ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สมาธิชาวบ้าน : จิตถอดถอนความเป็นเจ้าของ  (อ่าน 2442 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


สมาธิชาวบ้าน : จิตถอดถอนความเป็นเจ้าของ

เมื่อทำสมาธิได้ถึงระดับหนึ่งจะเกิดสภาวะจิตที่เรียกว่า จิตถอดถอนความเป็นเจ้าของ จิตที่ถอดถอนความเป็นเจ้าของจะเหมือนกับทำลายความเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างทิ้ง เมื่อไรที่มันหมดความเป็นเจ้าของจิตอย่างภาวะพระนิพพาน จิตจะละทิ้งทุกอย่าง

จิตที่มันยังมีเจ้าของอยู่ คือจิตของเรา วิญญาณของเรา เมื่อจิตของเรา วิญญาณของเรายังมีอยู่ จิตดวงนั้นยังคงมีเจ้าของมันก็เลยมีทั้งกรรมดี กรรมชั่ว ที่จิตมันคิดว่าเป็นความจริงของมัน ต่อเมื่อมันปล่อยวางความเป็นเจ้าของ ปล่อยวางจิตนั้นจากเคยมีเจ้าของ กลายเป็นสิ่งที่ไม่มีเจ้าของเป็นธาตุรู้เฉยๆ เป็นดวงจิตที่รวมกับดวงจิตทั่วๆ ไป แต่ไม่มีเจ้าของ

เมื่อเราถอดถอนความเป็นตัวของเราได้ ดวงจิตนั้นก็จะเป็นอิสระ ไม่มีเจ้าของอีกแล้ว อัตตาความเป็นเจ้าของไม่มี มันก็เป็นพระนิพพาน เมื่อดวงจิตไม่มีเจ้าของแล้ว มันก็ไม่มีกรรม กรรมดี กรรมชั่วต่างๆ ที่มันมีกรรมอยู่ก็เพราะมันมีเจ้าของอยู่ จิตของเรา วิญญาณของเรามันเลยมีเจ้าของกรรม ต้องเวียนว่ายตายเกิด เพราะเรายังเป็นเจ้าของมันอยู่

ปฏิบัติสมาธิไปจะพบว่า ทางเดินมันก็มีอยู่เท่านี้ คือ การพยายามจะออกจากวังวนของความคิดความฝัน แล้วในที่สุดมันเป็นเรื่องของนามธรรม เป็นเรื่องของจิตใจ มันไม่มีตัวตนของเรา แต่มันเป็นความคิดภายในจิตของเราซ้อนกันไปเรื่อยๆ ซึ่งมันยากที่เราจะเข้าใจ แต่ว่าเราเกิดเป็นมนุษย์ที่เป็นสัตว์โลกเพียงชนิดเดียวที่สามารถเข้าใจในเรื่องนามธรรมนี้ได้ แล้วจิตสามารถอบรมจิตอันเป็นนามธรรม ไม่ใช่ร่างกายที่เป็นรูปธรรม แต่จิตมันเป็นนามธรรม เป็นความรู้สึก เป็นความคิด แต่ความคิดนี้เราอบรมได้ ก็ถือว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ





มนุษย์เป็นสัตว์ที่อบรมจิตอันเป็นนามธรรมนี้ได้ นามธรรมเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่นามธรรมมันคลุมรูปธรรมอีกทีหนึ่ง รูปธรรมหากพิจารณาแล้ว รูปธรรมเป็นสิ่งที่นามธรรมสร้างขึ้นมา เราต่างเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในความคิดของตัวเราเอง หาทางออกไปไหนไม่ได้ เมื่อความคิดนี้จบลงก็เกิดความฝันเรื่องใหม่เข้ามา วนเวียนอยู่อย่างนี้ ออกจากความคิดความฝันไม่ได้

 ans1 ans1 ans1

จิตดวงนี้ยึดที่ไหน ปรุงที่ไหน ก็จะเกิดเป็นตัวเป็นตนขึ้นที่นั่น ตามมายาความคิดปรุงแต่ง เข้าไปถึงตรงนี้เมื่อไร จิตดำเนินไปในความรู้ รู้ตรงนี้เมื่อไหร่ ก็จะเข้าใกล้พระนิพพาน

จิตที่อยู่ในสมาธิมันจะตอบโต้กับความคิดของเราในหลากหลายรูปแบบ จิตก็ค่อยเป็นอิสระต่อทุกรูปแบบ คนที่ปฏิบัติสมาธิมันก็จะเกิดกำลังขึ้น จิตมันก็จะต่อสู้กับความคิดเรา พอเราเริ่มชนะความคิดที่มันครอบคลุมเรา เราก็จะรู้ถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่

ที่เรารู้ว่าดวงจิตวิญญาณเหล่านี้มีทางสำเร็จมรรคผลนิพพาน ก็เพราะว่าเราเริ่มจะสู้กับความคิดเรา และเราสามารถที่จะชนะความคิดที่ครอบงำเราได้ อย่างกิเลสนี่เป็นความคิดอย่างหยาบๆ เบื้องต้นๆ ถ้าเราเข้าใจแล้ว เราสามารถชนะเราได้ มันเป็นการชนะด้วยความคิด

 st12 st12 st12

การไปชนะรูปธรรมต่างๆ มันเป็นของหยาบๆ มันจะเอามาเทียบกับความคิดที่เราชนะกิเลสภายในไม่ได้เลย การชนะกิเลสอย่างหยาบสุดคือไม่ทำความชั่ว รู้ว่าชั่วก็ไม่ทำมันก็ถือว่าชนะ แต่มันก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับการชนะภายในกิเลสภายในจิตใจ เป็นกิเลสอย่างหยาบๆ ที่ค่อยๆ ชนะมากขึ้นเรื่อยๆ ทำสิ่งใดเห็นสิ่งผิดเป็นชั่ว ถ้ารู้ทันไม่ทำมันก็ชนะมัน เรื่องใจ เรื่องความคิด เป็นเรื่องที่ละเอียด นี่คือการปฏิบัติสมาธิเพื่อละเว้นจากกิเลส เมื่อปฏิบัติแล้วมันก็รู้อย่างนี้ ไม่มีใครรู้ต่างไปจากนี้.


ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/131013/80610
ภาพจาก http://portal.in.th/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1076
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สมาธิชาวบ้าน : จิตถอดถอนความเป็นเจ้าของ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2013, 12:40:18 pm »
0
สาธุ ขอบคุณกับธรรมนี้กับ ละเอียดอ่อน ง่ายๆ เข้าใจง่าย st11
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ