ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: การสร้าง "ธรรมจักร"...มีอานิสงส์อย่างไร  (อ่าน 3435 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28562
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๔ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
ว่าด้วยผลแห่งการตั้งธรรมจักรบูชา

    [๔๑]  เราได้ตั้งธรรมจักรนี้ ทำอย่างสวยงาม อันวิญญูชนชมเชย (บูชา) ไว้ข้างหน้าอาสนะอันประเสริฐ แห่งพระผู้มีพระภาคพระนามว่าสิทธัตถะ
     เราย่อมรุ่งเรืองกว่าวรรณะทั้งสี่ มีคนใช้ พลทหารและพาหนะ คนเป็นอันมากย่อมติดตามห้อมล้อมเราเป็นนิตย์
     เราแวดล้อมด้วยดนตรีหกหมื่นทุกเมื่อ เราย่อมงามด้วยบริวาร นี้เป็นผลแห่งบุญกรรม ในกัลปที่ ๙๔
     แต่กัลปนี้ เราได้ตั้งธรรมจักรใดบูชา ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการตั้งธรรมจักรบูชา
     พระเจ้าจักรพรรดิหลายพระองค์ มีพลมาก มีพระนามว่า สหัสสราชา ผู้เป็นใหญ่กว่าชน ได้มีปรากฏตลอด ๑๑ กัลป
     แต่กัลปนี้ คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้วดังนี้.

     ทราบว่า ท่านพระธรรมจักกิกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
        จบ ธรรมจักกิกเถราปทาน.

______________________________________________________________
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=32&A=2083&Z=2097&pagebreak=0




อรรถกถา ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑ เถราปทาน ๔. กุณฑธานวรรค
๙. ธรรมจักกิกเถราปทาน (๓๙)

      ๓๙. อรรถกถาธัมมจักกิกเถราปทาน               
      อปทานของท่านพระธรรมจักกิกเถระมีคำเริ่มต้นว่า สิทฺธตฺถสฺส ภควโต ดังนี้.
      พระเถระแม้นี้ได้บำเพ็ญบุญญาธิการไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานในภพนั้นๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะ บังเกิดในเรือนมีตระกูลแห่งหนึ่ง เจริญวัยแล้ว เจริญด้วยบุตรและภรรยา สมบูรณ์ด้วยสมบัติมีโภคะมาก.

     ท่านเลื่อมใสในพระรัตนตรัย เกิดศรัทธา ได้สร้างธรรมจักรสำเร็จด้วยรัตนะบูชาข้างหลังธรรมาสน์ในธรรมสภา.
     ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านเสวยสักกสมบัติและจักกวัตติสมบัติ ในที่ที่ตนเกิดแล้วในเทวดาและมนุษย์.


     ในพุทธุปบาทกาลนี้ เกิดในเรือนมีตระกูลแห่งหนึ่ง สมบูรณ์ด้วยสมบัติ เกิดศรัทธา บวชแล้วเจริญวิปัสสนา ไม่นานนักก็บรรลุพระอรหัต ปรากฏโดยนามที่เสมือนกับนามแห่งกุศลที่ท่านบำเพ็ญในกาลก่อนว่า ธัมมจักกิกเถระ.
     ท่านบรรลุพระอรหัตผลโดยสมควรแก่บุญสมภาร ระลึกถึงบุพกรรมของตน เกิดโสมนัส เมื่อจะประกาศปุพพจริตาปทาน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า สิทฺธตฺถสฺส ภควโต ดังนี้.


    บทว่า สีหาสนสฺส สมฺมุขา ความว่า ในที่พร้อมหน้า คือในที่ตรงหน้าพุทธอาสน์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ประทับนั่ง.
     บทว่า ธมฺมจกฺกํ เม ฐปิตํ ความว่า เราได้แสดงรูปสีหะทั้งสองข้าง โดยอาการดุจธรรมจักร สร้างกระทำให้เหมือนกระจกในท่ามกลางตั้งธรรมจักรบูชา.
     เป็นอย่างไร?
     เชื่อมความว่า ธรรมจักรที่วิญญูชน คือ บุคคลผู้มีปัญญาทั้งหลายสรรเสริญ ชมเชย กระทำดีแล้ว ว่างามเหลือเกิน.


     บทว่า จารุวณฺโณว โสภามิ ความว่า เราย่อมงาม คือไพโรจน์ประดุจมีวรรณะดังทองคำ.
     บาลีว่า จตุวณฺเณหิ โสภามิ ดังนี้ก็มี.
     อธิบายว่า เราย่อมงดงามคือไพโรจน์ด้วยวรรณะ ๔ กล่าวคือชาติแห่งกษัติรย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร.

     บทว่า สโยคฺคพลวาหโน ความว่า ประกอบด้วยยานมีวอทอง เป็นต้น เสวก คือ หมู่พลมีเสนาบดีและอำมาตย์เป็นต้น และด้วยพาหนะกล่าวคือรถเทียมช้างและม้า เป็นต้น.
     เชื่อมความว่า ชนเป็นอันมากคือมนุษย์เป็นอันมาก ประกอบตามคือคล้อยตามเรา แวดล้อมตลอดกาลเป็นนิตย์.


      คำที่เหลือรู้ได้ง่ายทั้งนั้นแล.
      จบอรรถกถาธัมมจักกิกเถราปทาน 
   
_________________________________________________         
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=32&i=41
ภาพจาก http://sphotos-f.ak.fbcdn.net/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ