ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ กตญฺญูกตเวทิตา" เครื่องหมายของคนดี คืออะไร.???  (อ่าน 10126 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29305
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

นาลันทา-แทนคุณแม่๑ : จุดประทีปธรรม : พระมหาอุเทน ปัญญาปริทัตต์

“นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ กตญฺญูกตเวทิตา ความเป็นผู้รู้คุณและตอบแทน คือเครื่องหมายของคนดี”

    พุทธสาสนสุภาษิตบทนี้บอกให้ทราบถึงความเป็นคนดีว่าอยู่ที่กตัญญูรู้คุณและกตเวทีทำการตอบแทน ซึ่งถือเป็นเกณฑ์มาตรฐานวัดค่าความเป็นคนดีของทุกๆ คน

    วันนี้อาตมภาพขอหยิบยกเรื่องราวที่น่าประทับใจของพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรผู้เลิศทางปัญญาเด่นทางกตัญญูกตเวทิตาเดินทางกลับมาโปรดโยมมารดาของตน ก่อนดับขันธนิพพาน ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดของนาลันทามาเล่าให้ท่านสาธุชนได้รับฟัง

    พระสารีบุตรทราบว่าตนใกล้จะสิ้นอายุขัยจึงเดินทางพร้อมพระภิกษุบริวารประมาณ ๕๐๐ รูปไปเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ กราบทูลลาดับขันธนิพพาน และออกเดินทางกลับแดนมาตุภูมิ "นาลกคาม" โดยเข้าไปพักในห้องที่ท่านเกิด และได้อาพาธอย่างหนักถ่ายออกมาเป็นเลือด นอนหายใจระทวยอยู่ ขณะนั้นท้าวจตุโลกบาล ท้าวสักกเทวราช ท้าวสุยาม ท้าวมหาพรหมก็มาเยี่ยมท่านเพื่อดูเป็นปัจฉิมทัศนะ นางสารีพราหมณีโยมมารดาของท่านเฝ้าคอยดูด้วยความห่วงใย เห็นเทวดามาไหว้พระลูกชายของตนและกลับไป ด้วยความสงสัยจึงเข้าไปถาม

     “พ่ออุปติสสะ ใครเปล่งแสงสว่างรังรองมาหาเจ้า”
     “อ๋อ ท้าวมหาราชทั้ง ๔ จ้ะ โยมแม่” 
     “ครั้นท้าวมหาราชเหล่านั้นกลับไปแล้ว ใครเปล่งแสงสว่างเจิดจ้ามาหาเจ้าอีกละลูก”
     “อ๋อ ท้าวสักกเทวราช จ้ะ โยมแม่”
     “ครั้นท้าวสักกเทวราชนั้นเสด็จกลับไปแล้ว ใครเปล่งแสงสว่างรังรองเจิดจ้ายิ่งกว่าเดิมมาหาเจ้าอีกล่ะลูก”   
     “ท้าวมหาพรหมจากชั้นสุทธาวาสผู้เป็นทั้งครูและเป็นผู้มีพระคุณของโยมแม่อย่างไรละจ๊ะ





     นางพราหมณีรู้ความจริงอย่างนี้ ทันใดนั้นปีติ ๕ ก็เกิดขึ้นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
     พระสารีบุตรคิดว่า “มารดาของเราเกิดปีติโสมนัสแล้ว เวลานี้เหมาะที่จะแสดงธรรม”
     ถามว่า “คิดอะไรอยู่หรือโยมแม่”
     “อ๋อ แม่...แม่คิดว่า ขนาดบุตรของเรามีอานุภาพมากถึงเพียงนี้ พระบรมศาสดาของบุตรเราจักมีอานุภาพมากถึงเพียงไหน”
     “โยมแม่ รู้หรือเปล่า สมัยที่พระบรมศาสดาประสูติเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ และหมุนเคลื่อนกงล้อธรรมประกาศสัจจะนั้น หมื่นโลกธาตุก็หวั่นไหว ทั้งมนุษยโลก เทวโลก มารโลก พรหมโลก และหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์ด้วยศีล สมาธิ  ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ”


    นางสารีพราหมณีได้ฟังอย่างนั้นแล้ว ก็เกิดศรัทธาเลื่อมใส
    ย่อกายลงนั่งก้มกราบพระเถระ ซึ่งไม่เคยกราบมาก่อน

    พระสารีบุตรนอนอยู่บนเตียงนั่นเอง แสดงพระธรรมเทศนาพรรณนาพระพุทธคุณอย่างพิสดารโปรดโยมมารดา
    นางพราหมณีตั้งใจสดับธรรมเทศนา ส่งจิตคล้อยตามกระแสธรรม
    ในเวลาจบพระธรรมเทศนาของบุตรผู้ป็นที่รัก ก็ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล กล่าวว่า
    “พ่ออุปติสสะ ทำไมถึงทำอย่างนี้ พ่อไม่ให้แม่ดื่มอมตธรรมตลอดกาลเพียงนี้”
     
   พระสารีบุตรคิดว่า
   “บัดนี้ค่าน้ำนมป้อนข้าวป้อนน้ำของนางสารีพราหมณีโยมมารดาของเราได้รับการชดใช้แล้ว”

     นาลันทา-สารีบุตรสุดประเสริฐ    แหล่งกำเนิดสถานการศึกษา
  ท่านเดินทางมาโปรดโยมมารดา    ให้ดวงตาเห็นธรรมเกิดทันใด
      ท่านแทนคุณมารดาก่อนลาลับ  มิได้ดับสูญเปล่าปลีกไปไหน
  “มาตุภูมิ” ย้อนคืนกลับมิลับไกล    ได้ทำให้ซาบซึ้งพระคุณมารดา ฯ


ขอบคุณภาพและบทความจาก
www.komchadluek.net/detail/20130503/157521/นาลันทาแทนคุณแม่๑.html#.UY7nLkrSi85
http://www.dhammathai.org/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 12, 2013, 08:07:25 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ