แสดงกระทู้
|
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to. |
Messages - นิรปัญญา
|
หน้า: [1]
|
1
|
เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: มุมอับแสง
|
เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2011, 10:08:10 pm
|
จากเรื่องเล่า ของคนตาบอด จากคุณ KIDSADA คำแนะนำจาก คุณ lamai54 คำสอนและมิตรภาพจาก คุณ nathaponson คติธรรมจาก คุณ sutthitum จากคำกล่าวของ คุณ ประสิทธิ์ แนวททางของ คุณ สมภพ และ คำตอบของคุณ THAWATCHAI173
นิรปัญญา ขอกล่าวขอบคุณทุกท่านที่ช่วยส่องแสงเทียนแห่งปัญญา ให้แก่มุมอับแสงแห่งนี้ แม้จะที่แห่งนี้จะมืดอับเพียงใดแต่ก็ไม่ไร้แสงเสียทีเดียว ความกังขาของเราอาจเกิดจากกรรมเก่า หรือความไม่เข้าใจ ความไม่รู้(ที่มาแห่งชื่อ นิรปัญญา) ความละเลย หรืออะไรก็ตามแต่ ตัวเรานี้มิได้มีความรู้มากมายแต่ก็มิได้หยุดในการแสวงหา เหตุที่เราไม่อาจเข้าใจ เพราะเราไม่เข้าใจ แต่มิได้หมายความว่าเข้าใจไม่ได้ ด้วยเหตุผลนี้ นิรฯ จึงได้มายังที่แห่งนี้ นิรปัญญา ตอนนี้อายุ ได้ ๑๙ ปี สิ่งที่ชักจูงเรามา ณ ที่นี้ คือความไม่รู้ตามชื่อแห่งเรา และความข้องใจสงสัยนานัปการทั้งเรื่องทางโลกและทางธรรม สิ่งที่นิรฯ ไม่เข้าใจหลายๆเรื่องนั้น ก็หมั่นคิดหมั่นหาคำตอบ แต่จากที่หาได้นั้นก็มิได้รับคำตอบที่พอใจแต่อย่างใด หรือนิรฯ อาจจะต้องการคำตอบที่ไม่มีใครตอบได้ก็เป็นได้ เมื่อมองเห็นจุดนนี้ นิรฯ จึงได้ พยายามเปิดใจ ให้ยอมรับในเรื่องต่างๆมากขึ้น เทน้ำที่เต็มแก้วออก เพื่อให้มีที่ว่างเพียงพอต่อ การรับสิ่งใหม่ๆ นิรฯ มิใช่คนเก่ง สิ่งที่ นิรฯคิดอาจจะไม่เป็นที่พอใจของหลายๆคน นิรฯไม่อาจทำให้ใครต่อใครชื่นชมได้ทั้งหมด หรือไม่อาจทำให้ใครต่อใครเกลียดได้ทั้งหมด เพราะเมื่อทำตัวเลว ก็จะเป็นที่ยกย่องในหมู่คนเลว แต่ถ้าทำตัวดี ก็จะได้รับการยกย่องจากในหมู่คนดี นิรฯ ยังด้อยต่อโลก นิรฯมีวิบากกรรม นิรฯแสวงหาหนทางแห่งแสง นิรฯยังไม่อาจหลุดพ้นจากกิเลส ยังหลงใหลในตัณหา ยังมีความอยากได้ อยากมี อยากเป็น เช่นใดเช่นนั้น นิรฯคือ ปุถุชนคนธรรมดา กรรมที่นิรฯเคยก่อในอดีต ส่งผลมาถึงตัวนิรฯแล้ว นิรฯไม่ต้องการหนทางแก้กรรมที่เคยก่อไว้ในอดีต แต่ปล่อยให้เป็นไปตามทางที่ควรจะเป็น ให้พวกเขา(เจ้ากรรมนายเวร)ได้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการ และเมื่อเขาพอใจก็ขอให้จบสิ้นกันได้แต่เท่านั้น แต่สิ่งที่นิรทำไว้อาจต้องใช้เวลาอีกนานนับกัปป์ หรือมากกว่า การได้มาเกิดในช่วงเวลาที่มีพระพุทธศาสนานั้นนับว่ายาก แต่การเข้าถึงพุทธศาสนานั้นยากยิ่งกว่า นิรฯหวังเพียงมีความสุข ในห้วงแห่ง สังขาร การเวียนว่ายตายเกิด มิหวังได้รับการเบียดเบียนจากผู้ใด แต่คงเป็นไปไม่ได้ ด้วยสิ่งต่างๆมากมายจากกาลสมัยและจิตใจของเหล่าผู้คน แก้วน้ำแก้วนี้ยังไม่เต็ม เลิกเต็มแล้ว แล้วจะไม่มีวันเต็มอีก ขอวอนผู้มีใจอารี เอื้อประโยชน์อันดีแก่ตัวนิรฯ ผู้นี้ ให้ได้พบทางที่ดี สุขสวัสดิ์ ต่อไปด้วย เทิอญ
จากดวงใจที่สับสน ดวงจิตที่หม่นหมอง นิรปัญญา
กรรมเก่าเคยก่อท้อทน หวังคนอารีใจเอื้อ- เฟื้อแผ่เกื้อหนุนจุนเจือ ล้นเหลือวิทยาทาน บุญกรรมทำไว้ได้ชิด บุญแผ่พิจิตรไพศาล ปาบกรรมทำไว้ใจพาล ไม่นานคงติดตามทัน สุขได้ในตนผลบุญ การุณเมตตาสุขสันต์ อิ่มสุขเอมใจได้พลัน บุญนั้นจรุงปรุงใจ ทุกข์นานาใดลิขิต ประชิดติดตามผลาญให้ โศกเศร้าเจ็บจิตปวดใจ หม่นใซร้ไม่เห็นหนทาง วันหน้าจะเป็นอย่างไร จิตใจอับแสงสว่าง หวังเทียนส่องใจให้ทาง ส่องจางให้ชัดบัดดล มิตรเอื้อคุณาการุณ ผลบุญประสิทธิผล คืนกลับไปสู่สิงตน เป็นผลผู้ศรัทธาทาน
นิรปัญญา
|
|
|
3
|
เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / มุมอับแสง
|
เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2011, 03:20:17 am
|
สวัสดี เหล่าพุทธทายาททั้งหลาย เราเป็นบุคคลนอกศาสนา อัน ไม่มีความเข้าใจในศาสนาใดๆ หากแต่สนใจในศาสนา และก็มีข้อกังขาพร้อมๆกันไป จึงขอวอนเหล่าผู้มีปัญญา ช่วยขจัดปัญหาอันบดบังปัญญาของเราให้หมดไป
พุทธศาสนา กำเนิดมากว่า2500ปี นับว่าเกินครึ่งอายุที่พุทธองค์ ประกาศอายุพระศาสนา ย่อมแน่นอนวัตถุและสิ่งต่างๆย่อมเสื่อมไปตามกาลเวลา แม้แต่ศาสนาก็ไม่มีข้อยกเว้น ศาสนาไม่ใช่สิ่งไม่ดี ข้อนี้เป็นสิ่งที่หลายคนปลูกฝังเรามา ว่าคนต่างหากที่ทำให้ศาสนาไม่ดี หาใช่ศาสนาไม่ดีไม่
แต่ จากความรู้อันน้อยนิด และ สติปัญญาจากเรื่องราวที่ได้รับฟัง ได้อ่าน ได้เรียนรู้ ยังมีอีกหลากข้อข้องใจ ที่ทำให้เราไม่อาจเข้าสู่ศาสนาได้ดังควรเป็น หากเปรียบดังชนที่ พระศาสดาแบ่งไว้ เราก็เปรียบเสมือน บัวใต้ตม อันไม่อาจโผล่พ้นน้ำ เพื่อเบ่งบานเป็นดอกไม้ที่งดงามได้ อีกทั้งรายล้อมด้วยเหล่าเต่าปลาปูสัตว์น้ำที่หวังเราเป็นอาหาร หากแต่ ดอกบัวใต้ตมดอกนี้ มิได้หวังเป็นอาหารของเหล่าสัตว์ จึงหวังผู้มีบุญช่วยหนุนนำ ชี้หนทางแห่งการเติบโต ให้ดอกบัวใต้ตมดอกนี้ ได้โผล่พ้นน้ำ เป็นดอกไม้ที่งดงามต่อไป
ข้อกังขาที่ ๑ ศาสนาสอนไว้ว่าจงอย่าเบียดเบียนผู้อื่น เพราะผู้ใดก็ต่างรักชีวิตของตน
ข้อคำสอนนี้ เป็นหนึ่งในหลายๆข้อที่เราติดใจในความเป็นจริงของธรรมชาติ เพราะหากหารฆ่ากันการเบียดเบียนกันนั้นคือกรรมชั่ว นับแต่วาระที่โลกถือกำเนิด กรรมชั่วนี้ก็เกิดกับสัตว์ทุกชนชั้นแล้ว สัตว์ชนิดหนึ่งต้องล่าสัตว์อีกชนิดหนึ่ง และ ทำเป็นทอดๆไป วนเวียนเป็นห่วงโซ่อาหาร แต่ศาสนากลับบอกว่า การฆ่านั้นเป็นบาป เช่นนั้น การที่คนเราฆ่าปลาเพื่อนเป็นอาหาร กับ เสือที่ล่าม้าลายเพื่อเป็นอาหาร จะต่างกรรมกันได้อย่างไรเล่า แต่หากอดเสีย ไม่ล่า ไม่หาอาหาร เสือก็จักตายในไม่ช้าด้วยไม่อาจกินพืชใดๆได้ อย่างไรกับมนุษย์ ที่ล่าสัตว์เพื่อเป็นอาหาร แต่กลับได้รับผลกรรมจากการล่า การฆ่า เช่น ผู้ฆ่าหมู ก่อนตายก็จะทุรนทุรายดังหมูตอนตาย ผุ้ทุบหัวปลาก็จะปวดหัวจนตาย หรืออื่นๆอีกมากมายเกินกว่าจะนำมากล่าวได้ไว้หมด แล้วเหตุใด สัตว์ที่ล่าสัตว์เหมือนมนุษย์นั้น มิได้รับผลกรรมดังเช่นมนุษย์ หรือติดด้วยคำว่าสัตว์ประเสริฐ มีความคิดมากกว่า ดิรัจฉาน จึงจะได้รับผลกรรมจากการที่มีความคิดมากกว่าสัตว์ หรือจะบอกว่ามันล่าเพื่ออาหารจึงไม่ถือว่ากรรม แล้วแมวที่หยอกหนูก่อนฆ่าเล่า งูที่รัดเหยื่อจนกระดูกแหลกก่อนกลืนเล่า ต่างก็เป็นไปตามธรรมชาติของมัน เหตุใดมิได้รับกรรมดังเช่นมนุษย์ และ คำสอนที่ว่า การฆ่าสัตว์ใหญ่ มีคุณ ย่อมบาปกว่าการฆ่าสัตว์เล็ก หากนำมาเปรียบกับมนุษย์ การฆ่ามนุษย์ตัวเล็กนั้นบาปน้อยกว่าการฆ่ามนุษย์ตัวใหญ่อย่างนั้นหรือ แล้วการฆ่าประธานาธิบดี กับการฆ่าขอทานข้างถนน การฆ่าขอทานบาปน้อยกว่าหรือ สิ่งใดเล่าเป็นตัววัดบาป ทั้งที่ เหล่าพวกนั้นก็มีหนึ่งชีวิต มีความรักและความหวงแหนในชีวิตตนเท่าๆกัน แต่บาปกลับไม่เท่ากัน ดังเช่นการฆ่ามดตัวหนึ่งกับการฆ่าโคตัวหนึ่ง เหตุใดจึงว่าการฆ่าโคนั้นบาปกว่า?
วันนี้สำหรับข้อกังขาข้อแรก ผู้มีปัญญาโปรดช่วยชี้นำส่องทางให้ดวงตาที่พร่าเลือนนี้ด้วยเถิด วันหน้าจักมาถามคำถามแห่งข้อสงสัยอื่นๆ
หากลิขิตเราหม่นจิตของท่านต้องขออภัยในความโง่เขลาของเราไว้ ณ ที่นี้ด้วย
หวังประจักษ์หนทางแห่งแสงสว่าง นิรปัญญา
|
|
|
|