ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: วิถีพุทธของศรีลังกา..ไม่มีพุทธพานิชย์ ไม่เน้นพิธีกรรม  (อ่าน 1197 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29442
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ข้อคิดจากศรีลังกา..นำมาฝากญาติโยมเมืองไทย
บทความจากเฟซบุ๊ก Ariyadhammo Bhikkhu

วันนี้วันเสาร์(24ส.ค.2556) ตอนเย็น ๕ โมงเย็น ได้ลงไปเทศน์ให้โยมที่มาปฏิบัติธรรมเข้าพรรษาได้ฟัง ตอน ๑ ทุ่ม ก็ได้ลงไปบรรยายธรรมให้กับคณะผู้ปฏิบัติธรรมประจำคืนวันเสาร์ ซึ่งมีเป็นประจำตั้งแต่เวลา ๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. เป็นประจำทุกคืนวันเสาร์ วันนี้มีญาติโยมมาร่วมปฏิบัติมากพอสมควรประมาณ ๑๒๐ คน เนื้อหาสาระที่บรรยายในวันนี้ ได้นำสารธรรมที่ได้จากการไปประชุมที่ประเทศศรีลังกา เมื่อวันที่ ๒๑-๒๒ ส.ค. ที่ผ่านมา สรุปเป็นประเด็นได้ดังนี้

   ans1 ans1 ans1

   ๑. ชาวพุทธศรีลังกา เป็นชาวพุทธโดยสายเลือด ไม่ได้เป็นชาวพุทธตามสำเนาทะเบียนบ้านแบบคนไทย จึงมีความรัก ความหวงแหน และความผูกพันในพระพุทธศาสนามาก
   ๒. สาเหตุที่ชาวพุทธศรีลังกาหวงแหนพระพุทธศาสนามาก เพราะครั้งหนึ่งเคยถูกเบียดเบียนบีบคั้นจากศาสนาอื่น ถูกย่ำยีทำลายหัวใจด้วยการทำลายสิ่งที่เคารพนับถือนั้นคือพระเขี้ยวแก้ว แม้จะเป็นของปลอมก็ตาม เมื่อหลุดพ้นจากอิทธิพลของต่างศาสนาให้ชาวพุทธศรีลังการักและหวงแหนพระพุทธศาสนามาก
  ๓. วิถีชีวิตชาวพุทธในลังกายังเป็นพุทธที่บริสุทธิ์ สวดมนต์ไหว้พระ สมาทานศีลเองทุกวัน ไม่มีพุทธพานิชย์ ไม่มีการปลุกเสกเครื่องรางของขลัง ชาวพุทธศรีลังกาไม่ติดยึดในเรื่องเครื่องรางของขลัง เหมือนชาวพุทธเมืองไทย
   ๔. มีงานใดๆ ไม่ว่าจะงานศพ งานสำคัญทางศาสนา พระสงฆ์และชาวพุทธศรีลังกาจะไม่เน้นการสวดมนต์ทำแต่พิธีกรรมเหมือนเมืองไทย มีงานอะไรก็ตามจะเน้นการบรรยายธรรม สนทนาธรรม ปาฐกถาธรรม เน้นการปลูกฝังทางสติปัญญามากกว่าพิธีกรรม


     :sign0144: :sign0144: :sign0144:

   ๕. พ่อแม่ครอบครัวจะเป็นตัวอย่างที่ดี คือ รักษาศีลให้ลูกหลานดู กตัญญูให้ลูกหลานเห็น สุขสงบเย็นให้ลูกหลานสัมผัสได้ วันพระวันอาทิตย์ พ่อแม่จะพาลูกหลานไปวัด สวดมนต์ สมาทานศีล ฟังธรรม ปฏิบัติธรรมภาวนา
   ๖. การบูชาพระของชาวพุทธศรีลังกา ไม่เน้นการจุดธูปเทียนให้แสบจมูกเหมือนเมืองไทย แต่จะนำแต่ดอกไม้ไปวางเรียงหน้าพระพุทธรูปหรือสิ่งสักการะอย่างสวยงาม เมืองไทยเน้นการจุดธูปเทียน ถ้าญาติโยมเยอะๆ จุดธูปคนละสามก้าน ควันธูปเข้าจมูกแสบหูแสบตาไปหมด น้ำตาเทียนย้อยเลอะเทอะเปรอะเปื้อนสกปรกดูแล้วไม่เจริญศรัทธา
   ๗. ชาวพุทธทุกคนถือว่าเป็นหน้าที่ในการทำนุบำรุงปกป้องพระพุทธศาสนา ใครไปยืนหันหลังถ่ายรูปกับพระพุทธรูป ชาวพุทธศรีลังกาจะมาตะเพิดไล่ทันที ถือว่าไม่ให้ความเคารพ ต่างจากเมืองไทยมักจะคิดว่าหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนาเป็นของพระสงฆ์ เวลามีข่าวไม่ดีต่างๆ เกี่ยวกับพระสงฆ์ จะพากันซ้ำเติมเสมอ โดยลืมคิดไปว่า เป็นหน้าที่ของตนเองโดยแท้ในการที่จะต้องช่วยกันรักษาพระพุทธศาสนา

    :96: :96: :96:

   ๘. คณะสงฆ์ศรีลังกาจะเข้มแข็ง เพราะมีกระบวนการกลั่นกรองคนที่เข้ามาบวชอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่ใครนึกจะบวชก็บวชได้ คนที่จะบวชต้องมาอยู่วัดดูนิสัยใจคอกันเป็นปีๆ ต้องศึกษาหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาจนเข้าใจ เมื่อเห็นว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมแล้ว จึงจะนำมาบวชกับประธานสงฆ์ของนิกายนั้นๆ
      ซึ่งแต่ละนิกายก็จะมีสังฆสภา คอยพิจารณากลั่นกรองว่าจะให้ใครบวชไม่ให้บวช เมื่อมีปัญหาอะไรก็จะตัดสินกันในสังฆสภา พระมีน้อยประมาณ ๓,๐๐๐ รูป แต่มีคุณภาพ ต่างจากบ้านเรา
      ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างทำ การบวชมีแต่เรื่องพิธีกรรมขาดสาระแก่นสารของการบวชที่แท้จริง ไม่มีการกลั่นกรองผู้เข้ามาบวช บวชมาแล้วขาดการอบรมฝึกฝน ขาดการควบคุมดูแลตามหลักที่พระพุทธเจ้าทรงกำหนดไว้ องค์กรปกครองสงฆ์มีก็เหมือนกับไม่มี ปัญหาต่างๆ ของคณะสงฆ์จึงมีมากมายและจะมีมากยิ่งๆ ขึ้น ถ้าไม่ปฏิรูปคณะสงฆ์โดยด่วน อันจะเป็นสาเหตุของความเสื่อมศรัทธาของประชาชน

     :49: :49: :49:

    ๙. จากสภาพการณ์ที่ได้เห็นของชาวพุทธในศรีลังกาแล้วย้อนกลับมาพิจารณาชาวพุทธในเมืองไทย ทั้งฝ่ายพระสงฆ์และฆราวาส ก็รู้สึกว่าน่าห่วงใยพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง เข้าทำนองว่า “น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย” ชาวพุทธเมืองไทยสุขสบายทุกประการ เลยหลงลืมพระพุทธศาสนา พากันหลงใหลได้ปลื้มอยู่กับลาภสักการะ
    พิธีกรรมนอกรีตนอกรอยพระพุทธศาสนา ปลุกเสกลงเลขลงยันต์ ขายวัตถุมงคลกันเป็นล่ำเป็นสัน ร่ำรวยกันถ้วนหน้า แต่พระพุทธศาสนาไม่รู้ว่าอยู่ในสภาพอย่างไร น่าห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง เมื่อไรที่ศรัทธาหมด การจะรื้อฟื้นศรัทธามันยากแสนยาก ชาวพุทธไทยไม่เคยลำบาก ไม่เคยสูญเสีย เลยไม่รู้จักคุณค่าของพระพุทธศาสนา ไม่คิดที่จะหันมาช่วยกันรักษาพระพุทธศาสนาที่แท้ให้ฟื้นคืนกลับมา


     :25: :25: :25:

     ประเด็นสุดท้ายได้สรุปให้ญาติโยมทั้งหลายเริ่มต้นปฏิบัติธรรมที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อกระทบกับผัสสะ ให้มีสติระลึกรู้ ไม่ว่าใครจะปฏิบัติในแนวไหน วิธีการแบบใด อย่าไปโจมตีการปฏิบัติของกันและกัน ปฏิบัติแบบไหน วิธีใด ปฏิบัติแล้วความโลภ ความโกรธ ความหลงลดลง ให้ถือว่าถูกต้อง แต่ถ้าปฏิบัติแล้วกิเลสเพิ่มขึ้น โลภ โกรธ หลง มากขึ้น นั้นถือว่าเป็นการปฏิบัติที่ผิดทางของพระพุทธศาสนา

    อย่าไปแบ่งแยกเป็นนิกายนั้นนิกายนี้ พระพุทธศาสนาที่แท้ไม่มีนิกาย ไม่มีมหายาน ไม่มีเถรวาท ไม่มีธรรมยุตไม่มีมหานิกาย มีแต่ศิษย์ตถาคต คือลูกศิษย์พระพุทธเจ้า ถ้าปฏิบัติถูกต้องตามหลักพระธรรมวินัยแล้ว เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าเหมือนกัน แต่ถ้าปฏิบัตินอกคำสอนพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่ว่าจะสังกัดนิกายใดๆ ก็ตาม นั้นคือผู้แปลกปลอม ไม่ใช่สาวกพระพุทธเจ้า ขอให้แต่ละท่านแต่ละคนทำหน้าที่ของตนที่มีที่เป็นให้สมบูรณ์ ให้ถูกต้อง เพราะบุคคลใดก็ตามปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง บุคคลนั้นชื่อว่าปฏิบัติธรรม


บรรยายค่ำวันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ณ พระวิหารหลวง วัดพระมหาธาตุฯ จังหวัดนครศรีธรรมราช เวลา ๑๙.๐๐ น.

ขอบคุณบทความและภาพจาก
www.komchadluek.net/detail/20130827/166733/ข้อคิดจากศรีลังกานำมาฝากญาติโยมเมืองไทย.html#.Uh1e6n_KXHt
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ