ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: นอนสมาธิ สมาธิในขณะนอนหลับ : หลวงพ่อพุธ ฐานิโย  (อ่าน 29108 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29302
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

นอนสมาธิ สมาธิในขณะนอนหลับ
ปุจฉา-วิสัชนา : หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

: เมื่อยังไม่ได้ทำสมาธิภาวนา นอนหลับแล้วไม่ค่อยฝัน แต่เมื่อฝึกทำสมาธิภาวนาแล้ว นอนหลับแล้วมักจะฝันเพราะเหตุใด

: การภาวนาเป็นอุบายที่ทำให้จิตเกิดมีสมาธิ โดยปกติผู้ภาวนาจะบริกรรมภาวนาก็ตาม หรือพิจารณาอะไรก็ตาม หรือดูลมหายใจก็ตาม มันเป็นอุบายให้จิตเกิดสมาธิ วาระแรกของความเกิดมีสมาธิแห่งจิตนั้นคือการนอนหลับ เช่นอย่างเราภาวนาแล้วมันมีอาการเคลิ้มๆ ลงไปเหมือนจะนอนหลับ แล้วก็เกิดเป็นความหลับขึ้นมา

เมื่อหลับลงไปแล้วมันหลับไม่สนิท จิตกลับตื่นเป็นสมาธิอ่อนๆ ในเมื่อจิตมีสมาธิอ่อนๆ จิตมีลักษณะครึ่งหลับครึ่งตื่น แล้วก็มีความรู้สึกว่ามีความสว่างเรืองๆ จิตส่งกระแสออกไปข้างนอก จึงเกิดนิมิตฝันขึ้นมา

อันนี้มันเกิดสืบเนื่องมาจากการฝึกปฏิบัติสมาธิในขั้นต้นๆ เพราะในตอนนี้สติสัมปชัญญะยังไม่มีพลังเพียงพอที่จะประคับประคองจิต ให้อยู่ในสภาวะที่เป็นสมาธิอย่างแน่วแน่ได้ เพราะเมื่อหลับลงไปแล้วความรู้สึกมันรู้สึกลอยๆ คว้างๆ ไปจะว่าหลับก็ไม่ใช่ จะว่าตื่นก็ไม่ใช่ มันอยู่ครึ่งหลับครึ่งตื่น แล้วก็ทำให้เกิดฝัน





: นั่งสมาธิแล้วชา
         
อันนี้เป็นของธรรมดาของกายที่นั่งนานๆย่อมเกิดความมึนชาขึ้นมา ถ้ารู้สึกเจ็บปวดหรือชาขึ้นมาแล้วเราหยุด เปลี่ยนอิริยาบถ สมาธิเป็นกิริยาของจิต เรากำหนดจิตอย่างเดียว ยืน เดิน นั่ง นอน เป็นแต่เพียงการเปลี่ยนอิริยาบถ เป็นการบริหารร่างกายตามหลักสุขภาพพลานามัย ซึ่งผู้ที่เรียนมาทางฝ่ายหมอย่อมจะเข้าใจอยู่แล้ว

ทีนี้เราจะนั่งขัดสมาธิก็ได้ นั่งเก้าอี้ก็ได้ นอนก็ได้ ยืนก็ได้ จิตสมาธิเป็นกิริยาของจิตอย่างเดียว การยืน เดิน นั่ง นอน เราแสดงท่าประกอบเท่านั้น นั่งขัดสมาธิกเรียกว่านั่งสมาธิ เดินจงกรมก็เรียกว่าเดินสมาธิ ยืนกำหนดจิตก็เรียกว่ายืนทำสมาธิ นอนกำหนดจิตเรียกว่า นอนทำสมาธิ


 ans1 ans1 ans1 ans1

ถ้าพยายามทำสมาธิในท่านอนมากๆได้ยิ่งเป็นการดี ถ้าท่านผู้ใดกำหนดจิตทำสมาธิในเวลานอนได้ ถ้านอนลงไปแล้วกำหนดจิตพิจารณาอารมณ์อะไรก็ดี่ เราจะยกมาเป็นเครื่องพิจารณา พิจารณาไปจนกระทั่งนอนหลับ พอหลับแล้วสมาธิจะเกิดขึ้นในขณะที่นอนหลับ

เมื่อสมาธิเกิดขึ้นในขณะที่นอนหลับ กายเราก็จะเบา จิตก็จะเบา เป็นการพักผ่อนอย่างมีประโยชน์ที่สุด แต่ความรู้สึกนั้นอาจจะนึกว่า คืนนี้เรานอนไม่หลับทั้งคืน สมาธิ คือ การนอนหลับ อาการที่จิตก้าวลงสู่สมาธิในขั้นแรก คือการนอนหลับ พอนอนหลับสนิทแล้วสติมันตื่นขึ้นภายใน กลายเป็นสมาธิ การทำสมาธิในเวลานอนนี้รู้สึกจะง่ายกว่าในขณะที่นั่ง

พยายามทำให้บ่อยๆภาวนาพุทโธๆๆหรือพิจารณาอะไรก็ตาม มันช่วยให้เรานอนหลับเร็วขึ้น ในเมื่อหลับเร็วขึ้นเราก็ทำกันอยู่บ่อยๆ จนกระทั่งจิตมันชำนิชำนาญแล้ว ภายหลังการหลับมันจะกลายเป็นสมาธิขึ้นมาเอง อยู่ที่การพยายามอย่างเดียว วิธีการทำสมาธิดังที่อาตมาได้เสนอแนะไปนี้ได้ทดสอบมาแล้ว


gd1 gd1 gd1 gd1

สำหรับท่านผู้ปฏิบัติทั้งหลายนี้ที่ท่านตั้งใจทำจริง ในที่นี้โรงพยาบาลนี้ก็มีบางท่านไปเล่าให้ฟังกัน ท่านภาวนาพุทโธๆยุบหนอพองหนอ สัมมาอรหังก็ไม่ได้ผล ภายหลังท่านมาเปลี่ยนเป็นว่า วิตกถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นมาแล้วเอาสิ่งนั้นมาพิจารณา แม้เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับธรรมะก็ตาม ท่านสามารถทำจิตให้สงบ มีปีติ มีความสุขขึ้นมาได้ แล้วภายหลังก็ไปถามพระ
   
    ไปถามพระภาวนาพุทโธท่านก็บอกว่าทำอย่างนั้นไม่ถูก ทำอย่างของอาตมานี้ถึงจะถูก
    ไปถามยุบหนอพองหนอก็ว่า โอ๊ย...อันนั้นมันทางโค้ง ไม่ตรง ของอาตมานี้สำเร็จ
    ไปถามที่สัมมาอรหังก็ไปแนะนำให้ไปสร้างดวงแก้วดวงแหวน ผมก็ทำไม่ได้
    แล้วมันมีข้อสงสัยขึ้นมาว่า ทำไมพระจึงรู้ไม่เหมือนกัน


    ท่านผู้นั้นไปถามว่า ทำไมพระจึงรู้ไม่เหมือนกัน ในเมื่อทำสมาธิเกิดภูมิความรู้ขึ้นมาแล้ว พระรู้แตกต่างกันก็แสดงว่าธรรมะไม่จริง สมาธิก็ไม่จริง คนปฏิบัติจึงรู้ต่างกัน เห็นต่างกัน
    หลวงพ่อก็เลยไม่รู้ว่าอย่างไร ก็เลยตอบท่านผู้นั้นไปว่า พระที่ท่านไปถามนั้นภาวนาไม่เป็น
 
 st12 st12 st12 st12

เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ท่านไม่ต้องไปเชื่อใครแล้ว สมาธิของท่านที่เล่าให้ฟังนี้เป็นสมาธิที่วิเศษที่สุด นักสังคม นักธุรกิจ นักการงาน นักวิชาการทั้งหลายทั้งปวง ถ้าปฏิบัติได้อย่างท่านนี้วิเศษที่สุดเลย สมาธิอันนี้จะเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่การสร้างให้โลกเจริญ พวกที่นั่งหลับตาไม่เอาไหน มองมาแต่ข้างนอกมีอุปสรรคขัดขวาง นั่นแหล่ะ สมาธิแบบนั้นจะทำให้โลกเสื่อมอย่าเอาเป็นตัวอย่างเลย

เพราะฉะนั้นเอาเรื่องปัจจุบันนี้ที่เรารับผิดชอบอยู่นี้ วิชาที่เรียนมาอะไรก็ได้ วิชาพยาบาล วิชาแพทย์ ใครเคยผ่าตัดวิจัยร่างกายซากศพต่างๆ อะไรนี้เอาสิ่งนั้นมาพิจารณา พิจารณาเรื่องของกายก็เรียกว่ากายคตาสติ พระสงฆ์ท่านว่า หทยัง หัวใจ ปัพผาสัง ปอด ท่านไม่ได้รู้เห็นอย่างพวกท่านหรอก พวกท่านเป็นคุณหมอนี้เอาหัวใจเอาปอดเอาตับไตไส้พุงมาผ่าวิจัยจนกระทั่งไส้เส้นเล็กเส้นน้อยมันอยู่อย่างไร ท่านรู้ละเอียดกว่าพระ แม้หลับตาลงไปเดี๋ยวนี้ก็มองเห็นแล้ว สิ่งใดที่มองเห็นให้เพ่งจิตมองดู พิจารณาในสิ่งนั้นให้ละเอียดลงไปจนกระทั่งจิตมันคล่องต่อการพิจารณาแล้วมันจะได้ผลขึ้นมาเอง


 :25: :25: :25: :25:

เรื่องธรรมะที่ท่านเขียนในพระอภิธรรมว่าจิต 89 ดวง 121 ดวง โลภะมูล 8 โทสะมูล 2 โมหะมูล 2 อะไรนี้ อย่าไปไล่อย่าไปนับมัน เอาแต่เพียงว่าอารมณ์ รูป ที่มันผ่านเข้ามาทางตานี้ เราจะไม่ให้รูปมันบดขยี้หัวใจเราได้อย่างไร เสียงที่มาในหูนี้เราจะป้องกันอย่างไร จะไม่ให้มันเป็นโจรขโมยความปกติของใจเราได้ เอากันที่ตรงนี้

แม้ว่าเราจะไม่รู้ว่ามันมีชื่ออะไรก็ช่าง แก้ไขปัญหาหัวใจให้มีความสุข ความสบาย ทำงานได้สะดวกคล่องแคล่ว นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ความรู้ที่จะไปนับว่าอันนั้นมีเท่านั้น อันนี้มีเท่านี้ เออ!...ถ้าอยากขึ้นเทศน์กินเครื่องกัณฑ์ อย่างอาตมานี้ควรที่จะไปท่องหน่อยอย่างพวกท่านนี้อย่าไปสนใจเลย เอากันแต่เพียงว่าให้มันรู้เท่าทันเหตุการณ์ทั้งภายนอกและภายในใช้ได้แล้ว





: ทำไมถึงว่าสมาธิเกิดในเวลานอนดีที่สุด.?

: ก็เพราะเหตุว่า แทนที่เราจะนอนหลับทิ้งเปล่าๆ สมาธิเกิดขึ้นในขณะนั้นมันเป็นผลดีในการพักผ่อน เพราะเราพักผ่อนในสมาธิ ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เลือดลมหมุนเวียนได้สะดวกและจิตที่เป็นสมาธิในเวลานอนนั้นก็ได้ผลดีไม่แพ้ การนั่งสมาธิ ที่ว่าสมาธิเกิดขึ้นในเวลานอนดีที่สุดก็เพราะว่าการมีสมาธิในท่านั่งบางที มันอาจจะมีไม่นานนัก มีซัก ๕ นาที ๑๐ นาที มันก็ถอน ที่เรามีสมาธิในเวลานอนนี้เราอาจจะมีสมาธิตลอดคืนย่ำรุ่งก็ได้

ข้อมูลจาก http://board.palungjit.org/f4/หลวงพ่อพุธ-ฐานิโย-ตอบปัญหาธรรม-ดีมาก-ๆ-ครับ-ตอบทุกปัญหาที่คนทั่วไปสงสัยมานาน-272454.html
http://www.buddhismthailand.org/qa/puth.php
http://www.buddhismthailand.org/qa/puth2.php
ภาพจาก http://www.thaniyo.net/index.php?option=com_content&view=article&id=47:2010-02-23-03-08-54&catid=1:thaniyodham&Itemid=2
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 27, 2013, 01:04:12 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ