ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ๑๔๑ ปีแห่ง "อมตะบารมีหลวงปู่โต" วัดสรพงศ์  (อ่าน 2438 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


๑๔๑ปีแห่งอมตะบารมีหลวงปู่โต ณ อุทยานมูลนิธิสมเด็จพุฒาจารย์ โตฯ (วัดสรพงศ์)
เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

       อุทยานมูลนิธิสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) อุทยานแห่งนี้ หรือที่หลายๆ คนเรียกชื่อที่นี่ว่า วัดสรพงศ์ จนติดปาก ตั้งอยู่ริม ถ.มิตรภาพ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา จัดสร้างและดำเนินงานโดยคุณสรพงศ์ ชาตรี และคุณดวงเดือน จิไธสงค์ ภายใต้การดำเนินการของมูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เมตตาบารมี ดำเนินการก่อสร้าง "หลวงปู่โต" เป็นองค์พระที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
      โดยเริ่มดำเนินการสร้างเมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๔๑ เสร็จเรียบร้อยเมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๔๓
       ขนาดหน้าตักกว้าง ๘ เมตร ๑ นิ้ว สูง ๑๓ เมตร หนัก ๖๑ ตัน ค่าก่อสร้างเกือบ ๑๐ ล้านบาท


     สิ่งก่อสร้างที่ใกล้แล้วเสร็จของอุทยานแห่งนี้ ประกอบด้วย  อยู่ ๓ หลัง คือ
       ๑.มหาวิหารเป็นแบบกุฎาคาร (เรือนยอดเจดีย์เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูป) ให้เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
       ๒.อาคารกองอำนวยการ และประชาสัมพันธ์
       ๓.วิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช


       ด้วยเหตุที่เคยเป็นผู้ช่วยช่างภาพยนตร์ ทำให้สรพงศ์มีมุมมองในการจัดภูมิทัศน์บริเวณโดยรอบอย่างสวยงาม ร่มรื่น เช่น สระน้ำ สวนหิน สวนต้นไม้ เป็นต้น ว่ากันว่า "หินทุกก้อน ต้นไม่ทุกต้นสรพงศ์เป็นคนซื้อเอง ใครถามว่าเท่าไรซื้อมาจากที่ไหนตอบได้หมด" ทำให้ทุกวันนี้จึงมีทั้งนักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมกันอย่างไม่ขาดสาย จนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของอ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมาอีกแห่งหนึ่ง

       อีกทั้งจัดภูมิทัศน์ส่วนต่างๆ ตามความเหมาะสม เช่น สระน้ำ สวนหิน สวนต้นไม้ เป็นต้น และได้จัดบริการด้านอาหาร และห้องน้ำสุขาฟรีเพื่อบริการแก่นักท่องเที่ยว ร่มรื่นเหมาะสำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ทำให้ผู้ที่ได้มีโอกาสมาทำบุญ มีความสุข สงบในด้านจิตใจ นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจมากราบนมัสการ "หลวงปู่โต" องค์ใหญ่ที่สุดในโลกได้  ตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐-๑๘.๐๐ น.



      นายสรพงศ์ บอกว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการก่อสร้าง ศาลาทานบารมี หอแก้ว หอพระ โดยเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๒ เป็นแบบอาคารก่อสร้างครึ่งตึกครึ่งไม้ ๒ ชั้น
       โดยชั้นล่างเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ก่อฉาบปูนตามสถาปัตยกรรมล้านช้าง ชั้นล่างประกอบด้วยห้องอาหาร ห้องประชุมสัมมนา ห้องแสดงสินค้าอเนกประสงค์ สำนักงานและห้องน้ำห้องครัว
       ส่วนชั้นบนซึ่งแบ่งเป็นหลังๆ คือ ศาลาทานบารมี ใช้สำหรับแสดงแบบพระนอนความยาว ๙ เมตร หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ จำลองจากองค์จริงซึ่งหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ยาว ๘๙ เมตร
       ศาลาอเนกประสงค์ ศาลาหอพระบาท ศาลาหอพระ  ซึ่งใช้สำหรับเป็นที่พักพระภิกษุสงฆ์หรือพระเถระชั้นผู้ใหญ่ เป็นต้น ค่าก่อสร้างประมาณ ๑๐๐ ล้านบาท โดยมีนายช่างรุ่ง จันตาบุญ เป็นผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง

        นอกจากนี้ทางมูลนิธิยังมีโครงการที่จะก่อสร้างพระพุทธเจ้าปางพระพุทธไสยาสน์ หรือพระนอน ที่ทำด้วยทองสำริดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเริ่มมาได้ ๓ ปีแล้ว ตั้งไว้ที่ความยาว ๘๙ เมตร ขณะนี้แก้ไขไปเรื่อย ตอนนี้ยาวเกือบ ๑๐๐ เมตรแล้ว ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะหยุดอยู่ที่กี่เมตร ได้ให้ช่างทำให้ดีที่สุดสวยที่สุด ส่วนจะยาวกี่เมตรนั้นขึ้นอยู่กับแรงศรัทธาของประชาชนที่จะร่วมกันสร้าง ในส่วนของมูลนิธิ จะทำให้สวยงามและดีที่สุดเพื่อเป็นสมบัติของแผ่นดินไทย โดยจะประดิษฐานพระนอนที่ใหญ่ที่สุดในโลกไว้ที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา

        “หลวงปูโตเคยบอกว่า "ลูกเอ๋ย... ก่อนที่จะเที่ยวไปขอบารมีจากหลวงพ่อองค์ใดเจ้าจะต้องมีทุนของตนเอง คือ บารมีของตนลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอ จึงค่อยขอยืมบารมีของคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมเขามาจนล้นตัว เมื่อทำบุญกุศลได้บารมีมา ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัวแล้วเจ้าจะไม่มีอะไรไว้ในภพหน้าหมั่นสร้างบารมีไว้แล้วฟ้าดินจะช่วยเจ้าเอง จงจำไว้นะ...เมื่อยังไม่ถึงเวลา เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้ครั้นถึงเวลาทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่ จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดินเมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า” สรพงศ์ กล่าว

        :25: :25: :25:

      สำหรับงานงานทำบุญครบรอบวันคล้ายวันมรณภาพสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)  ๑๔๑ ปี
      วันเสาร์ที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๖
         เวลา  ๙.๐๙ น.  บวงสรวงดวงวิญญาณ เจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
         เวลา  ๑๐.๐๐ น.  พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๒๐ รูป สวดพระพุทธมนต์
         เวลา  ๑๑.๐๐ น.  พระสงฆ์ ๒๕๐ รูป ฉันภัตตาหารเพล
         เวลา  ๑๒.๐๐ น.  พระสงฆ์ ๒๐๐ รูป ทักษิณานุประทาน
         เวลา ๑๕.๐๐ น.  พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๒๐ รูปเจริญพระพุทธมนต์ เสร็จพิธี
      ทั้งนี้จะมีการถวายรถให้วัดต่างๆ เพื่อใช้ในกิจของสงฆ์ รวมทั้งมอบทุนการศึกษาให้เด็กเรียนดีแต่ขาดคนสนับสนุน


        อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความศรัทธา ความตั้งใจในการทำอุทยานมูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ คือ ตั้งแต่เปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ทุกๆ วันเสาร์และอาทิตย์ ทั้งคุณสรพงศ์ และ คุณดวงเดือน จะอยู่คอยต้อนรับผู้ไปกราบไหว้ขอพรไม่เคยขาด เว้นเสียแต่ว่ามีธุระจริงๆ ซึ่งปีหนึ่งจะมีเพียง ๒-๓ ครั้งเท่านั้น




สวดมนต์ฟังเทศน์ทุกๆ วันเสาร์

        ในวันส่งท้ายปีต้อนรับปีใหม่ของทุกๆ ปี  ที่อุทยานมูลนิธิสมเด็จพุฒาจารย์ โตฯ จะมีประชาชนจากทุกสารทิศเดินทางมากราบไหว้ขอพรสมเด็จพระพุฒาจารย์ โตฯ โดยในภาคกลางคืนมีการจัดสวดมนต์ข้ามปีขึ้นภายในมหาวิหารด้วย จนกลายเป็นธรรมเนียมประเพณีไปแล้ว นอกจากนี้แล้วอีกสิ่งหนึ่งกำลังจะกลายเป็นธรรมเนียมประเพณีของชาวสีคิ้ว คือ “สวดมนต์ฟังเทศน์ทุกเย็นวันเสาร์”

       นายสรพงศ์ ยังบอกด้วยว่า โครงการสวดมนต์ฟังเทศน์ทุกเย็นวันเสาร์ ที่อุทยานมูลนิธิสมเด็จพุฒาจารย์ โตฯ เริ่มเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๙ จากความอยากให้เจ้าหน้าที่กว่า ๒๐๐ คนที่ทำงานกับตนเองได้รับฟังธรรม สวดมนต์ รวมทั้งเรียนรู้เรื่องพุทธประวัติ จึงกำหนดให้ทุกเย็นวันเสาร์เป็นวันฟังเทศน์ปฏิบัติธรรม โดยนิมนต์พระมานำสวดมนต์และเทศน์ ๒ รูป ถ้าเป็นช่วงเข้าพรรษาจะจัดเทศน์มหาชาติ รวมทั้งเคยนิมนต์พระนักเทศน์ชื่อดังมาทุกรูปแล้ว
     
       :49: :49: :49:

      จากนั้นก็เริ่มมีชาวบ้านใกล้เคียงมาร่วมบ้างแต่ไม่มาก จึงมีแนวความคิดว่าทำอย่างไรจึงจะดึงคนเข้ามามากๆ
      ในที่สุดก็คิดแจกข้าวสารคนละ ๑ ถุง (๕ กก.)  เฉพาะชาวบ้านใน ต.โนนกุ่ม
      ส่วนใครที่มีอายุเกิน ๖๕ ปี เงินเดือนละ ๑,๐๐๐ บาท
      โดยจะแจกเฉพาะเสาร์ที่ ๒ ของเดือน เมื่อคนหมู่บ้านอื่นมาฟังก็มาแจกข้าวสารให้กลับไปกินทุกคน


    วันเสาร์ที่แจกข้าวอาจจะมีคนมากกว่า ๑,๐๐๐ คน แต่ใช่ว่าในวันเสาร์ที่ไม่แจกข้าวสารจะไม่มีคนมา จำนวนคนลดน้อยลงเหลือ ๗๐๐-๘๐๐ คน แสดงว่านโยบายสัมฤทธิผล ยังมีคนอยากมาฟังเทศน์ปฏิบัติธรรมจริงๆ มากกว่ามาเพราะอยากได้ข้าวสาร
       คล้ายๆ กับสมัยพุทธกาลที่ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ได้จ้างให้ลูกชายชื่อ กาละ ไปวัด รักษาอุโบสถศีล วันละ ๑๐๐ กหาปณะ เพื่อให้ลูกเข้าถึงธรรม ซึ่งภายหลังลูกไม่เอาค่าจ้าง และในที่สุดความตั้งใจของท่านเศรษฐีก็สำเร็จสมปรารถนา คือลูกชายของท่านได้เข้าถึงธรรม เป็นโสดาบันบุคคล”
นายสรพงศ์กล่าว


ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.komchadluek.net/detail/20130614/160947/๑๔๑ปีแห่งอมตะบารมีหลวงปู่โตวัดสรพงศ์.html#.UbvZ5dj0YXF
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ๑๔๑ ปีแห่ง "อมตะบารมีหลวงปู่โต" วัดสรพงศ์
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 16, 2013, 09:20:18 am »
0
 st11 st12 st12
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ