ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สติที่สมบูรณ์  (อ่าน 2125 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
สติที่สมบูรณ์
« เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2013, 09:31:09 pm »
0


สติที่สมบูรณ์
   
การฝึกสมาธิแล้วจริงๆ เป็นการฝึกอบรมวิญญาณอันเป็นนามธรรมของเรา มนุษย์เป็นสัตว์โลกเพียงชนิดเดียวที่สามารถอบรมจิตที่เป็นนามธรรมได้ สามารถเข้าใจในวิญญาณ สามารถศึกษาและฝึกในสิ่งอันเป็นนามธรรมที่พ้นจากสมมติโลกได้ด้วยจิต ด้วยความคิด เราจึงรู้ได้ไกลเกินมิติโลก นั่นก็เพราะจิตอันเป็นนามธรรม เป็นความคิด เป็นมโนภาพ เป็นมโนจิต

สมาธิยังเป็นการอบรมจิตของเราเบื้องต้นให้เกิดภูมิปัญญาต่างๆ เพราะการทำสมาธิมันไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าเราไปหลงวิธีการแล้ว เราจะเข้าใจผิด เวลาที่เราทำสมาธิถ้าเราไปหลงในวิธีการ หลงไปว่าสมาธิจะเข้าถึงได้ด้วยวิธีการที่พิสดารแปลกประหลาด เราก็จะไปหลงในวิธี

แต่ถ้าเรามาเข้าใจว่าสมาธิคืออะไร เราก็จะรู้ว่าวิธีการเข้าถึงสมาธินั้นมีหลายอย่าง ถ้าเราไม่รู้จักสมาธิเลย เราก็จำเป็นต้องใช้อุบายกรรมฐานต่างๆ เพื่อที่จะอบรมจิตเราให้มันค่อยๆ สงบตัวลงทีละเล็กทีละน้อยจนในที่สุดก็ถึงจุดหนึ่งที่เรียกว่าสมาธิ



แต่ถ้าเราเข้าใจสมาธิว่า แท้ที่จริงสมาธิ คือ อาการพรากความคิดออกไปจากจิตเดิมแท้ของมัน จะใช้วิธีใดก็ได้ที่จะแยกความคิดให้เป็นอิสระ ให้จิตอยู่ในภาวะความว่างของช่องว่างที่มันอยู่ภายในจิตอยู่แล้ว สั่งกำหนดก็สามารถกำหนดได้ จิตก็เข้าไปสู่การพรากความคิดเป็นอิสระ

หรือว่าเราให้เครื่องรู้แก่จิตตามความถนัดของเรา เช่น ไปอยู่กับลมหายใจ ไปอยู่กับคำภาวนา ไปอยู่กับภาพนิมิตกสิณ ไปอยู่กับการเคลื่อนไหวต่างๆ ที่จิตมีเครื่องรู้นั้น ให้จิตค่อยๆ แยกออกไป ในที่สุดความคิดมันช้าลง จิตมันเริ่มที่จะไหวตัวถอยออกไป ไม่มีการครอบงำด้วยความคิด จิตก็เป็นอิสระก็ได้สมาธิ นี่คือเบื้องต้นของสมาธิ



อาการสมาธิก็เป็นอย่างนี้ สติก็เป็นส่วนหนึ่งของดวงจิต เมื่ออบรมด้วยแล้ว สติก็จะมีกำลัง สติความรู้ตัวก็มาปรากฏ ตัวสตินี่เองที่พัฒนาเป็นปัญญา ถ้าไม่มีสติมันก็ไม่เกิดภูมิปัญญา สติมันก็เป็นผลงานของจิตนี่แหละ สติมันเริ่มขึ้นมา ตัวรู้เราก็รู้กระทำการสิ่งใดมันก็ไม่เป็นไปในความว่าง เพราะมีสติคุมอยู่

การฝึกสติด้วยการทำสมาธิ หรือการวิปัสสนานั้น ผลประโยชน์อีกอย่างหนึ่งที่ได้จากการทำสมาธิและวิปัสสนา คือ จะทำให้ผู้ฝึกปฏิบัติมีการคิดหลายชั้นกว่าเก่า การคิดหลายชั้นทำให้มีความรอบคอบขึ้น และสามารถทำให้ตัวสติมีการเลือกที่จะทำอะไรหรือไม่ทำอะไร ให้ถูกต้อง ให้ตรงตามศีลธรรม คุณธรรม สติแท้ๆ มันจะเกิดขึ้น ในทางธรรมะจะเรียกการรอบคอบ การคิดหลายชั้นว่า “สติที่สมบูรณ์”


 :25: :25: :25:

แต่ถ้าจิตไม่ได้รับการฝึกจะไม่ค่อยมีความรอบคอบในการคิดและสติในการเลือกที่จะปฏิบัติ จิตที่ไม่ได้รับการฝึกจะเป็นการอารมณ์ตอนนั้นล้วนๆ อย่างคนที่โกรธเอาปืนไปยิงคน ณ ขณะนั้นเขาไม่มีสติ ไม่มีการคิด มีแต่แรงกิเลสที่โมโหอยู่ จึงบันดาลโทสะคว้าปืนมายิง

ตอนนี้คนที่ไม่มีสติในรูปแบบนี้มีเยอะมาก ขับรถปาดหน้ากันก็ยิงกันเลย นั่นเป็นเพราะอะไร เพราะช่วงนั้นสติไม่เท่าทันอารมณ์ ถ้าคนที่ฝึกสติมา อารมณ์มันจะไม่ถึงจุดที่บันดาลโทสะจนควบคุมตัวเองไม่ได้ มันจะมีสติที่ไปคว้าอารมณ์ ไปเท่าทันให้อารมณ์นั้นๆ มันดับไปเสียก่อน สติมันจึงเป็นเรื่องยิ่งใหญ่มาก รู้ไปถึงเรื่องภายในตัวเรา รู้ไปถึงเรื่องโลก รู้ไปถึงนามธรรม.


ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/300613/75721
ขอบคุณภาพจาก http://www.madchima.org/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ