ศึกษาไว้ก่อน คะ แต่คิดว่า จะมีประโยชน์ ในอนาคต กับชีวิต แน่นอนคะ

 
 

 

มีลิงก์ เนื้อหา หรือ ไม่คะ เพื่อจะได้พิจารณา คะ

 แต่ส่วนตัว เห็นว่า จัดพิมพ์เป็นหนังสือก่อนคะ แล้ว แจก PDF ที่หลังคะ

  ขอลิงก์เนื้อหา หนังสือ นี้บ้างนะคะ

 

 

ขอของปี 2557 ด้วยคะ

 

 
 ได้เห็นบรรยากาศ ตรงส่วนองค์พระด้วย แต่อยากเห็นวิวคะ เคยผ่านไม่บ่อย เพราะไม่ค่อยได้ไปอิสาณ คะ

 

น่าเห็นใจชาวบ้านนะคะ แสดง ว่าชาวบ้าน เขตนั้นยากจน

 

 

อนุโมทนา สาธุ กับ คุณ sasomboon ด้วยจ้า

 

ในฐานะเพื่อน ก็คิดว่า ต้องเตือนสติ กันคะ ถึงแม้อาจจะต้องโดนย้อนบ้าง เคืองบ้างก็เป็นธรรมดา ความเป็นเพื่อนก็ต้องปนเปกันไป สิ่งสำคัญ ถ้าชัดเจนที่เพื่อนเรากำลังจะผิดศีลข้อ 3 แล้ว เราต้องขวางคะ ทำเท่าที่ทำได้ คะ เพราะอาจจะขวางไม่สำเร็จ ก็ให้นึกว่า เป็นกรรมติดตัวเขากันแต่ละคน แต่ละท่าน คะ

 

 

สาธุ คุณโอบาม่า เมื่อมาชมแล้ว คงจะได้อะไรกลับไปในใจบ้างนะคะ

 

อนุโมทนาคะ ไม่ต้องเดือดร้อน พระสงฆ์ไปทำสังฆทาน หมวกกันน็อก แล้วนะคะ

 

[ขอบคุณภาพจาก http://www.arayanewspaper.com]

ครั้งหนึ่ง เคยมีชาวตะวันตก ที่หวังแจ้งเกิดในหลักธรรม ได้ยิงคำถามตรงประเด็น แบบไม่ถนอมน้ำใจคนที่ต้องตอบ ว่า
“ศาสนาพุทธ สอนอะไร?”
แทนการตอบคำถาม หลวงพ่อท่านได้ชี้นิ้ว ไปที่ก้อนหินเขื่องบนกระดาน
“ยกก้อนหินนั้น ขึ้นมาสิโยม”
ฝรั่งนายนั้น ทำตาม
ที่หลวงพ่อ บอก
“หนักไหม” ท่านถาม
“หนักครับ” ฝรั่งเจ้าของปุจฉา ที่ตนเองคิดว่าลึกล้ำ ร้องตอบ
หลวงพ่อ จึงไขปริศนาธรรมนั้น ว่า
“อะไรมันหนัก ก็วางลงเถิด สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน มีเพียงเท่านี้”

หลวงพ่อชา สุภัทโท


จากคุณ    : click2




ขอบคุณภาพจาก http://www.arayanewspaper.com

    การขอบคุณและขอบใจ ถึงแม้จะไม่สามารถกล่าวทดแทนกับน้ำใจที่ท่านทั้งหลายมอบให้กับ อาตมาและเว็บนี้มานั้นได้ทั้งหมด แต่ก็ขอให้มีค่าแทนใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะกล่าวคำใด ๆ ก็ยากที่ทำให้เสมอในธรรมทานที่ท่านทั้งหลายร่วมกันสนับสนุนมาด้วยดีตลอด 3 ปีมานี้ ทำให้รู้สึกว่ามีกำลังใจที่ดีและจะตั้งใจรักษาปณิธาน การเผยแผ่พระกรรมฐานต่อไป


 

   พระอาจารย์ ไม่ต้องกล่าวคำขอบคุณขอบใจ ก็ได้คะ การปิดทองหลังพระ ปณิธานการเผยแผ่พระธรรม ของพระอาจารย์พอทราบคะ

   คิดว่าเว็บนี้ยังอยู่ต่อไป จนกว่ามี ธรรมทายาทมาสานงานต่อนะคะ

   ดีใจด้วยคะ ที่ย่างเข้าสู่ปีที่ 4 ซึ่งต่างจากความคิดของหนู ครั้งแรกที่เข้ามาอ่านและเป็นสมาชิก ว่าเว็บแบบนี้จะมีใครสนใจกัน เว็บที่มีแต่เรื่องธรรมะ สมาธิ ประมาณนี้ไม่เห็นจะอินเทรนด์ เลย แต่เมื่อหนูมีอายุเพิ่มขึ้น มีหลายสิ่งที่ได้ความรู้จากเว็บนี้ได้นำมาใช้ในชีวิตประจำวันคะ และก็มีมากขึ้น พัฒนาให้เกิดสภาวะ เห็นตามจริงและปล่อยวางลงได้ด้วยในหลายครั้ง

   สาธุ กับทีมงานทุกท่านที่ช่วยกันดูแลไม่เห็นเว็บนี้หายไปนะคะ

   ขอบคุณทีมงานและพระอาจารย์ ด้วยคะ

   

อนุโมทนา ช่วยกันอนุรักษ์ ศิลปะมรดกไทย ยุค กรุงรัตนโกสินทร์กันไว้นะคะ เจดีย์วัดอรุณ เวลามองจาก ท่าพระจันทร์ จะเด่น มากคะ หรือ เวลานั่งรถผ่าน สะพานพุทธ สะพานพระราม 8 ก็จะเห็นเด่นมากคะ สวยงามทำให้ระลึกถึงคนสมัยก่อนนั้น นับถือพระพุทธศาสนาร่วมกันก่อสร้าง พระเจดีย์นี้ไว้ให้เราระลึกถึง ศิลปะความเป็นไทย และ ความเป็นคนใจบุญ ด้วย

 


ขอบคุณภาพจาก http://www.siamphotography.com


ขอบคุณภาพจาก http://nongsukjai.files.wordpress.com

ถ้าจัดอบรม กรรมฐาน พระอาจารย์ กำหนดไว้หรือไม่ต้องมีคนเข้าอบรมกรรมฐาน จำนวนเท่าใด คือคิดไว้ว่าจะนิมนต์พระอาจารย์มา เชียงใหม่เจ๊ารับภาระค่าเดินทาง ตามเงื่อนไข คือจะถามเพื่อน ๆ กันว่าใครสนใจจะอบรมกรรมฐาน นะเจ๊า

    สมมุติ รวบรวมได้ 5 - 6 คน แล้วนิมนต์ มาอบรมได้หรือไม่ เจ๊า

   

ิคิดว่า อาการวูบ สำหรับผู้ภาวนาทุกท่าน น่าจะเป็นกันทุกคนนะคะ
 สำหรับวิธีการแก้ ก็คือ ประคองอารมณ์ บริกรรม กับ ฐานจิต อย่าได้หยุด อย่าได้เบื่อ คะ

 

คุณธรรรมธวัช หรือ เพื่อน สมาชิก ท่านใดที่มีความสามารถด้านโคลงกลอน
ช่วยแต่งโคลง สดุดี พระมหาราชา ด้วยคะ
จะขอบคุณมากคะ

 

[23 ตุลาคม ''วันปิยมหาราช''วันที่ 22 ตุลาคม 2555 วันปิยมหาราช ตรงกับวันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นที่รักใคร่อย่างล้นเหลือของพสกนิกรทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ พระองค์จึงได้รับการถวายพระราชสมัญญานามว่า "สมเด็จพระปิยมหาราช" ซึ่งมีความหมายว่า "พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน" ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ รัฐบาลจึงได้ประกาศให้วันที่ 23 ตุลาคม เป็น "วันปิยมหาราช"ในวันปิยมหาราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ จะเสด็จฯ ไปวางพวงมาลา ณ พระบรมรูปทรงม้าซึ่งตั้งอยู่ที่หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมเป็นประจำทุกปี]

23 ตุลาคม ''วันปิยมหาราช''

วันที่ 22 ตุลาคม 2555 วันปิยมหาราช ตรงกับวันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นที่รักใคร่อย่างล้นเหลือของพสกนิกรทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ พระองค์จึงได้รับการถวายพระราชสมัญญานามว่า "สมเด็จพระปิยมหาราช" ซึ่งมีความหมายว่า "พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน" ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ รัฐบาลจึงได้ประกาศให้วันที่ 23 ตุลาคม เป็น "วันปิยมหาราช"

ในวันปิยมหาราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ จะเสด็จฯ ไปวางพวงมาลา ณ พระบรมรูปทรงม้าซึ่งตั้งอยู่ที่หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมเป็นประจำทุกปี

ประวัติความเป็นมาของ "วันปิยมหาราช"

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ.2453 ได้เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความเศร้าโศกให้กับประเทศไทยครั้งใหญ่หลวง เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงประชวรเสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิต เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นกษัตริย์ที่เป็นที่เคารพรักของทวยราษฎร์ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอเนกประการ ทั้งในการปกครองบ้านเมือง และพระราชทานความร่มเย็นเป็นสุขแก่ชนทุกหมู่เหล่า

ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทางราชการได้ประกาศให้วันที่ 23 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นวันที่ระลึกสำคัญของชาติเรียกว่า "วันปิยมหาราช" และกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการ

เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยซึ่งต่อมาเป็น "กรุงเทพมหานคร" ร่วมด้วยกระทรวงวัง ซึ่งต่อมาเป็น "สำนักพระราชวัง" ได้จัดตกแต่งพระบรมราชานุสาวรีย์ ตั้งราชวัติฉัตร 5 ชั้น ประดับโคมไฟ ทอดเครื่องราชสักการะที่หน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน

พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล วันปิยมหาราช ครั้งแรกเกิดขึ้นถัดจากปีที่ได้ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทานถวายแล้วเสด็จฯ ไปถวายพวงมาลา ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะที่พระบรมราชานุสาวรีย์

 ที่มาเนื้อหา
http://www.rd1677.com/rd_bangkok/top_bangkok.php?id=93311

วันนี้บอกได้เลยคะ ว่า อืดมากๆ เลยคะ แตกต่างจากเมื่อวานนี้เป็นอย่างมากเลยคะ
 

ทำอย่างไร ที่จะไม่ให้ จิต คิด ฟุ้งซ่าน คะ
  คือ แบบว่า จิต ไม่หยุดคิด บางครั้ง คิด จน ต้องเอามือ ก่ายหน้าผาก เลยคะ ทำไมจิตถึงไม่หยุดคิด เสียทีคะ

มีวิธีใดที่ ทำให้จิต หยุดคิดอย่าง ดีบ้างคะ

 ขอบคุณมากคะ

 

28 ก.ย. 55 เปิด login ได้นานมาก คะ จึงได้เข้าแบบ ไม่ login

 

รอท่านผู้รู้ ช่วยอธิบาย ด้วยคะ
 

ยังรออ่าน คำอธิบาย จากทุกท่าน นะคะ
 

การสอบกรรมฐาน กับ การแจ้ง กรรมฐาน เหมือนกันหรือไม่คะ

  การสอบกรรมฐาน กับ การแจ้งกรรมฐาน ทำไมต้องมี คะ ใครเป็นผู้ริเริ่ม ส่วนนี้คะ

 

วันนี้วันพระเชิญ เพื่อน ๆ ทุกท่าน เจริญธรรมกันคะ
 

เป็นเหมือนกัน คะ ปัจจุบัยก็เลยยังไม่ฝึก กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ คะ

   

ถ้าตื่นทันก็ได้ชมคะ  แต่อย่างเดียวจะไม่ลืมแม่ คะ
 

อนุโมทนา ด้วยคะ ที่พระสงฆ์ท่านเห็นความสำคัญในการอนุเคราะห์ประชาชน คะ แสดงให้เห็นการพึ่งพาตนเองคะ

สาธุ สาธุ สาธุ

 

อนุโมทนา สาธุ ที่คุณ AAAA มาช่วยแจกธรรม ด้วยคะ
อ่านแล้วพอจะเข้าใจมากขึ้นคะ

 

ก็เชิญทุกท่านร่วมปฏิบัติกรรมฐาน ในแนวนี้ดูบ้างก็ดีนะคะอาจจะถูกจริตและพัฒนาไปได้ไวนะคะ ลองทดสอบดูก่อนก็ได้คะ อย่าพึ่งตั้งแท่นว่าไม่ดีเลยนะคะ เพราะการเจริญสติ มีประโยชน์มากคะ

 

 และขอร่วมด้วยภาพนี้ด้วยคะ

 

[วันนี้เป็นวัน พระ ขอเชิญเพื่อน ๆ ร่วมปฏิบัติธรรม ฟังธรรม สร้างบารมีกันตามสมควร]

ขอบคุณภาพจาก คุณ sawwalux
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=7623.0


วันนี้เป็นวัน พระ ขอเชิญเพื่อน ๆ ร่วมปฏิบัติธรรม
 ฟังธรรม สร้างบารมีกันตามสมควร

 

มีเหตุผล คะ สังเกตุเวลาเข้าไปที่ กทม ขึ้น ลิฟท์ หมายเลย 13 จะไม่มีคะ

 

สาธุ แสดงถึงความศรัทธาของผู้คนที่มีต่อ หลวงพ่อสด วัดปากน้ำลูกศิษย์สายปากน้ำมีกำลังมากจริง ๆ คะ

 

ขอบพระคุณที่พระอาจารย์ตอบปัญหาที่ถามให้คะ

 สาธุ

 

มุทิตา หมายถึงการทำใจให้อ่อนโยน

รติ หมายถึงความยินดี

อรติ หมายถึงไม่ยินดี

     ดังนั้น มุทิตา นั้นมีจากเจตนาเป้นที่เป็นความอ่อนโยนภายนอก
     และ กายมุทิตา จิตตมุทิตา เกี่ยวกับกรรมฐานเป็นภายใน

     รติ ความยินดี ในธรรมคะ เป็นที่น่าชื่นชม คะ
 
   คำนี้มักจะได้ยินพระสงฆ์ พูดกันเช่นไป ร่วมงานมุทิตาพระ ( รูปนั้นรูปนี้ )เป็นต้นคะ
   ที่จริงก็ไม่ค่อยจะเข้าใจกับคำนี้ที่ใช้ ทั้งที่การไปร่วมงาน ก็แค่ นอบน้อม และ ยินดี ( แสดงความดีใจ ) ก็เท่านั้นเองคะ