนก้ต้องกินพอนแสตน อย่างไรเสียก็ต้องวิเคราะห์โรคนะค่ะว่ายาตัวนี้เหมาะกับคนไข้ประเภทได้ ดีมิดี คนไข้จะยิ่งอาการหนักนะค่ะ
จาก ปาณิศา [6/8/2552 8:01:05 ]

ความคิดเห็นที่ 3
คุณบัวก็ได้นะ มองเห็นอะไรบ้างครับ
จาก TonG [6/8/2552 9:37:27 ]

ความคิดเห็นที่ 4
ก็เห็นสีแดง หรือให้มองเป็นธงชาติญี่ปุ่นก็ได้อยู่นะ
จาก ปาณิศา [6/8/2552 9:40:56 ]

ความคิดเห็นที่ 5
มองเฉพาะสีแดงในวงกลม เขาให้เพ่งสีแดงนี่ สีขาวแค่เป็นฉากให้สีแดงเด่นขึ้น เดี๋ยวก็เลยไปมองเห็นหน้าหนุ่ม ญี่ปุ่นเข้าหรอก วรรณกสิณเป็น 1 ในกรรมฐาน 40 วิธีที่พระพุทธเจ้าสอน วรรณกสิณจะง่ายต่อการทำให้ติดตา ติดใจ ผลคือทำให้จิตสงบได้ง่ายกว่าวิธีอื่น ฌานที่ได้ก็ระดับปฐมฌานไม่สูงแต่ก็เป็นบาทฐานให้ปฏิบัติกรรมฐานอื่นได้ดี ลองปฏิบัติดูนะครับ
จาก ตั๊กม้อ [6/8/2552 10:40:37 ]

ความคิดเห็นที่ 6
จิงหรือค่ะ ขอบพระคุณค่ะ เพราะตอนนี้ พุท โธ ไม่ค่อยได้ผล ฟุ้งมากมาย ทั้งทีแต่ก่อนได้ผลค่อนข้างดี อาจจะเป็นเพราะไม่สม่ำเสมอด้วยกระมัง
จาก ปาณิศา [6/8/2552 10:46:42 ]

ความคิดเห็นที่ 7
อามิตตาพุทธ
จาก ตั๊กม้อ [6/8/2552 10:54:13 ]

ความคิดเห็นที่ 8
วรรณกสิณ(กสิณสี)...ยิ่งนั่งยิ่งร้อนใจ..ไม่ถูกจริต..หากนั่งเพ่งมองแล้ว ยิ่งสบาย นั่นคือถูกจริตถูกนิสสัย พื้นฐานมองให้เป็นสีขาว...แล้วใส กสิณเป็นบาทให้ได้องค์ฌานเร็ว ในที่นั่งเดียวสำเร็จถึงฌาน4ก็มีหลายคน แต่ก็ติดนิวรณ์ง่าย ฉะนั้นก็ต้องมีสติกำกับมาก วรรณกสิณยังใจให้ชุ่มชื่นดุจเมตตาอัปมัญญากสิณ เจริญขณะแผ่เมตตาให้ครอบฟ้าครอบดินได้เป็นดี ทั้งอานิสงส์ทางการปฏิบัติและการแผ่เมตตาจักบังเกิดให้เห็นชัดเจนเป็นที่ อัศจรรย์
จาก หมอเล็ก [6/8/2552 18:39:12 ]

ความคิดเห็นที่ 9
มีเรื่องจะรบกวนถามท่านผู้รู้ค่ะ เนื่องจากว่าดิฉันเป็นคนที่มีนิสัยแบบว่าพอตั้งใจทำอะไรแล้วก็จะทำได้ค่อน ข้างดี แต่พอหันไปสนใจอย่างอื่นปุ๊ปงานหรือสิ่งที่ได้รับมอบหมายเดิมจะทิ้งเลย ทั้งที่ยังทำค้างไว้อยู่ ไม่ทราบจะแก้ไขยังไงดีค่ะ ประมาณว่าตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ พอมีงานกลุ่ม ช่วงไหนที่ขยันก็ตั้งใจทำอย่างดี แต่พอช่วงไหน(อย่างเช่นช่วงนี้แหละค่ะ)เบื่อก็ไม่ทำเอาซะเลย ทั้งที่ทราบดีว่าเป็นงานกลุ่มถ้าเราไม่ทำให้ดีเพื่อนๆก็จะเดือดร้อนด้วย แต่เมื่อความสนใจมันหายไปหมดเลยมันก็ขี้เกียจขึ้นมาทันที ช่วงที่ขยันตื่นมาทำงานตั้งแต่ตี 3 ก็ทำไหว แก้ได้มั้ยค่ะ เพราะมันทำให้คนอื่นเดือดร้อนอ่ะค่ะ รู้สึกผิดก็รู้สึกแต่มันสู้ความขี้เกียจไม่ไหวเลย
จาก ปาณิศา [7/8/2552 8:47:20 ]

ความคิดเห็นที่ 10
ปาณิศา มีแต่ตัวขยัน ( ดาวอังคาร ) ขาดตัวอึด ( ดาวเสาร์ ) ดาวอังคาร บวกมฤตยูอยู่ข้างหน้าลัคนาเป็นศูนยพาหะ ถ้าไม่มีดาวพฤหัสบดี เป็นตัวสติกุมลัคน์ช่วย จะจับจดยิ่งกว่านี้ ข้อดีที่ดาวพฤหัสบดีกับดาวอังคารเป็นคู่สมพลกัน อังคารเร็วขาดสติง่ายถ้าได้ดาวพฤหัสบดีช่วยยับยั้งอังคารจึงมีคุณภาพด้านสติ ดีขึ้น ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวความรู้และวิชาการ ถ้าดาวพฤหัสบดีไม่มีดาวอังคารเป็นตัวกระตุ้น จะมีทิฐิมากเรียกทิฎฐิคณาจารย์ ทำอะไรช้าหลักการมากเกินไป ยังมีราหูกับเกตุอีก 2 ตัวที่ส่งกระแสสัมพันธ์ถึง นอกนั้นซ่อนอยู่เรือนวินาสนะหลังลัคนาหมด ราหูก็วูบวาบแนวเดียวกับอังคาร นี่แหละคือเหตุผลที่เป็นอยู่ แก้ไขได้ด้วยสติเท่านั้นฝึกให้การกระทำใหม่ๆใด้ชำนาญเอาชนะพฤติกรรมเก่าๆ เพราะเคยอยู่กับอังคาร และ ราหู มานานจนเคยชินตั้ง 26 ปี ต้องตั้งความเพียรเข้าไว้ ดังพระพุทธองค์ทรงตรัสว่าบุคคลล่วงพ้นอุปสรรคได้เพราะความเพียร
จาก อ.สัจพจน์ [7/8/2552 9:24:15 ]

ความคิดเห็นที่ 11
ขอบพระคุณค่ะอาจารย์ อีกประการหนึ่งที่ทำให้เบื่อกับการเรียนเพราะคิดว่าเรียนไปก็ไม่เห็นจะช่วย อะไรให้สังคมดีขึ้น นอกจากแค่จบไปก้ไปทำงานตามโรงงานหรือบริษัทแล้วก็มีหน้าที่ดิ้นรนต่อสู้ฟาด ฟันกันในโลกธุรกิจอุตสาหกรรม ไม่มีวันสิ้นสุด ไร้สาระสิ้นดี วันนี้เรียนไปก็เป็นความรู้ที่ทันสมัยที่สุดแต่อีก 10 ปีผ่านไปก็คงเป็นแค่ความรู้โบร่ำโบราณ เหมือนตัวเองเป็นปลาไปติดเบ็ดโง่ๆที่ไม่มีแม้แต่เหยื่อล่อ แต่ก็อีกนั้นแหละสงสัยกรรมจะจัดสรรคให้เป็นแบบนี้ เพราะถ้าไม่เริ่มเรียนชีวิตก็คงเป็นแบบเดิมไม่พลิกผันและคงไม่ได้มาค้นพบ เว๊ปนี้
จาก ปาณิศา [7/8/2552 9:39:47 ]

ความคิดเห็นที่ 12
นั่งแล้วแดงฉานไปหมด แต่ก็รู้สึกดี รู้สึกเหมือนมีพลัง เป็นแป๊บนึงอย่างนี้เกี่ยวกับกสิณสีแดงมั้ย
จาก สงสัย [1/12/2553 8:26:31 ]

ขอบคุณที่มาจากเว็บนี้ครับ

http://www.sathanimahaprash.com/index.asp?contentID=10000006&bid=795&title=%A1%CA%D4%B3%CA%D5%E1%B4%A7&keyword=
148  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ถามเกี่ยวกับผู้ที่ชำนาญกสิณครับ คือฝึกแล้วภาพไม่ติดตาสักที เมื่อ: มีนาคม 04, 2011, 04:58:47 pm

149  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / การปฏิบัติธรรมสำหรับฆราวาส ฉบับเบาเบา เมื่อ: มีนาคม 02, 2011, 02:36:19 pm
การปฏิบัติธรรมสำหรับฆราวาส ฉบับเบาเบา    


วิธีพิจารณาความเจริญก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม สำหรับฆราวาส เวอร์ชั่นเบาเบา
1.เริ่มต้นจากศรัทธาหรือสัทธา ศรัทธาในทางพระพุทธศาสนามีสี่อย่าง คือ

•กัม มสัทธา เชื่อกรรม เชื่อกฎแห่งกรรม เชื่อว่ากรรมมีอยู่จริง คือ เชื่อว่า เมื่อทำอะไรโดยมีเจตนา คือ จงใจทำทั้งรู้ ย่อมเป็นกรรม คือ เป็นความชั่วความดีมีขึ้นในตน เป็นเหตุปัจจัยก่อให้เกิดผลดีผลร้ายสืบเนื่องต่อไป การกระทำไม่ว่างเปล่า และเชื่อว่าผลที่ต้องการ จะสำเร็จได้ด้วยการกระทำ มิใช่ด้วยอ้อนวอนหรือนอนคอยโชค เป็นต้น

•วิปากสัทธา เชื่อวิบาก เชื่อผลของกรรม เชื่อว่าผลของกรรมมีจริง คือ เชื่อว่ากรรมที่ทำแล้วย่อมมีผล และผลต้องมีเหตุ ผลดีเกิดจากกรรมดี ผลชั่วเกิดจากกรรมชั่ว

•กัมมัสสกตาสัทธา เชื่อความที่สัตว์มีกรรมเป็นของตน เชื่อว่าแต่ละคนเป็นเจ้าของ จะต้องรับผิดชอบเสวยวิบาก เป็นไปตามกรรมของตน

•ตถาคต โพธิสัทธา เชื่อความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า มั่นใจในองค์พระตถาคต ว่าทรงเป็นพระสัมมาสัมพุทธะ ทรงพระคุณทั้ง 9 ประการ ตรัสธรรม บัญญัติวินัยไว้ด้วยดี ทรงเป็นผู้นำทางที่แสดงให้เห็นว่า มนุษย์ คือเราทุกคนนี้ หากฝึกตนด้วยดีก็สามารถเข้าถึงภูมิธรรมสูงสุด บริสุทธิ์หลุดพ้นได้ ดังที่พระองค์ทรงบำเพ็ญไว้

2.จาคะ การบริจาค การให้ทาน ดังจะเห็นได้จาก อดีตชาติของพระพุทธเจ้าในพระชาติต่างๆ เริ่มจากการให้ทานเป็นอันดับแรก เพราะว่าการให้ทานเป็นหัวใจหรือเป็นหลักของใจ การให้ทานอันการสละวัตถุสิ่งของภายนอกมากน้อยแก่ผู้ที่รับบริจาค คุณความดีจะวิ่งเข้าสู่ใจ ใจจะมีความอบอุ่น และจะพัฒนาไปสู่การสละเวลา ร่างกายมาปฏิบัติธรรมให้สมควรแก่ธรรมมากขึ้น และในฐานะที่พวกเรายังไม่สามารถจะเข้าถึงพระนิพพานได้ในชาตินี้ อานิสงส์แห่งทานที่ได้ทำลงไปจะรักษาเราไม่ให้ลำบากอัตขัตขัดสน

แม้ แต่พระพุทธเจ้าสมัยเสวยพระชาติเป็นกระต่ายโพธิสัตว์ตั้งใจว่า วันนี้หากใครต้องการอาหารเราจะยอมสละเนื้อหนังของเราให้เป็นอาหาร ก็ยอมสละชีวิตตนเองเป็นอาหารให้ทานแก่คนที่ต้องการอาหารในวันนั้น โดยไม่ได้เลิกชนชั้นวรรณะว่าจะต้องเป็นพระสงฆ์ สมณชีพราหมณ์ กษัตริย์ พ่อค้าประชาชนพวกนั้นพวกนี้เลย

แต่การทำทานไม่ได้มุ่งที่แสดงว่า “ทำทานมากได้บุญมาก ทำทานน้อยได้บุญน้อย แต่ให้ทำทานทำบุญให้บ่อยๆตามกำลังความสามารถ” แต่มุ่งที่พิจารณาดูใจให้รู้จักเสียสละเป็นสำคัญคือความตะหนี่ที่เกิดขึ้นใน ใจของเรา

ดังเช่น ชายขอทานมีเงินอยู่ 20 บาทแต่ได้เสียสละซื้อข้าวปลาอาหารถวายพระสงฆ์  เงิน 20 บาทนี้อาจจะเป็นค่าอาหารมื้อต่อไปของชายคนนั้นก็ได้ (เมื่อเทียบกับมหาเศรษฐีที่มีเงินเป็นหมื่นๆล้าน ทำบุญ 1 แสนบาท จะได้บุญมากกว่าขอทานก็คงไม่ใช่) แต่ด้วยชายคนนั้นพิจารณาถี่ถ้วนแล้วว่า

“เพราะ ชาติที่แล้วเราไม่รู้จักทำบุญให้ทาน ชาตินี้จึงมาเป็นคนลำบากยากจนเข็ญใจ เงิน20 บาทนี้จะรักษาเราก็ได้เพียงอาหารมื้อหนึ่งเท่านั้น แต่อย่ากระนั้นเลยเราจะขอสละเงิน 20 บาทนี้ถวายเป็นทานแก่พระคุณเจ้า ด้วยอานิสงส์ผลบุญนี้จะพิทักษ์รักษาเราตลอดไป”

เพียงเท่านี้ใจที่ รู้จักเสียสละก็มีที่พึ่งเป็นหลักของใจ ยิ่งทำบ่อยๆใจก็ยิ่งระลึกถึงบุญได้บ่อยๆ สุคติภูมิก็เกิดขึ้นแก่เราบ่อยครั้ง หากพลาดพลั้งเสียชีวิตในขณะหลังทำบุญ จิตที่เพิ่งทำบุญบ่อยครั้งย่อมนึกถึงบุญได้ทันท่วงที แต่ถ้าเราทำบุญนานๆครั้งโอกาสที่จะนึกถึงบุญกุศลย่อมนึกถึงได้ยาก อาจพลาดพลั้งไปสู่ทุคติภูมิได้

ดังนั้น เมื่อมีโอกาสทำบุญทำทานอย่าปล่อยโอกาสให้พลาดไป และต้องรู้จักใช้ปัญญาเลือกนาบุญที่ดีที่มีประโยชน์ ส่วนนาบุญที่ไม่ดีก็อย่าปล่อยให้รกร้าง ต้องรู้จักหัดทันกับกิเลสที่เกิดขึ้นด้วย อย่างเช่น เห็นขอทานมาขอทานที่หน้าบ้าน เราอาจจะวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา จนสร้างกิเลสคือความตระหนี่กลับมาทับหัวใจเหมือนเดิม สมัยก่อนการทำทานกับขอทานไม่ต้องพิจารณาเหมือนกับปัจจุบันที่กังวลสารพัดว่า จะเป็นแก็งขอทานหรือเปล่า??? คนทั่วไปอาจจะมี 2 วิธีคือวางอุเบกขากับให้เงินขอทานไป

แต่สำหรับผมนั้นพิจารณาว่า ในโลกนี้ไม่มีใครอยากเกิดมาขอทานคนอื่นหรอก ทั้งยอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองลงมาขอคนอื่นกิน ขอทานคนนั้นจะเป็นแก็งขอทานหรือไม่ก็เป็นกรรมของเขาเอง เราพอใจที่จะสละเงินจำนวนนี้แล้วเราสบายใจ ใจเราเป็นสุขก็พอแล้ว มีเรื่องเล่า ชายคนหนึ่งเห็นขอทานบนสะพานลอยแถวบ้าน

วันนั้นรถส่วน ตัวของของเขาเสียจึงต้องนั่งรถตู้กลับบ้านระหว่างข้ามสะพานลอย มีขอทานคนหนึ่งนั่งขอทานอยู่ ตอนนั้นเขาไม่มีเศษสตางค์ เขาเดินผ่านขอทานไป และลงไปซื้อข้าวเหนียวกับไก่ทอดและน้ำดื่ม 1 ขวด เดินกลับไปบนสะพานเอาไปให้ขอทาน ขอทานคนนั้นมองหน้าด้วยสายตางงๆ ชายคนนั้นยิ้มให้และพยักหน้าแสดงว่าจะยกให้ ขอทานคนนั้นรับแล้วกล่าวภาษาอะไรที่เขาจับใจความไม่ได้ เหมือนเป็นคนใบ้แต่พยายามพูดออกมาดังลั่นสะพานลอย แม้ชายคนนั้นเดินจากมาแล้ว ขอทานคนนั้นก็ยังยกข้าวเหนียวไก่ทอดขึ้นเหนือหัวและกล่าวตลอดเวลาจนชายคน นั้นเดินลงสะพานลอยไป

หาเวลาไปทำบุญกับพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติ ชอบดูบ้าง ตัวผมเองจะไปทำบุญตักบาตรถวายอาหารพระทุกวันอาทิตย์ กลายเป็นกิจวัตรประจำ(หากไม่ติดธุระอะไร) เพราะเราก็ต้องรู้จักหว่านข้าวลงในนาบุญที่ดีเอาไว้ด้วย

3.ต่อมา เริ่มด้วยการรักษาศีล 5 ให้เป็นการประจำ หากไม่มั่นใจเพราะความไม่เคยชินในการรักษาก็ให้เพิ่มการไหว้พระสวดมนต์แรกๆ อาจจะเริ่มสวดมนต์เฉพาะตอนเย็น แล้วพัฒนามาสวดตอนเช้าด้วยครับเริ่มจากบทง่ายๆ จนพัฒนาเต็มขั้นของการสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น และทุกครั้งตอนสวดมนต์เช้าเย็นให้กล่าวคำรักษาศีลทุกครั้งเพื่อตอกย้ำตัวเรา เองครับ

บางคนอาจจะมองว่าไม่จำเป็นต้องกล่าวคำรักษาศีลทุกครั้ง แต่สำหรับผมคนมีกิเลสหนาก็ต้องเอาวิธีนี้เข้าช่วยครับ เพื่อให้เข้าหัวสมองและฝังใจมากขึ้น แม้แต่สวดมนต์บางคนก็ว่าไม่จำเป็นครับก็แล้วแต่คน ผมไม่ว่ากัน แต่สำหรับผมเมื่อก่อนก็เหมือนกับคนทั่วไปที่สนใจธรรมะแต่ไม่สนใจปฏิบัติธรรม คิดว่าทำแค่นี้พอแล้ว จนเมื่อเวลาชีวิตผมเหลือน้อยลงด้วยปัญหาสุขภาพร่างกายจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่ รู้ การสวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็นกลายเป็นเรื่องที่ธรรมดา

เมื่อก่อนที่ ไม่เคยสวดมนต์ตอนเช้า เพราะอ้างว่าไม่มีเวลากลัวไปทำงานไม่ทัน จริงๆ แม้ไม่สวดมนต์ก็ยังไปทำงานสายเลย วิธีแก้ไขคือเราต้องรู้จักเผื่อเวลาหรือแบ่งเวลา คือ นอนให้ไวขึ้น ตื่นเช้ามากขึ้น เวลาก็ได้นอนเท่าเดิม แถมได้สวดมนต์ตอนเช้าก่อนไปทำงานด้วย และไม่ไปทำงานสายอีกต่างหาก

เมื่อศีล 5 เริ่มคุ้นชิน เริ่มไม่รู้สึกลำบากจะเริ่มเห็นพัฒนาการของจิตใจเราเองครับ ยกตัวอย่างเช่น การฆ่าสัตว์จะกลายเป็นเรื่องยาก แม้แต่การเบียดเบียนสัตว์ก็ลำบากเหมือนกัน ใจเราจะมีเมตตามากขึ้น ถ้าขนมเรากินอยู่แล้ววางทิ้งไว้แล้วมดขึ้น ถ้าเราพิจารณาใช้ปัญญาเราอาจจะยอมสละขนมนั้นให้มดไปเลยครับ เหมือนสมัยพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นเจ้าเมืองแห่งหนึ่ง ปรากฏว่ามีเจ้าเมืองข้างๆได้ยินข่าวว่าเจ้าเมืองนี้มีเมตตา ก็จะหาทางรุกรานเพราะคงได้เมืองง่ายแน่ๆ ซึ่งก็เป็นความจริงพระโพธิสัตว์ย่อมสละตำแหน่งเจ้าเมือง แถมเปิดประตูให้ศัตรูเข้ามาถึงในเมือง นี่คือความเมตตาของพระโพธิสัตว์ครับ และถ้าเป็นพวกเราจะทำได้ใหมครับ

พัฒนาการต่อมา “รักษาศีลอุโบสถทุกวันพระ” บางคนรีบบอกเลยว่า ไม่ไหวๆๆ หิวตายแน่ๆ หื่นกามแน่ๆ หน้าตาโทรมแน่ๆ รูปร่างดูโทรมแน่ๆ นอนไม่หลับแน่ๆ เมื่อก่อนผมก็คิดแบบนี้จนสุดท้ายได้ออกบรรพชาอุปสมบทช่วงสั้นๆ ก็ไม่เห็นทรมาณจนทนไม่ได้แบบที่กลัวเลยสักหน่อย เ

มื่อสึกออกมา ผมก็เลยลองฝึกถือศีลอุโบสถ(ศีล8)ทุกวันพระ ก็พอไหวอ่ะ แต่พอนานเข้าๆก็เริ่มจะขี้เกียจพอใกล้วันพระ จิตมันจะขยาดๆ แบบว่าเอาอีกแล้ว แต่พอนานเข้าก็เริ่มคุ้นกันล่ะ พอใจเริ่มท้อๆก็นึกถึงบทสวดที่เคยอ่านเจอในหนังสือสวดมนต์ว่า “ทางนี้ที่เราละเว้นตามศีล 8 ในข้อต่างๆนี้เป็นทางที่พระอรหันต์ท่านทรงเดินมาก่อน ในวันหนึ่งกับคืนหนึ่งนี้เราจะละเว้นตามพระอรหันต์ท่านพาดำเนินได้ชื่อว่า เดินตามพระอรหันต์”

4.ทำสมาธิภาวนา ผมว่ามีเยอะนะครับครับที่คนสนใจธรรมะ ทำบุญทำทานรักษาศีลแต่มักไม่ค่อยนั่งสมาธิกัน ผมเองก็เป็น เหตุผลง่ายๆเลยคือ ขี้เกียจหรือความเพียรย่อน แต่สิ่งที่ผมได้จากการนั่งสมาธิคือความสงบและเป็นการฝึกขันติความอดทนของตัว เราเอง เมื่อก่อนแรกๆผมนั่งสมาธิได้ไม่เกิน 10 นาทีก็จะปวดขา ปวดน่องมาก เวทนาเกิดจนต้องเลิกนั่ง พยายามทำให้ใจสงบ แต่ยิ่งพยายามเท่าไร ใจยิ่งไม่สงบ

สุดท้ายก็จากการอ่านการฟังจากหนังสือประวัติของพ่อแม่ ครูอาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตและปฏิปทาพระธุดงค์กรรมฐานสายหลวงปู่มั่นที่เขียนโดยหลวงตาพระมหา บัว ญาณสัมโน ก็เริ่มมีกำลังใจในการนั่งสมาธิ เริ่มจากนั่งได้ 15 นาที ขยับทีละนิดทีละหน่อย ตอนนี้นั่งได้ 1 ชั่วโมงสบายๆ เวทนาที่เกิดขึ้นก็ไม่รุนแรง ก็ขยับขยายเวลาให้เพิ่มขึ้นตอนนี้นั่งได้ถึง 2 ชั่วโมงเป็นบางครั้ง 

สิ่งที่คนมีกิเลสหนาอย่างผมได้จากการนั่ง สมาธิคือความอดทนและความสงบ การนั่งก็แล้วแต่ว่าอยากจะนั่งภาวนาอย่างเดียวหรือเปิดเทปธรรมะฟังไปด้วย แต่ถ้าเปิดซีดีธรรมะฟังไปด้วย ผมสังเกตว่า ถ้าภาวนาไปด้วยมักไม่ได้ผล ต้องฟังอย่างเดียวแต่ไม่ใช่ฟังเพื่อจำว่าท่านพูดอะไร แต่ฟังแล้วพิจารณาตามไปด้วยขณะฟัง จิตก็จะสงบไปกับธรรมะที่ฟังอยู่จนลืมเวลา ยิ่งเวลาเวทนาเกิดไปตรงกับธรรมะท่านเทศน์เรื่องเวทนา จิตจะสงบและพิจารณาได้เข้าใจและเวทนาเหมือนจะเบาลงไปชั่วขณะ แต่ไม่ถึงขั้นแยกกายกับจิตออกจากกัน

แต่ก็ไม่ทุกครั้งทึ่นั่งสมาธิ แล้วจะต้องสงบทุกครั้ง เพราะอย่างที่บอกคนกิเลสหนาอย่างผมก็แค่พยายามตะเกียกตะกายปฏิบัติธรรม แค่พยายามรักษาสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้ให้เป็นปกติสุข หากข้อความที่ผมเขียนมานี้จะกระตุ้นให้ใครใคร่อยากลองปฏิบัติธรรม ฉบับฆราวาส เวอร์ชั่นเบาเบาดูบ้างก็ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ หากเห็นว่าไม่มีถูกต้องรบกวนช่วยแจ้งด้วยครับจะได้แก้ไขให้ถูกต้อง เพราะผมก็ไม่ใช่ผู้รู้ผู้วิเศษมาจากไหนก็ลูกชาวบ้านตาดำหาเช้ากินค่ำเหมือน กับคนทั่วๆไปก็มีประมาทพลาดพลั้งไป

หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดพลาดพลั้งล่วงเกินคุณพระรัตนตรัยหรือกล่าวธรรมผิดไปจากหลักความจริงก็กราบขมาอดโทษให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด

แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 54 19:30:59

จากคุณ    : Thus Spoke Eitthakorna
150  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / บุญบูชาพระอาจารย์หลวงตามหาบัว ๕ – ๖ มีนาคม ๒๕๕๔ ณ สวนโมกข์กรุงเทพ เมื่อ: มีนาคม 02, 2011, 02:28:34 pm
ประชาสัมพันธ์ต่อครับ ตามรายละเอียดข้างล่าง หรือที่   

http://www.bia.or.th/

บุญบูชาพระอาจารย์หลวงตามหาบัว
กับการฟื้นคืนของวิปัสสนาธุระในสังคมไทยของคณะศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต มหาเถระ
๕ – ๖ มีนาคม ๒๕๕๔  ณ สวนโมกข์กรุงเทพ

วันเสาร์ที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๔
วันเสด็จพระราชทานเพลิงพระอาจารย์หลวงตามหาบัว

๑๐.๐๐ น.  ปรารภธรรมถวายเป็นอาจาริยบูชา
โดย  พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี)
ศูนย์ปฏิบัติธรรมไร่เชิญตะวัน สถาบันวิมุตตยาลัย เชียงราย

๑๑.๐๐ น.  เสวนา การฟื้นคืนวิปัสสนาธุระในสังคมไทย ของคณะศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
โดย   ภัทระ คำพิทักษ์ บรรณาธิการ นสพ.โพสต์ทูเดย์
คอลัมน์คาบใบลานผ่านลานพระ นสพ.โพสต์ทูเดย์
นพนันท์ อนุรัตน์ บรรณาธิการสารคดีพื้นที่ชีวิต Life Explorer
ตอน จากเจ้าพระยาสู่อิระวดี
วีระศักดิ์ จันทร์ส่งแสง บรรณาธิการ นิตยสารสารคดี
ฉบับพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
กฤษกร วงค์กรวุฒิ บรรณาธิการนิตยสาร ฅ คน
ฉบับพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน (มีนาคม ๒๕๕๔)
กิตติ สิงหาปัด ดำเนินรายการ

๑๓.๐๐ น.  เพลินธรรมนำชมปริศนาธรรมในสวนโมกข์กรุงเทพ

๑๔.๐๐ น.  เสวนา ร้อยคน ร้อยธรรม ร้อยห้าปีพุทธทาส
หลวงพ่อเอี้ยน (พระครูวินัยธร พระมหาทรงศักดิ์ วิโนทโก)
สำนักวิปัสสนาวังสันติบรรพต เมือง พัทลุง
ผู้เคยอยู่ประจำโรงหนังสวนโมกข์รุ่นแรกๆ
โดย      สำนักพิมพ์สุขภาพใจ


วันอาทิตย์ที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๔
วันดับธาตุ.........................................................

๐๙.๐๐ น.     บูชาพระรัตนตรัย
๐๙.๓๐ น.     ปรารภธรรม โดย พระอาจารย์โพธิ์ จันทสโร (พระภาวนาโพธิคุณ)
เจ้าอาวาสวัดธารน้ำไหล สวนโมกขพลาราม ไชยา สุราษฎร์ธานี

๑๐.๓๐ น.     ตักบาตรแบบพุทธกาล แด่พระภิกษุสงฆ์ ๙ รูป
๑๑.๐๐ น.     พระภิกษุฉันภัตตาหาร
ฆราวาสสวดมนตร์ทำวัตรเช้า
๑๒.๐๐ น.     ร่วมรับประทานอาหาร

ฟังดนตรีในสวนธรรม และกิจกรรมธรรมบันเทิงต่างๆ
แหล่ประวัติท่านอาจารย์มั่น และ พระอาจารย์หลวงตามหาบัว โดย เพลิน พรหมแดน
๑๓.๐๐ น.     เพลินธรรมนำชมปริศนาธรรมในสวนโมกข์กรุงเทพ

๑๔.๐๐ น.     เจริญจิตตภาวนาเป็นอาจาริยบูชา
กับ พระอาจารย์เลี่ยม ิตธมฺโม (พระราชภาวนาวิกรม)
เจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง อุบลราชธานี
พระอธิการเฮ็นนิ่ง เกวลี
เจ้าอาวาสวัดป่านานาชาติ อุบลราชธานี

วีดิทัศน์พื้นที่ชีวิตกรณีศึกษาการฟื้นคืนวิปัสสนาธุระ
“จากเจ้าพระยาสู่อิระวดี”

๑๖.๓๐ น.      ดนตรีมีธรรม วง E-TAN Quintet (อีแต๋น : แตรงวงทองเหลือง ๕ ชิ้น)
จากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล

๑๗.๓๐ น.     สวดมนตร์ทำวัตรเย็น แล้วนั่งสมาธิเจริญจิตภาวนา
๑๘.๓๐ น.          สิ้นสุดกิจกรรม

ตลอดรายการทั้ง ๒ วัน มีสารคดีพื้นที่ชีวิต-Life Explorer
ชุด จากเจ้าพระยาสู่อิระวดีให้ชมต่อเนื่องครบทั้ง ๕ ตอน

จากคุณ    : axon
151  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: เมื่อน้องสาว มาถามดิัฉันว่า "พี่เราเกิดเป็นคนไทย ชาติต่อไปก็เป็นคนไทยใช่ไหมคะ" เมื่อ: มีนาคม 02, 2011, 02:22:26 pm
ผมยังเชื่อมั่น ในการภาวนา ความเป็นคนไทย อยู่บ้างครับ เพราะไม่ได้มองไปไกล หลายชาติมาก ๆ แต่มองสักประมาณ ไม่เกิน 10 ชาติ เราเองก็น่าจะเป็นคนไทย เรื่องราวจึงรู้สึกผูกพันกับชาวสุวัณณภูมิ อยู่นะครับ

แต่การจะเกิดเป็นอะไรนั้น มันขึ้นอยู่กับว่า จิตผูกพันกับอะไรในระหว่างที่เรียกว่า อาสันนกรรม ถ้าผูกพักกับทรัพย์ก็ไปเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ไปผูกกับจีวรก็ไปเกิดเป็นตัวเล็น อันนี้มองจากพระสูตรชาดกนะครับ

เชื่อว่า กรรม เป็นเหตุปรุงแต่งในบุญและกรรม ที่เรากระทำไว้

เชื่อเถอะครับ คนทำกรรมไม่ดี ไม่มีความสบายใจ

คนทำกรรมดี ก็ย่อมเชื่อมั่นในความดี ย่อมมีแต่ความสบายใจครับ

 :34:
152  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: แผนผังอธิบาย ปฏิจจสมุปบาท คะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2011, 08:24:41 pm
แผนผังดูดี มาก ๆ ครับ ต้องนั่งถอดหน่อยต้องโหลดครับ เพราะมีประโยชน์และเิปิดด้วยโปรแกรมดูภาพครับถึงจะอ่านเนื้อหาได้ดีครับ

ขอบคุณครับ
 :25:
153  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / มีใครเห็นด้วยกับผมบ้างครับว่า การภาวนาไม่จำเป็นต้องไปที่วัด เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2011, 05:02:18 pm
มีใครเห็นด้วยกับผมบ้างครับว่า การภาวนาไม่จำเป็นต้องไปที่วัด

โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่ไม่ค่อยไปวัด แต่เรื่องทำบุญ ก็จะไปบ้าง

ส่วนใหญ่อาศัยไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มเพื่อนปฏิบัติธรรม และก็อาศัยปฏิบัติภาวนาด้วยตนเองที่บ้านครับ

ผมจึงมีความเห็นว่า การภาวนาไม่จำเป็นต้องไปที่วัด

 ใครเห็นด้วยบ้างครับ....

 :s_hi:
154  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ดูการตูนพุทธประว้ติแล้วอยากร้องให้ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2011, 07:29:07 pm
ทานพริกมากหรือป่าวครับ ....

จึงน้ำตาไหล....

ปกติผมเอง ก็เคยน้ำตาไหลตอนฟังพุทธประวัติ เช่นกัน แต่ไม่ใช่ตอนทานข้าวครับ

คิดว่าเป็นปีติ และ เราเคยภาวนา และ เคารพพระรัตนตรัยมาก่อน ผมว่า ถ้าปีติ เกิดบ่อย ๆ

ดวงตาเห็นธรรม ก็น่าจะเกิดขึ้นในไม่ช้าครับ
 :25:
155  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: สรุปธรรมสัญจร วันที่ 20 ก.พ.2554 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 21, 2011, 10:12:05 pm
เรียนถามสมาชิก นะครับว่า รูปแบบกิจกรรม ที่ไปมีอย่างไรครับ และมีวัตถุประสงค์อะไรครับ
ใครเป็นผู้ดำเนินกิจกรรมนี้ครับ ค่าใช้จ่ายกิจกรรมจริง ๆ เท่าไหร่ พอเปิดเผยได้หรือไม่ครับ
และกิจกรรมนี้ จะมีอีกเมื่อไหร่ครับ

อนุโมทนากุศล กับคณะด้วยครับ
 :25:
156  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: สวดมนต์ กับ นั่งสมาธิ เป็นการปฏิบัติสมาธิเหมือนกันหรือไม่คะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 17, 2011, 09:17:06 pm
พี่พล แยกประเด็นไว้ดี ครับผมกำลังอ่านคำตอบกับประเด็น อยู่ครับว่าขาดตรงไหนอีก
ก็ถ้่าเป็นไปได้ พี่พล ก็สรุปประเด็นก่อนก็ดีนะครับ
 :s_hi:
157  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: เมื่อเพื่อนมาขอคำปรึกษาด่วน เรื่องถูกพ่อแม่บังคับให้แต่งงาน เมื่อ: กุมภาพันธ์ 17, 2011, 08:31:13 pm
การแก้ปัญหาเรื่องนี้ มีสองส่วนครับ

  คือ 1. ส่วนสังคมของทุกคน มีประเด็น ที่ต้องถามว่า แคร์หรือไม่

      2. ส่วนปัญหาใจ ซึ่งคนที่ถูกบังคับย่อมเกิดความไม่สบายใจ แน่นอน ธรรมะอันใดที่เป็นเหตุนำความสบายใจ

  ควรจะต้องมอบธรรมะส่วนนี้เป็นกำลังใจ


   สำหรับประเด็นคนสวยขึ้นคาน นี้มีมาก มีเพื่อนหญิงซึ่งเป็นคุณหมอด้วยกัน นี่ละครับอายุเกิน 30 ปีกัน

แทบจะทั้งนั้นครับ ทั้งสวย ทั้งเก่ง บางท่านก็มุ่งหลักธรรมเลยก็มี ่จึงไม่แปลกใจครับเพราะเนื่องด้วยสตรี

ในประเทศไทยมีจำนวนน้อยกว่า บุรุษครับ ตามสถิิติประชากรครับ


  ผมขอสรุป ประเด็นที่ 1 ก่อนนะครับ

   ให้ความเห็นว่า ถ้าเราไม่แคร์เรื่องความสัมพันธ์ ของตระกูล แล้ว ก็ต้องงัดไม้ตายเลยครับ คือ ไม่แต่ง

ไม่ต้องกลัวครับ เราเป็นราชการ ทำงานเป็นครู หน้าตาดี ไม่ต้องห่วงครับถ้ามั่นคงในความดีผมเชื่อว่า อยู่รอด

ครับไม่ต้องพึ่งพาตระกูลก็ยังได้เลยครับ

     ส่วนประเด็นที่ 2 ความพะวงเรื่อง กตัญญู หรือ ไม่กตัญญู นั้นอยุ่ที่เราครับ การที่พ่อแม่จะตัดลูกออกจาก

ความสัมพันธ์เพราะการที่ลูกยืนยันไม่แต่งงาน ผมมองว่าไม่เป็นเรื่องร้ายแรงครับ ไม่ได้หนีตามชายคนไหนไป

สักหน่อย ไม่ได้ลบหลู่คุณท่าน ต้องรอเวลาประสานใจ ท่านตัดเราในเบื้องต้น แต่ เราก็ไม่ได้ตัดท่าน ไปเยี่ยม

เยียนกันเป็นปกติ แล้วก็กลับก็ไม่เห็นแปลก นานวันไป ท่านก็คงจะเข้าใจ เรื่องนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นการ อกัตญญู

สักหน่อย

   ทำใจให้สบายครับ สิ่งที่ผมอยากให้เห็นก็คือ การเกิดแล้ว เกิดเล่านี้แหละครับที่นำมาซึ่งควาทุกข์ เพราะเรา
เลือกเกิดมาอย่างนี้ ก็จะมีูรูปแบบคือความทุกข์ เล่นงานเราอย่างนี้ทุกชาติ อย่างไรชักชวนปฏิบัติภาวนา ทำบุญ
ใส่บาตร รับศีล นั่งสมาธิ เจริญวิปัสสนา ให้มากขึ้นก็ดีนะครับ จะได้ตัดความฟุ้งซ่านทางโลกลงได้ครับ
 :08:
158  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ชอบภาวนาในท่านอนคะ เพราะเป็นคนมีนิสัยหลับยากคะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2011, 07:47:20 pm
 
7 ขั้นตอนสู่การนอนอย่างพระอรหันต์
พระนอนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศพม่า
1.ลุก ขึ้นอย่างกระฉับกระเฉงทันทีที่ตื่น อย่า มัวโอ้เอ้ งัวเงียพ่ายแพ้ให้ความขี้เกียจ เพราะการตื่นขึ้นเองโดยไม่มีใครปลุกเป็นการส่งสัญญาณให้คุณรู้ว่า สมองได้พักผ่อนเพียงพอแล้ว การนอนนานกว่านั้นจึงถือเป็นความขึ้เกียจ
2. หมั่นเจริญสติและฝึกสมาธิระหว่างวัน เพื่อจัดสรรระเบียบสมองและลดการปรุงแต่งอารมณ์
3. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้สมองและร่างกายตื่นตัวก่อนนอน เช่น การดูหน้งแอคชั่น การออกกำลังกาย การดื่มเครืองดื่มที่มีคาเฟอีน การคิดเรื่องงาน ฯลฯเพื่อให้ร่างกายพร้อมเข้าสู่การนอนอย่างสงบและมีสติ
4. นอนอย่างปล่อยวาง ทำจิตใจให้ว่างก่อนเข้านอน ด้วยการสะสางงาน และวางแผนสิ่งที่จะต้องทำวันรุ่งขึ้นให้เรียบร้อย อาจวางกระดาษและดินสอไว้ข้างเตียงเพื่อจดสิ่งที่นึกขึ้นได้ จะได้ไม่ต้องคิดวนไปเวียนมาเพราะกังวล
5. จัดระเบียบการนอน มีกำหนดเวลาการนอนและตื่นที่ชัดเจนเพื่อสร้างวินัยให้ร่างกาย
6. นอนในที่เย็น เงียบ และมืด ปราศจากแสง เสียงและสิ่งรบกวนที่ทำลายสมาธิในการนอน
7. หลับไปด้วยจิตอันนิ่ง สงบ และเป็นกุศล แทนที่จะหลับไปอย่างเหนื่อยอ่อน เพราะคิดปรุงแต่งสารพัน ลองหันมาสงบสติอารมณ์ก่อนนอนด้วยกุศโลบายง่ายๆ 2 วิธีนี้

วิธีที่ 1 นอนสมาธิตามหลักสติปัฎฐาน
1. นอนหงายมือวางข้างลำตัว
2. นำไปจดจ่ออยู่ที่หน้าท้อง
3. หายใจเข้าให้รู้ว่าหน้าท้องพอง หายใจออกให้รู้ว่าหน้าท้องยุบ
4. มีสติจดจ่ออยู่ที่การเคลื่อนไหวของหน้าท้องจนกว่าจะหลับไป
5. พยายามสังเกตให้ได้ว่าหลับไปในขณะที่หน้าท้องพองหรือยุบ

วิธีที่ 2 หลับด้วยการผ่อนคลายเชิงลึกในแบบโยคะ
1. นำใจไปจดจ่ออยู่กับการผ่อนคลายส่วนต่างๆของร่างกายโดยเริ่มตั้งแต่ศรีษะ
2. ผ่อนคลายทุกส่วนของอวัยวะที่ใจจดจ่ออยู่ จนกระทั่งไม่รู้สึกถึงความตึงเครียดใดๆที่อวัยวะนั้นแล้วจึงเลื่อนใจไปยังอวัยวะข้างเคียง
3. หากไม่แน่ใจว่าอวัยวะนั้นผ่อนคลายพอแล้วหรือยัง ไห้หายใจเข้าลึกๆแล้วเกร็งอวัยวะนั้นให้ตึงที่สุดพร้อมกับกลั้นใจไว้ แล้วจึงหายใจออกเต็มที่พร้อมกับผ่อนคลาย
4. ค่อยๆผ่อนคลายไล่ไปทีละอวัยวะ จนกระทั่งถึงปลายเท้าแล้วจึงวนกลับขึ้นมาจนถึงศรีษะอีกครั้ง
5. ทำเช่นนี้จนกว่าจะหลับไปอย่างผ่อนคลายและมีสติ



ขอบคุณภาพประกอบจาก http://images.thaiza.com

และขอบคุณที่มาเนื้อหา
http://talk.mthai.com/topic/62108
159  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ความผัน กับ ความจริง ทำไมจึงสอดคล้องกัน... เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2011, 03:24:53 am
มนุษย์มีความฝันเืนื่องจากเหตุ 4 ประการ ดังนี้
1. บุรพนิมิต คือ เหตุการณ์ในอดีตหรืออำนาจจิตได้กำหนดให้ฝันเองโดยไม่ได้ตั้งใจ มักเป็นฝันที่เชื่อถือได้ตามสมควร
2. เทพสังหรณ์ คือ เทพยดา วิญญาน สิ่งศักดิ์ิสิทธิ ได้เข้ามาดลใจให้ฝันโดยไม่นึกคิดมาก่อน เป็๋นฝันที่มักเป็นจริง
3. จิตนิวรณ์ คือ จิตใจคิดเอง ตามที่คิดหรือตั้งใจไว้ ทำให้ฝันเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องการประสงค์ เป็นฝันที่เชื่อถือมิได้
4. ธาตุโขภะ คือ ร่ายกายที่ไม่ปกติ เจ็บป่วยทางกาย ทางใจ ทำให้ฝันเพ้อไป โดยไม่รู้ตัว เป็นฝันที่ไร้สาระ
160  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / หนุ่มใหญ่เชียงใหม่ ฉายา "แอ๊ดพันองค์" แขวนพระเครื่องเต็มคอ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 14, 2011, 06:51:23 am





หนุ่มใหญ่เชียงใหม่ ฉายา "แอ๊ดพันองค์" แขวนพระเครื่องเต็มคอ กว่าพันองค์มายาวนานกว่า 20 ปี สาเหตุมาจากกลัวผีขึ้นสมอง เผยพระบางองค์จากราคาไม่กี่บาท พุ่งกระฉูดไปเป็นแสนบาท ทำเอาเจ้าตัวผวา เลิกกลัวผีแต่กลัวคนร้ายจะมาขโมยแทน...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลานี้ชาวเชียงใหม่ร่ำลือกันถึงหนุ่มใหญ่แขวนพระเครื่องนับพันองค์ ตระเวนช่วยเหลืองานสังคมของชาว บ้านและหน่วยงานราชการ พูดเก่ง ร้องเพลงลูกทุ่งสุดไพเราะ ไปไหนมีแต่คนรักคนชอบลีลาสร้างเสียงหัวเราะ โดยรู้จักกันในชื่อ "แอ๊ดพันองค์ ณรงค์ดารา" จากการที่ห้อยพระพันองค์เต็มคอ และไปไหนคนก็มองและเข้ามาทักทายราวกับดาราดัง




เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 ก.พ.นี้ ผู้สื่อข่าวได้พบกับหนุ่มใหญ่คนนี้ขณะมาพากษ์ฟุตบอลด้วยลีลาสนุกสนาน ที่สนามฟุตบอลบ้านปากกอง ต.ยางเนิ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ มีพระเครื่องจำนวนมากห้อยอยู่เต็มคอ ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถาม ทราบว่าชื่อ นายณรงค์ฤทธิ์ เดชา อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/49 บ้านศาลา หมู่ 2 ต.น้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เป็นหัวหน้าฝ่ายขายของบริษัทขายรถและเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของ จ.เชียงใหม่

นายณรงค์ฤทธิ์ หรือ"แอ๊ดพันองค์ ณรงค์ดารา" เปิดเผยถึงสาเหตุที่ต้องแขวนพระเครื่องมากมายผิดแผกไปจากชาวบ้าน เพราะเป็นคนที่กลัวผีขึ้นสมอง กลัวมากที่สุด เห็นว่าสิ่งที่จะปกป้องได้ดีที่สุดก็คือพระเครื่อง จึงได้ระดมเสาะแสวงหาพระเครื่องดังๆ ส่วนมากจะเป็นพระดินเผาแทบทุกตระกูลจากราคาไม่กี่บาทมายาวนานร่วม 20 ปี ล่าสุดมีบางองค์ราคาพุ่งกระฉูด มีเซียนพระมาติดต่อขอเช่าบูชาต่อในราคาถึง 200,000 บาท

อย่างไรก็ตาม ตนมีความเชื่อว่านอกจากจะป้องกันภูตผีปีศาจที่ตนกลัวแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ตนได้ขี่รถจักรยานยนต์พลาดท่าตกดอยสูง ขณะขึ้นไปบนดอยคำ แต่กลับไม่เป็นอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น จึงมีความเชื่อในพุทธคุณของพระเครื่อง ตนไม่เคยถอดออกจากคอเลยนอกจากเวลานอนเท่านั้น ปกติเคยห้อยอยู่บนคอมากกว่า 1,000 องค์ มีน้ำหนักถึง 40 กิโลกรัม เวลาเดินไปไหนลำบากแบกน้ำหนักจนลดลงมาเหลือ 30 กิโลกรัม ก็ยังหนักอีก จนปัจจุบันลดลงเหลือ 10 กิโลกรัม แต่ละองค์เป็นพระเครื่องที่เซียนพระจะต้องขอชม

นายณรงค์ฤทธิ์ กล่าวต่อว่า เวลานี้จะไปไหนมาไหนต้องระวังตัวตลอด เพราะกลัวว่าพระเครื่องรุ่นดังๆ ที่ห้อยอยู่จำนวนมากจะนำพาคนที่ไม่ปรารถนาดีมาชิงเอาไป ทุกวันนี้ตนก็ยังประกอบอาชีพทำงานประจำอยู่ในบริษัท อยู่ในสำนักงานตนก็ห้อยเช่นนี้อยู่ตลอด เคยมีรายการทีวีหลายรายการมาถ่ายทำตนไปออกจนมีคนรู้จักกันไปทั่ว

ด้าน พ.ต.อ.นิตินาท วิทยาวุฑฒิกุล ผกก.สภ.สารภี กล่าวว่า รู้จักกับ "แอ๊ดพันองค์" มานาน เป็นคนที่มีอัธยาศัยไมตรีที่ดีชอบช่วยเหลืองานสังคม จะเป็นทั้งพิธีกร โฆษก มีอารมณ์และลูกเล่นที่แพรวพราว ร้องเพลงลูกทุ่งเก่าๆ ไพเราะ เป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้าน งานบุญไหนหากแอ๊ดพันองค์ไปร่วม จะสร้างสีสันสนุกสนานมาก ถือว่าเป็นคนที่มีชาวเชียงใหม่รู้จักกันมากกับความไม่เหมือนใคร.


------------
ไทยรัฐออนไลน์
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6