ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ไม่พึงมองดู "ความผิดพลาดของคนอื่น" พึงมองดูแต่ "สิ่งที่ตนทำแล้วหรือยังมิได้ทำ"  (อ่าน 4052 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต

๒. ธัมมปทคาถา หรือธัมมบท
ว่าด้วยบทแห่งธรรม

    ได้กล่าวแล้วว่า ธัมมบท(หรือเขียนว่าธรรมบทก็ได้) หมายถึงสุภาษิตสั้นๆ ประมาณ ๓๐๐ ข้อ และได้แปลไว้เป็นตัวอย่างแล้ว ในหน้าข้อความน่ารู้จากไตรปิฎก หมายเลข ๙๗.-๑๒๕ รวมหลายสิบข้อ ในที่นี้จะนำข้อความที่ไม่ซ้ำกันมา แปลไว้เป็นตัวอย่างอีก ๑๐ ข้อ คือ :-

    ๑. ไม่พึงมองดูความผิดพลาดของคนอื่น หรือมองดูสิ่งที่เขาทำหรือมิได้ทำ
        พึงมองดูแต่สิ่งที่ตนทำแล้ว หรือยังมิได้ทำเท่านั้น
.


    ๒. ดอกไม้ที่น่าชอบใจ มีสี แต่ไม่มีกลิ่น ก็เหมือนวาจาสุภาษิต ย่อมไม่มีผลแก่ผู้ไม่ทำตาม.

    ๓. ในมนุษย์ทั้งหลาย คนที่ถึงฝั่งมีน้อย คนนอกนี้วิ่งเลาะไปตามชายฝั่ง(ข้างนี้) เท่านั้น.


    ๔. คนไม่มีศรัทธา,ไม่กตัญญู,ตัดช่อง(เข้าขโมย), มีโอกาศอันถูกขจัด,หมดหวัง,ผู้นั้นเป็นบุรุษผู้สูงสุด.
    เป็นคำกล่าว ดัดแปลงคำด่าให้เป็นคำดี
 
    คำว่า ไม่มีศรัทธา ในทางที่ดี ควรแปลว่า "ไม่เชื่อง่าย"
    คือ พยายามทำให้ประจักษ์ในผลความดี ด้วยตนเองจนไม่ต้องเชื่อผู้อื่น,

    ไม่กตัญญูหรืออตัญญู แปลในทางดีว่า ผู้รู้นิพพาน ซึ่งไม่มีสิ่งใดๆ หรือใครมาทำมาสร้างได้,

    ตัดช่อง(เข้าขโมย) แปลจากคำว่า สันธิจเฉทะ
    ซึ่งอาจแปลในทางที่ดีได้ว่า ตัดที่ต่อคือวัฏฏะ หรือการเวียนว่ายตายเกิดไม่ต้องเกิดอีก.

    มีโอกาสถูกขจัด แปลในทางดีได้ว่า หมดโอกาสที่จะเกิดอีก
    เพราะหมดพืช คือ กุศลกรรมและอกุศลกรรมแล้ว

    หมดหวังหรือคายความหวัง อาจจะตีความได้ว่า เมื่อได้บรรลุสิ่งที่สูงสุดแล้ว
    ก็ไม่จำเป็นจะต้องคอยมุ่งหวังอะไรต่อไปอีก.

    เรื่องเหล่านี้เป็นตัวอย่างใน ทางมองแง่ดี จากคำเยาะเย้ยถากถางของคนที่มุ่งร้าย




 
    ๕. ผู้ใดประทุษร้ายต่อคนผู้มิได้ประทุษร้าย ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีกิเลส
        บาปย่อมสนองคนพาลนั้น เหมือนฝุ่นที่ซัดไปทวนลม.

    ๖. คนเลี้ยงโคใช้ท่อนไม้ต้อนโคไปสู่ที่หากินฉันใด ความแก่และความตาย
        ย่อมต้อนอายุของสัตว์ทั้งหลายไปฉันนั้น.

    ๗. ร่าเริงอะไรหรือหรือชื่นใจอะไรกัน ในเมื่อโลกลุกเป็นไฟอยู่เป็นนิตย์
        ท่านทั้งหลายถูกความมืดห่อหุ้มแล้ว ไฉนจึงไม่แสวงหาดวงประทีป.


    ๘. ความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง สังขาร(สิ่งที่ปัจจัยปรุงแต่ง) เป็นทุกข์อย่างยิ่ง
        รู้ความจริงข้อนี้แล้วดับทุกข์ได้เป็นสุขอย่างยิ่ง.

    ๙. อตุละเอย! การนินทานี้เป็นของเก่า มิใช่ของดุจมีในวันนี้ คนนั่งนิ่งก็ถูกนินทา คนพูดมากก็ถุกนินทา
        คนพูดพอประมาณก็ถูกนินทา คนไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก.


   ๑๐. ไฟเสมอด้วยราคะไม่มี เคราะห์เสมอด้วยโทสะไม่มี ข่ายเสมอด้วยโมหะไม่มี แม่น้ำเสมอด้วยตัณหาไม่มี.


    มีคำสรุปว่าในธรรมบทมีคาถา คำฉันท์ ๔๒๓ บท
    บางเรื่องและบางหัวข้อ อาจประกอบด้วยคำฉันท์หลายบท
    เพราะฉะนั้น ที่กล่าวว่าประมาณ ๓๐๐ หัวข้อ จึงหมายเฉพาะเนื้อเรื่อง


ที่มา http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/prasuttanta/k17.html
ขอบคุณภาพจาก http://www.buriramtime.com/,http://4.bp.blogspot.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 02, 2013, 12:55:41 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ