พิมพ์

[raponsan]

หามพระส่งรพ. ธุดงค์-กินเห็ด ป่วย4โคม่า1

พระสงฆ์บุรีรัมย์เดินธุดงค์ในป่าเชียงใหม่ ไม่มีอาหารฉัน เก็บเห็ดไข่ห่านมาปรุงอาหาร 8 ชั่วโมงผ่านไปเกิดอาการอาเจียน ท้องร่วง ต้องขอให้ชาวบ้านส่งโรงพยาบาล ล่าสุดพระ 3 รูปอาการดีขึ้น ส่วนอีก 1 อาการโคม่า...

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 21 มิ.ย. 56 ที่ห้องประชุมบุญสมมาร์ติน รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ รศ.นพ.สมศักดิ์ เชาว์วิศิษฐ์เสรี ผอ. รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ พร้อมคณะ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กรณีรับตัวพระธุดงค์ จำนวน 4 รูป ที่ฉันเห็ดพิษเข้าไป มารักษาตัว เมื่อเย็นวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อต้องการแจ้งผ่านสื่อมวลชนไปยังพี่น้องประชาชนให้ระวังการบริโภคเห็ดพิษ

รศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อตอนเย็นวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ รพ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ได้นำพระธุดงค์ 4 รูป ส่งมารักษาต่อ หลังฉันเห็ดมีพิษเข้าไปจำนวนมาก ทราบชื่อคือ พระภิกษุพรศักดิ์ วนมา พระสุวิทย์ คนยั่ง พระกรกฤษฎิ์ ศรีโพธิ์ลา และพระเชิดชัย ลิมมาวงค์ อายุระหว่าง 26-30 ปี โดยได้เดินทางมาจาก จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นทราบว่า พระธุดงค์ทั้ง 4 รูป ได้เดินธุดงค์เข้ามาในพื้นที่ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าเขา และอยู่ห่างจาก จ.เชียงใหม่ ประมาณ 200 กิโลเมตร

โดยเมื่อเช้าวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีพระรูปหนึ่งไปเก็บเห็ดไข่ห่าน หรือภาษาอีสานเรียกว่า เห็ดระโงก มาปรุงอาหารฉันมื้อเช้า เนื่องจากว่าพื้นที่ที่พระธุดงค์อยู่ในป่าไม่มีบ้านคน จึงไม่ได้ออกเดินบิณฑบาต จึงปรุงอาหารฉันกันเอง โดยพระรูปหนึ่งบอกว่าเห็ดที่เก็บมานั้น ทางภาคอีสานเรียกว่าเห็นระโงก ถ้าภาคเหนือเรียกว่าเห็ดไข่ห่าน มีสีขาว โดยบอกว่าเคยกินมาแล้ว และก็นำมาปรุงต้มเป็นอาหารมื้อเช้าตักแบ่งกันฉัน 4 ถ้วย

รศ.นพ.สมศักดิ์ เปิดเผยอีกว่า เมื่อพระทั้ง 4 รูปฉันเข้าไปประมาณ 8 ชม. ในตอนเย็นวันนั้นพระทั้ง 4 รูป ก็มีอาการอาเจียนเคลื่อนไส้ปวดท้องถ่ายเหลวปนน้ำหมูก ปวดท้อง จึงเดินออกมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านพาส่ง รพ.อมก๋อย แพทย์ได้ให้น้ำเกลือและรักษาตามอาการของโรค 2 วันต่อมา อาการของพระทั้ง 4 รูปยังไม่ดีขึ้น ยังมีการถ่ายเหลว รพ.อมก๋อย จึงส่งต่อมารักษาที่ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ เมื่อเย็นวันที่ 20 มิ.ย. 56 ทางแพทย์ได้ให้การรักษา ขณะนี้อาการทั่วไปของพระ 3 รูป เริ่มดีขึ้น แต่อีก 1 รูป ยังมีอาการน่าเป็นห่วง แพทย์ต้องตรวจสอบผลเลือด ดูการทำงานของตับและไตอย่างใกล้ชิด

"วันนี้จึงนำคณะแพทย์ที่รักษา และแพทย์ผู้เฉี่ยวชาญด้านเห็ดพิษมาแถลงข่าวต่อสื่อมวล เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ไปถึงชาวบ้าน ว่าให้ระมัดระวังในการรับประทานเห็ดพิษ เพราะในช่วงปลายเดือน พ.ค. ถึงปลายเดือน ส.ค.ของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงหน้าฝนจะมีเห็ดออกตามป่าเขาจำนวนมาก ชาวบ้านที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ไปเก็บเห็ดพิษ มารับประทานอาจทำให้ถึงตายได้ เพราะเมื่อรับประทานเห็ดพิษเข้าไปแล้ว ยังไม่มียารักษาให้หาย เพราะพิษของเห็ดจะถูกร่างกายดูซึมไปทำลายระบบตับและไต ทำให้เสียชีวิตทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แพทย์ต้องรักษาไปตามอาการเท่านั้น" รศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวและว่า

"ทางแพทย์จึงไม่อยากให้ชาวบ้านรับประทานเห็ดพิษ เพราะหากกินเข้าไปแล้วมีโอกาสรอดน้อย จึงขอชี้แจงว่าเห็ดพิษที่พบในภาคเหนือนั้นคือ เห็ดไข่ห่าน หรือทางภาคอีสานเรียกว่า เห็ดระโงก จะมีดอกสีขาวตูม คล้ายไข่ห่าน และหากโตขึ้นจะมีกลีบบาน ซึ่งเห็ดพิษเหล่านี้ ทางชาวบ้านไม่สามารถนำภูมิปัญหาสมัยก่อนมาทดสอบได้ เช่น นำซ้อนเงิน หรือข้าวสารมาต้มเพื่อพิสูจน์สีของซ้อนหรือสีของข้าวสาร หรือเห็ดที่มีแมลงแทะ ซึ่งวิธีการดังกล่าวนั้นไม่สามารถตรวจสอบเห็ดพิษกลุ่มนี้ได้ และเมื่อเก็บเห็ดมาปรุงเป็นอาหารแล้ว ความร้อนก็ไม่สามารถทำลายเชื้อเห็ดพิษได้ เพื่อความปลอดภัยควรหลีกเลี่ยงในการรับประทานเห็ดป่าที่มีสีขาว ซึ่งเป็นเห็ดกลุ่มเดียวกับเห็ดไข่ห่าน

ผอ.รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า ขอให้สังเกต หากคนไข้รับประทานเห็ดพิษเข้าไปในร่างกาย พิษของเห็ดจะเริ่มออกฤิทธิ์ ประมาณ 8-12 ชม. จะมีอาการหน้ามืด อาเจียน ปวดท้อง ท้องเดิน การปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้คนไข้ ควรทำให้อาเจียนก่อน หรือใช้น้ำอุ่นผสมผงถ่าย ให้รับประทานเพื่อช่วยดูดซับพิษ และรีบพาส่งแพทย์ พร้อมกับเห็ดที่เหลือจากการรับประทาน และในเร็วๆ นี้ทางคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จะได้ทำโปสเตอร์เห็ดพิษและเห็ดที่รับประทานได้ ออกแจกจ่ายให้พี่น้องประชาชน ได้ทราบถึงวิธีการเลือกรับประทานเห็ดให้ปลอดภัยได้.

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/region/352687

[kobyamkala]

 
  อ่านแล้ว มีสาระประโยชน์มาก ในชีวิตนี้ชอบ ทานเห็น แต่ ทานเพียงสามชนิดเท่านั้น คือ เห็นฟาง และ เห็นนางฟ้า และ เห็ดหอม