ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: มารร้ายตัวนี้ ผมเห็นชัดมากๆ ณ เวลานี้  (อ่าน 3460 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29288
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


มานะ 9 ของพระอาจารย์มิสซูโอะ

      ชีวิตมีทั้งวันวาน วันนี้ และวันพรุ่งนี้
      เมื่อปัจจุบันธรรม เป็นสิ่งสำคัญของชีวิต
      ชีวิตในวันนี้ จึงเป็นเรื่องที่ควรคำนึงมากกว่ากาลใดๆ
      วันนี้มีสำหรับแก้ไข ไม่ใช่แก้ตัว


      แก้ตัว คือไม่ยอมรับความจริงในการทำผิดของตน
      พยายามผลักความผิดไปให้ผู้อื่น หรือสิ่งแวดล้อม


      แก้ไข คือยอมรับความจริง
      หากมีอะไรผิดพลาดบกพร่อง ก็ยอมรับผิด
      แล้วพยายามแก้ไข ปรับปรุง พัฒนาตนเอง


      คนดีชอบหาจุดบกพร่องของตนเอง
      มีหิริโอตตัปปะ ละอายแก่ใจ กลัวบาป

      คนชั่ว ชอบหาดูจุดบกพร่องของคนอื่น
      จับผิดคนอื่นแล้วคิดไปว่า เราดี เขาไม่ดี

      เมื่อคิดว่าเขาดีกว่า ก็คิด อิจฉา ริษยา น้อยใจ
      ถ้าดีกว่าเขา ก็คิด ถือตัวถือตน ดูถูกดูหมิ่นเขา
      เป็นสภาวะที่เกิด อัตตา เกิดตัวตน
      อัตตาตัวตน และทุกข์ เป็นบริษัทเดียวกัน
      อัตตาตัวตน สร้างขึ้นใช้เวลานานแสนนาน
      เป็นเวลาหลายภพหลายชาติ
      ด้วยอำนาจอวิชชากิเลส ตัณหา อุปาทาน คิดผิด และสำคัญผิด



      สำคัญผิด 9 อย่าง หรือ มานะ 9
        ๑.เป็นผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตัวว่าเลิศกว่าเขา ก็ผิด
         ๒.เป็นผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตัวว่าเสมอเขา ก็ผิด
         ๓.เป็นผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตัวว่าเลวกว่าเขา ก็ผิด
         ๔.เป็นผู้เสมอเขา สำคัญตัวว่าดีกว่าเขา ก็ผิด
         ๕.เป็นผู้เสมอเขา สำคัญตัวว่าเสมอเขา ก็ผิด
         ๖.เป็นผู้เสมอเขา สำคัญตัวว่าเลวกว่าเขา ก็ผิด
         ๗.เป็นผู้เลวกว่าเขา สำคัญตัวว่าดีกว่าเขา ก็ผิด
         ๘.เป็นผู้เลวกว่าเขา สำคัญตัวว่าเสมอเขา ก็ผิด
         ๙.เป็นผู้เลวกว่าเขา สำคัญตัวว่าเลวกว่าเขา ก็ผิด


     เมื่อใจดี จะไม่มีความคิดเป็นเรา เป็นเขา
     แต่จะเห็นสัตว์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
     ให้ "เห็น" เป็นหลัก เป็นกริยา
     คนเรานั้นเมื่ออยู่ในสมมติโลก
     เราต้องอยู่ด้วยกันหลายคน
     มองเห็นเป็นธรรมไม่ให้ตัวตนเข้าไปยึด
     ควบคุมจิตเป็นโอปนยิกธรรมน้อมเข้าหาตนเสมอ



    เราไปดูตัวอย่างประสบการณ์ที่ คุณ ณ. ได้นำมาถ่ายทอดกันบ้างดีกว่า
     ยิ่งปฏิบัติ ยิ่งนิ่ง เราจะยิ่งมองเห็นการเคลื่อนไหวของสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น
     เห็นจิตคนอื่น จิตสิ่งอื่น รวมถึงเห็นจิตตัวเองแจ่มชัดขึ้น
     การเคลื่อนไหวที่แต่ก่อนเราแทบจะมองไม่เห็น
     มองไม่ออก มองไม่รู้ เรากลับรู้ กลับเห็น
     เหมือนเป็นภาพ Slow motion
     มองเห็น Shot ต่อ Shot
     มองเห็นรายละเอียดที่เราไม่เคยคิดว่ามันจะมีมากมายขนาดนั้น
     ซึ่งแท้จริงในทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
     ล้วนแล้วแต่มีรายละเอียดมากมาย
     ให้เราได้นำมาใช้ในการทำวิปัสสนา
     แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ มานะทิฐิ ในจิตของเราเอง


     ยิ่งเราเห็นมาก รู้มาก เรายิ่งต้องระวังให้มาก
     ต้องละเอียด ต้องประณีตให้มากยิ่งขึ้น
     ต้องคอยเตือนตัวเราอยู่เสมอว่าเรายังเลวอยู่มาก ยังไม่ดี
     ต้องละ ต้องปล่อย ต้องวาง
     ถ้ามัวแต่ไปมองมานะทิฐิของคนอื่น
     นั่นแสดงว่าเรานั่นแหละยังเต็มไปด้วยมานะทิฐิ




    ...วันนี้ก็เจอกับตัวเองแต่เช้า ที่โต๊ะกินข้าวที่บริษัท
     มีเก้าอี้เหลือ1 ตัว ก็เอากล่องข้าวไปวาง บนโต๊ะ
     แล้วเดินไปหาแก้วน้ำ พอเดินกลับมา
     ข้าวบนโต๊ะถูกเลื่อนไป แล้วก็มีคนมานั่งแทน
     พอเห็น...ใจเราก็ อ๊ะ!...สะดุด!
     แล้วจิตมันก็วิ่งเลย วิ่งปรู๊ดเลยเชียว
     เอ้ย! เอ้ย! เอ้ย!...รีบเหยียบเบรกเอี๊ยดเลย
     มองลงไปในจิตเราก็รู้ว่า
     จิตเรานี่หนายังเต็มไปด้วยมานะทิฐิ
     ต้องละเอียดกว่านี้นะ ต้องประณีตกว่านี้นะ
     จิตที่วิ่งไปว่าคนอื่นเค้า ไปตำหนิคนอื่นเค้า
     นั่นก็เพราะเรามีมานะทิฐินั่นแหละ
     วางซะ ปล่อยซะเถอะ
     พอคิดได้แค่นี้ ก็เลยยิ้มๆ ไปลากเก้าอี้มานั่งกินข้าว
     ซึ่งที่ว่างก็ตรงข้ามกับคนคนนั้นนั่นแหละ
     แต่รู้สึกดีขึ้นมากกว่าตอน อ๊ะ!
     ...แล้วก็ขอขอบคุณเอ้ย!...ที่เตือนสติเราได้


     แค่การนั่งกินข้าวก็สามารถชี้ให้เห็นการวางจิตเราได้เป็นอย่างดี
     จะเห็นว่าการเอาจิตเราไปคอยจับผิด จับถูก
     คอยชี้ว่าสิ่งใดดี สิ่งใดเลว สิ่งใดถูก สิ่งใดผิด
     มันก็ยังเป็นการยึดติดอยู่ในความดีความเลว
     ฉันต้องดีกว่า ฉันต้องเก่งกว่า ฉันต้องเลิศกว่า
     เธอผิด ฉันถูก เธอชั่ว ฉันดี ต่างก็เป็นการยึดติด
     การติดที่รูปสวย รสอร่อย กลิ่นหอม เสียงไพเราะ
     สัมผัสนิ่มนวล นี่ก็เป็นการยึดติดในกามารมณ์

ที่มา board.palungjit.com/f10/มานะ-9-ของพระอาจารย์มิสซูโอะ-175854.html  โพสต์โดย AddWassana
ขอบคุณภาพจาก  http://www.ebooks.in.th/,http://image.free.in.th/,http://sphotos-a.xx.fbcdn.net/,http://www.romyenchurch.org/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 17, 2013, 10:18:43 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29288
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: มารร้ายตัวนี้ ผมเห็นชัดมากๆ ณ เวลานี้
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 17, 2013, 10:11:29 am »
0


เผยแพร่เมื่อ 11 มี.ค. 2013 โดย YING YAI


เนื้อเพลง : กำเนิดนางมารร้าย

ขี้หึง ปากดี ไม่มีเหตุผล ก้าวร้าวสับสนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
โทรจิกเซ้าซี้ขี้ระแวงเอาแต่ใจ เป็นนางมารร้าย หลอกหลอนเธอคอยรังควาน


* ใช่สินางนี่มันเป็นมารร้าย ก็เธอลอกคราบจากเจ้าชาย นางฟ้ามันเลยตายไปจากฉัน
จากวันที่เธอนอกใจ นางมารร้ายก็ถือกำเนิด
ยอมรับความจริงซะเถิด เปิดกะลาดู หลับหูหลับตาว่ากัน


** ร่ำร้องหานางฟ้า ทั้งที่เธอเป็นซาตาน ชีวิตจริงไม่ใช่หนัง
เธอขอมากเกินไปมั้ง พูดเอาแต่ได้มากไป


แต่ก่อนอ่อนไหว หายใจเป็นเธอ
หัวอ่อนเสมอ เชื่อเธอทั้งใจ
เลยเจ็ยแสบสัน เล่นฉันซะน้ำตาไหล
สะใจเธอมั้ย เชิญฝันร้ายไปพร้อมกัน


(ซ้ำ */ **/ **)

บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ