หลวงพ่อพุธ "ได้นิมิตเห็นข้อสอบ" ตอนเรียนเปรียญสาม
ปุจฉา-วิสัชนา : หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
: ที่ทำสมาธิแล้วต้องทำงานในโลกได้ แต่ขณะกำลังศึกษาอยู่นั้นถ้ามีโอกาสได้วิเวกโดยละการงานชั่วคราว ที่ทำให้ศึกษาได้ผลเร็วขึ้นกว่าการศึกษาในการงาน ในข้อนี้จริงหรือไม่
: อันนี้อาตมาจะขอเล่าเรื่องในสมัยที่เป็นนักเรียน ทำสมาธิในขณะที่เป็นนักเรียน พอเลิกจากโรงเรียนแล้วเวลาทำสมาธิไหว้พระ สวดมนต์เสร็จไม่ได้บริกรรมภาวนาอย่างที่ว่า เอาบทที่เราเรียนผ่านมาในวันนั้นมาคิดพิจารณา ทีนี้ถ้าสิ่งใดเราคิดไม่ออก เราก็จดบันทึกเอาไว้แล้วก็คิดอันใหม่ต่อไป
อาตมาเคยปฏิบัติแบบนี้ในขณะที่ศึกษาอยู่แล้ว ก็บางครั้งก็สามารถทำจิตให้เป็นสมาธิได้เหมือนกัน เป็นสมาธิได้จนขนาดที่ว่าก่อนหน้าวันจะสอบเกิดนิมิตขึ้นมา ได้รู้ได้เห็นข้อสอบขึ้น ตอนสอบเปรียญประโยค 3 นี้ได้ข้อสอบตั้ง 2 วิชา คือวิชาแปลและวิชาสัมพันธ์ เพราะอาศัยการทำสมาธิ
ทีนี้การทำสมาธิในขณะที่ศึกษาอยู่นี้เราก็เอาหลักวิชาการของเรานี้แหละมาเป็นหลักกรรมฐาน เช่น อย่างสมมติว่าเราจะเรียนวิชาอะไรในวันนี้พอเลิกจากโรงเรียนแล้วเวลาเราหาที่สงบเวลาค่ำคืนมา หลังจากอ่านหนังสือดูหนังสือแล้ว หรือเราจะเอาเรื่องที่เราอ่านหนังสือดูหนังสือในวันนั้นมากำหนดพิจารณา ตามที่เราได้อ่านได้เรียนมา
เอาหลักวิชาการของเราที่ได้เรียนมาเป็นอารมณ์ของกรรมฐานก็เป็นการปฏิบัติกรรมฐานเหมือนกัน ได้ผลดี ถ้าหากถือโอกาสเวลาว่างๆจากการเรียน เช่น โรงเรียนปิดเทอม จะถือโอกาสไปบวชหรือว่าไม่บวชก็ตาม ไปหาที่สงบวิเวกที่มีครูบาอาจารย์แนะนำ จะไปบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่ชั่วระยะหนึ่งก็จะทำให้เกิดผลดีขึ้น 
: ฝึกสมาธิอยู่ 2 ปี นิสัยก็เปลี่ยน คือชอบอยู่ตามลำพัง อ่านหนังสือธรรมะ อาการอย่างนี้คือกำลังจะเป็นบ้าใช่ไหม
: การทำสมาธิในขั้นต้นๆในเมื่อจิตรู้สึกจะสงบลงไปบ้าง จิตมันติดความสงบ มันชอบอยู่เงียบๆคนเดียว เป็นเรื่องของธรรมดา อันนี้ไม่ใช่กำลังจะบ้าหรอกเป็นธรรมชาติของจิตสงบ มันเป็นอย่างนั้น
ทีนี้ในตอนต้นๆนี้มันสงบแล้วมันจะจ้องเข้ามาในตัวนี้ มันไม่ออกไปข้างนอก ตอนนี้มันยังไม่มีปัญญาแตกฉาน ต่อเมื่อมันมีปัญญาแตกฉานรู้เท่าทันเหตุการณ์ต่างๆแล้วมันจะออกไปมองอยู่ข้างนอก
เรื่องของข้างนอกนี้จิตในขั้นวิปัสสนากรรมฐานนี้จะรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้วุ่นวาย มันเป็นเรื่องที่น่าศึกษาให้รู้ข้อเท็จจริงเพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นสภาวะ เครื่องรู้ของจิต เครื่องระลึกของสติ ทำให้จิตรู้ซึ้งเห็นจริงลงไปว่าทุกสิ่งทุกอย่าง อนิจจัง อนัตตา ทั้งนั้น ในขั้นนี้ก็ปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนี้ก่อนที่มา
http://www.buddhismthailand.org/qa/puth2.phpภาพจาก
http://www.dmc.tv/ ,
http://203.146.129.236/~mbu/