ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - lengwuchong
หน้า: [1]
1  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: องค์บริกรรม เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 04:14:38 pm
อ้างถึง
บางส่วนจาก เรื่องวิธีรู้แจ้งด้วยจิต ท่านพ่อลี ธัมมธโร กล่าวว่า "อธิบายบริกรรมนิมิต บริกรรมนิมิตคือยึดเอาคำภาวนาเป็นที่ตั้งแห่งจิต เป็นต้นว่าได้ยึดเอาพุทโธบ้าง อรหัง บ้าง บทใดบทหนึ่งนี้ก็เป็นของควรปล่อยวาง ไม่ควรยึด เห็นว่าเรามีจิตมั่นคง มีสติ และมีการพิจารณาอยู่ ให้ปล่อยวาง คือให้หยุดคำบริกรรมเสีย แล้วกำหนดจิตให้รู้อยู่เฉพาะจิตที่รู้อันเดียว)

ก็เป็นวิธีการที่ หลวงพ่อลี สอนส่วนหนึ่ง นะคะ

ซึ่งไม่ได้เป็นแนวกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับคะ



ถ้าในแนวกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ

ซึ่งในยุคนี้ก็ สมเด็จพระญาณสังวร มหาเถระเจ้า พระสังฆราชองค์ที่ 4 ( หลวงปู่สุก ไก่เถื่อน )
มีตำราถ่ายทอดมารุ่น ต่อรุ่นถึงแม้จะมีผู้รู้จักน้อยลง แต่ระบบของกรรมฐาน แบบแผนที่รักษากันมาไว้นั้น
มีอายุมามากว่า พันปีในสุวรรณภูมิ โดยกลุ่มพระมหาเถระ พระโสณะ พระอุตตระ

  ในขั้นตอนหยุดบริกรรม นั้นมีอยู่ตั้งแต่ พระธรรมปีติแล้วคะ เป็นวิปัสสนา เรียกว่า สัมปยุตธาตุ

 การฝึกมีการแยกออกให้รู้ว่า ช่วงไหนควรเจริญจิติ เป็น สมาธิ ช่วงไหนที่จิตพร้อม วิปัสสนา

 ซึ่งเราต้องผ่านการทดสอบแจ้งสภาวะกรรมฐาน กับครูอาจารย์ กันคะ ในส่วนนี้


 ดังนั้นขอให้หยิบประเด็น อ้างบุคคล ใดสอนผิด หรือ สอนถูก ออกคะเพื่อเป็นการภาวนาที่เป็นกลาง
สมกับชื่อ กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ

   กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับนั้น มุ่งสอนผู้ภาวนาได้ครบตามอริยมรรค คะ

 ก็ยังไม่เก่ง เหมือนกันคะ ยังภาวนาอยู่เช่นกัน คงช่วยตอบในระหว่างที่พระอาจารย์ มาตอบไม่ได้ในช่วงนี้คะ
เพราะดูแล้ว ทีมงาน มัชฌิมา จะเลี่ยงที่จะตอบในส่วนนี้กันอยู่ เพราะเป็นอารมณ์สภาวะ ด้วยความเคารพใน
ครูอาจารย์ คะ เพราะน่าจะได้รับคำสั่งว่าไม่ให้ตอบ ไม่ให้แสดงเกินกว่านี้

  ดังนั้นในกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับนั้น เมื่อผู้ภาวนาได้แล้วก็จะไมคุยบอกกัน ต้องแจ้งกรรมฐานกับพระ
อาจารย์ผู้สอนกรรมฐานเท่านั้น

   คือต้องเป็นเรื่องที่ต้องคุย ระหว่าง ศิษย์ กับพระอาจารย์

  คิดว่า คำตอบที่ลึกกว่านี้ ต้อง หลังไมค์กับทีม หรือ email แล้วคะ

 อนุโมทนา กับทุกท่านที่แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนประสพการณ์ กันนะคะ

  :25: :25: :25:
สาธุคัรบ
to เพื่อน ๆ สมาชิก

อยากให้สังเกต นะคะ ที่ user ทีมมัชฌิมา สายตรงพระอาจารย์สนธยา จะใช้ ตัว user สีน้ำเงิืนคะ

 ส่วนสมาชิก ที่ไม่ได้สายตรง จะไม่ได้ตัว สีน้ำเงิน คะ

สังเกตว่า user สีน้ำเงิน จะยังไม่ได้ตอบอะไรกันคะ

 ดังนั้นเวลาอ่าน คำวิเคราะห์ แล้วก็อาจจะยังไม่ใช่ในแนวทาง กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ นะคะ

  :88: :88: :88:
สาธุคัรบ
2  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: องค์บริกรรม เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 04:10:37 pm
ขอบพระคุณคัรบทุกท่านที่เมตตาแสดงความคิดเห็น
ผมเองมิได้มีเจตนาจะเอาครูบาอาจารย์มาเปรียบกันแม้แต่น้อยนะคัรบ เจตนาคือ ต้องการทราบว่าที่ตนเองปฏิบัตินั้นถูกต้องหรือไม่ หรือออกนอกทิศทางไปแล้ว อีกทั้งเรื่องกรรมฐานสี่สิบนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครพูด ใครแสดง ก็ต้องไปในแนวทางเดียวกันเพราะสุดท้ายจะเป็นสภาวะธรรมอันเดียวกันใช่หรือไมครับ และผมตัดสินใจที่จะเรียนและปฏิบัติกรรมฐานตามแบบมัชฌิมา ซึ่งได้ปฏิบัติมาแล้วราวสองเดือนและได้ผลดังกล่าวไปแล้ว หากแต่ที่สงสัยคือก่อนหน้าตนเองทำแบบนี้ ได้ผลแบบนี้ คือเลยไป พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านให้กลับมาที่เริ่มต้น ผมก็ตั้งใจจะกลับมา แต่ไมเข้าใจการวางจิตวางใจ ในทางเทคนิคนั่นเองคัรบ ผมเกรงว่าสิ่งที่ผมสอบถามนั้น จะบานปลายไปใหญ่โตกว่าขอบเขตที่ถามไปมากมายนักแล้วคัรบตอนนี้ กลายเป็นผมเอาครูบาอาจารย์มาเปรียบกันไป หาได้เป็นดังนั้นน่ะคัรบ อุปมาเหมือนคนเคยเจียวไข่ เมื่อมีคนมาถาม ใครเคยเจียวไข่ก็ต้องเล่าวิธีการออกมาคล้ายคลึงกันแม้จะแตกต่างกันไปบ้าง แต่ก็พอจะอธิบายออกมาจนเสร็จสิ้นกระบวนการเจียวไข่ ซึ่งบางคนมีรายละเอียดมาก บางคนมีรายละเอียดน้อย แต่ต้องไปในทิศทางเดียวกันแน่นอน เพราะเจียวไข่เหมือนกัน ตอนนี้ผมกังวลว่าสิ่งที่ทำอยู่กลัวจะไปคนละทางกัน จึงมาขอความเมตตาชี้แนะจาก"ผู้เคยเจียวไข่" ความเป็นอย่างนั้นคัรบ และผมขออนมานเอาเองว่าท่านที่มเตตามาตอบคำถามทั้งหลายแก่ผมนั้น เป็น"ผู้เคยเจียวไข่"มาทั้งสิ้นคัรบ ด้วยความเคารพคัรบ   
3  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: องค์บริกรรม เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 02:23:18 pm

 

 อนุโมทนากับคำตอบของคุณประสิทธิ์และคุณTC9 อยากเห็นทั้งสองท่านแสดงความเห็นบ่อยๆครับ
 โดยเฉพาะเรื่องกรรมฐานมัชฌิมาฯ ตัวผมเองยังเป็นน้องใหม่อยู่มาก


คุณเล้งฮู้ชง สงสัยชอบหนังจีนกำลังภายในเรื่อง "เดชคัมภีร์เทวดา"
 ผมเองก็ชอบ โดยเฉพาะตัวละครชื่อ"ตงฟางฟุป้าย"
 ขอทักทายเท่านี้ครับ
:08: :49:
ครับชอบคัรบ ชอบตงฟางปู้ป้า่ยเหมือนกันคัรบ แต่ชอบตอนที่เป็นภาพยนต์น่ะคัรบ
ผมเองก็เคยไปฝึกที่ สถาบันจิตตานุภาพ ครับ และก็เข้าใจผิดเรื่อง ภวังค์ เป็นอย่างยิ่ง

จนมาพบพระอาจารย์ ทีี่วัดแก่่งขนุน มากับเพื่อนด้วยกันหลายท่าน นั่งกรรมฐานครั้งแรกกับเพื่อนกันวันนั้น

ไม่มีเรื่อง ภวังค์ ครับนั่งกรรมฐานกันประมาณ 2 ชั่วโมง จิตอยู่ที่บริกรรม คือ พุทโธ ทุกคนทำได้หมด

และมีความรูสึกเหมือนนั่งกรรมฐานเพียง 20 นาที แต่ดูนาฬกิกา แล้ว 2 ชั่วโมง นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้นั่งกรรมฐาน

กับพระอาจารย์ โดยไม่ต้องรู้จัก ภวังค์ ผมเชื่อว่าศิษย์ ทีมงานคงจะทราบกันดี ครับ

  เท่าที่ฟังพระอาจารย์ ท่านกล่าวว่า จิตเป็นสมาธิมั่นคง ในนิมิต ทั้้ง 3 ก็จะไม่มีภวังค์ และไม่ต้องรู้จัก ภวังค์

ครับ ดังนั้นอันนี้ จะเหมือนหลวงพ่อ พุธ ท่านสอนไว้ว่า ไม่ต้องรู้ัจัก ภวังค์ ก็มีสมาธิได้

    :67:
นั่นหมายถึง หลวงพ่อวิริยังค์ ผู้เขียน มุตโตทัย ลูกศิษย์หลวงปู่มั่น สอนผิดหรือครับ? ซึ่งถ้าผิด
หลวงพ่อลี วัดอโศการาม
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
หลวงปู่เทสก์ เทสก์รังสี
ก็สอนมาแนวๆเดียวกันนี้คัรบ แล้วผมก็ปฏิบัติตามมาแนวๆเดียวกันนี้ จึงไปแจ้งกรรมฐานกับ พระคุณเจ้าพระอาจารย์วีระ ที่คณะ ๕ ท่านก็เมตตาอธิบายดังกล่าวมาแล้ว นั่นแสดงได้ว่าผม ยังไม่ถึงห้องสามจริงๆ เพราะเข้าใจผิดไปหลงภวังค์อยู่ และพระดชพระคุณเจ้าท่านก็สอบอารมณ์กรรมฐานผิดพลาดหรือคัรบ?
การเป็นเช่นนั้นหรือไม่คัรบ ขอโปรด อธิบายเพื่อขัจดความไม่รู้ของผมด้วย

(บางส่วนจาก เรื่องวิธีรู้แจ้งด้วยจิต ท่านพ่อลี ธัมมธโร กล่าวว่า "อธิบายบริกรรมนิมิต บริกรรมนิมิตคือยึดเอาคำภาวนาเป็นที่ตั้งแห่งจิต เป็นต้นว่าได้ยึดเอาพุทโธบ้าง อรหัง บ้าง บทใดบทหนึ่งนี้ก็เป็นของควรปล่อยวาง ไม่ควรยึด เห็นว่าเรามีจิตมั่นคง มีสติ และมีการพิจารณาอยู่ ให้ปล่อยวาง คือให้หยุดคำบริกรรมเสีย แล้วกำหนดจิตให้รู้อยู่เฉพาะจิตที่รู้อันเดียว)
4  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: องค์บริกรรม เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 10:09:58 am
ขอบพระคุณมากครับที่กรุณาไขปัญหาให้ และขออภัยในเบื้องต้นที่มิได้แจ้งว่าได้สนใจปฏิบัติกรรมฐานแบบมัชฌิมานี้มาราว สองเดือนคัรบ
ตอนนี้มียังมีความสับสนไขว้เขว ในการปฏิบัติอย่างมาก คัรบ ถ้าจะกรุณาก็จะขอถามต่อไปดังนี้คัรบ
  ผมเคยทราบแนวทางที่ท่านเหล่านี้สอน (หลวงพ่อวิริยังค์ หลวงพ่อลี หลวงพ่อพุธ) คือ เมื่อเราภาวนาไปใจเราจะก้าวเข้าภวังค์ สามระดับ ในภวังค์นั้นถ้าเข้าไปแล้วสงบมืดก็หลับไป แต่ถ้าเกิดสว่างขึ้น(โอภาส)ก็แสดงว่าเป็นสมาธิ ซึ่งถ้าเข้าไปทำงานได้โดยสะดวกจัดเป็นอุปจารธสมาธิ ดังนั้นเมื่อผมนั่งภาวนา พอไม่สามารถบริกรรมต่อได้แล้ว ใจสงบลง ก็วาบเป็นแสงสว่างรุนแรง และมีอาการขนลุกอย่างรุนแรงอีกเช่นกัน ที่ว่ารุนแรงนั่นเพราะไม่เคยมากเท่านี้ในชีวิตเลย ก็เลยคิดเอาเองว่าตนเองเข้าถึงสมาธิและประสบพระขุทกาปิติแล้ว แต่เมื่อมาอ่านในที่นี้(คิดเอาเองว่า)คล้ายๆกับต้องยึดคำภาวนาเอาไว้โดยตลอด ผมก็เลยสับสนว่าจะเอาอย่างไรดี วิธีทีทำมานั้นถูกหรือไม่ หาไม่จะได้ปรับแก้ไขเพื่อปฏิบัติให้ถูกต้องต่อไปคัรบ ผมเข้าใจเอาว่ากรรมฐานสี่สิบแบบ ไม่ว่าจะสำนักไหนมันน่าจะต้องไปแนวทางเดียวกัน เลยพยายามจะปรับให้มันเข้ากันได้น่ะครับ
  เรื่องนิมิตและปิตินั้น เกิดขึ้น สองสามครั้ง และได้ไปแจ้งรายละเอียดที่วัดราชสิทธารามแล้ว หลวงพ่อท่านว่า จิตคุณมีเลยไปห้องสามแล้ว ท่านให้ย้อนกลับมาที่เดิม คือ ห้องพระปิติใหม่ ท่านว่าถ้าข้ามจะไปสอนคนอื่นไม่ได้
   เรื่องที่เล่ามานั้น มีเจตนาบริสุทธิ์ที่จะสลัดเอาวิจิกิจฉาออกจากใจไปเท่านั้น หาได้จะมาก่อกวนหรือลองภพลองภูมิแต่ประการใดนะคัรบ ด้วยความเคารพคัรบ
5  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / องค์บริกรรม เมื่อ: กันยายน 30, 2011, 07:36:45 am
๑.อยากทราบว่าเมื่อกำหนดจิตไว้ที่ฐานแล้ว เมื่อใจสงบคำบริกรรมหายไป เราต้องเอากลับมาหรือไม่ครับ ?
๒.ห้องพระปิติ๕ จะต้องได้ครบทุกปิติเลยหรือไม่ครับ ?
๓.แล้วเมื่อได้ปิติองค์ใดองค์หนึ่งแล้ว จะต้องเกิดทุกครั้งที่นั่งเลยหรือไม่คัรบ
ขอบพระคูณอย่างสูงครับ
หน้า: [1]