ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระแม่คงคา นำพระศักดิ์สิทธิ์..สู่ไทย  (อ่าน 1253 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29440
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
พระแม่คงคา นำพระศักดิ์สิทธิ์..สู่ไทย
« เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2013, 10:02:14 pm »
0


พระแม่คงคา นำพระศักดิ์สิทธิ์..สู่ไทย
พระแม่คงคา นำพระศักดิ์สิทธิ์สู่ไทย : คอลัมน์ถิ่นไทยงาม

วันนี้ วันเพ็ญเดือน 12 น้ำนองเต็มตลิ่ง เอ่อ...ก็ว่าไปตามเพลง เพราะวันนี้หลายคนบอกว่าน้ำมาทีไรกลัวว่าจะล้นตลิ่งซะทุกทีไป วันนี้เป็นอีกวันที่สำคัญในปฏิทินของไทย เพราะเป็นวันลอยกระทง วันที่คนไทยจะร่วมจิตอธิษฐานขอขมาต่อพระแม่คงคา ฐานที่เราล่วงเกินสายน้ำทั้งทางตรงและทางอ้อม คือทั้งดื่ม ทั้งใช้ ทั้งทิ้งสิ่งปฏิกูลลงไปในน้ำ รวมถึงลอยทุกข์โศกโรคภัย และสิ่งไม่ดี คล้ายกับพิธีลอยบาปของพราหมณ์ และตามความเชื่อที่มีมาแต่โบราณกาล คือเพื่อสักการะรอยพระพุทธบาทนัมมทานที ซึ่งประพุทธเจ้าทรงประทับรอยพระบาทประดิษฐานไว้บนหาดทรายที่แม่น้ำนัมมทานที ในประเทศอินเดีย ปัจจุบันเรียกว่า แม่น้ำเนรพุททา

พูดถึงแม่น้ำ หรือพระแม่คงคา มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นผ่านสายน้ำมากมาย และหนึ่งในนั้นคือเรื่องเล่าขาน ตำนานเกี่ยวกับพระศักดิ์สิทธิ์มากมายหลายองค์ของไทย นับตั้งแต่หลวงพ่อวัดบ้านแหลม หลวงพ่อโสธร ที่ลอยน้ำมาเป็นต้น หรือจะเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ต่างบ้านต่างเมือง ที่เดินทางจากประเทศเพื่อนบ้านมายังไทยผ่านสายน้ำ อย่างพระสุก พระเสริม และพระใส ซึ่งเป็นพระที่เลื่อมใสของทั้งชาวไทย และชาวลาว


 st12 st12 st12

เรื่องราวของพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ มีบอกเล่าเป็นภาพวาดฝาผนังอยู่ที่วัดโพธิ์ชัยถนนประจักษ์ศิลปาคม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.หนองคาย เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ซึ่งเป็นวัดที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปขัดสมาธิราบปางมารวิชัย สมัยเชียงแสน ชั้นหลัง หล่อด้วยทองสุก ที่เชื่อว่าเป็นพระประจำพระธิดาองค์สุดท้องของพระธิดากษัตริย์ล้านช้าง โดยสร้างขึ้นพร้อมกับพระสุก และพระเสริม พระประจำพระธิดาองค์โตและองค์รอง

ในสมัยพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบัญชาให้อัญเชิญพระพุทธรูปทั้งสามมายังสยามประเทศ การอัญเชิญนั้นได้ประดิษฐานหลวงพ่อทั้งสามไว้บนแพไม้ไผ่ล่องมาตามลำน้ำงึม เมื่อล่องมาถึงเวินแท่นได้เกิดอัศจรรย์ คือ แท่นของพระสุกได้แหกแพจมลงในน้ำ โดยเหตุที่มีพายุแรงจัดพัดแพจนเอียงชะเนาะที่ขันพระแท่นติดกับแพไม่สามารถที่จะทนน้ำหนักของพระแท่นไว้ได้ บริเวณนั้นจึงชื่อว่า "เวินแท่น"





ครั้นล่องแพต่อมาจนถึงแม่น้ำโขง ตรงปากงึม เฉียงกับบ้านหนองกุ้ง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย เกิดฝนฟ้าคะนอง พระสุกได้แหกแพจมลงในน้ำ ท้องฟ้าที่วิปริตต่างๆ จึงหายไป บริเวณนั้นจึงได้ชื่อ "เวินสุก" ส่วนพระเสริมและพระใส อัญเชิญถึงหนองคาย ประเทศไทย พระเสริมได้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้ ณ วัดโพธิ์ชัย และอัญเชิญพระใสไปไว้ยังวัดหอก่อง หรือวัดประดิษฐ์ธรรมคุณ

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ขุนวรธานีและเจ้าเหม็น (ข้าหลวง) อัญเชิญพระเสริมจากวัดโพธิ์ชัยลงไปยังกรุงเทพฯ ขุนวรธานีจะอัญเชิญพระใสไปพร้อมกันด้วย แต่เกิดปาฏิหาริย์ โดยพราหมณ์ผู้อัญเชิญนั้นไม่สามารถขับเกวียนนำพระใสไปได้ เพราะเกวียนหักลงทุกครั้ง จึงปรึกษาตกลงกันว่าให้อัญเชิญพระใสมาไว้ที่วัดโพธิ์ชัยแทนพระเสริม และอัญเชิญพระเสริมมาประดิษฐานไว้ที่วัดปทุมวนาราม กรุงเทพมหานคร แต่เพียงองค์เดียว


 :25: :25: :25:

สำหรับพระใสนั้น ใช้คนหามเพี่ยงไม่กี่คนก็อัญเชิญไปที่วัดโพธิชัยได้ และเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก

นี่เป็นเพียงหนึ่งในเรื่องดีๆ ที่สายน้ำนำมาสู่ประเทศไทย ยังไม่รวมถึงเรื่องดีๆ ที่สายน้ำแฝงไว้ในชีวิตเราทุกวัน จนเปรียบได้ว่าน้ำคือชีวิต หากเราอยากมีชีวิตที่ดีก็ต้องร่วมกันดูแลรักษาสายน้ำให้สวย ใส สะอาด คงอยู่ต่อไป


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20131117/172877.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ