ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อานิสงส์ถวายพวงมาลัยดอกมะลิ  (อ่าน 3885 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28530
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
อานิสงส์ถวายพวงมาลัยดอกมะลิ
« เมื่อ: ธันวาคม 12, 2013, 09:44:11 pm »
0


อานิสงส์ถวายพวงมาลัยดอกมะลิ

      ประวัติพระสุมนาราชกุมารี
      ความพิสดารมีว่า ครั้งพระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพวกชาวเมืองคิดกันว่า พวกเราทำการรบเสร็จแล้ว จักยึดพระศาสดาของพวกเราไว้ จึงริเริ่มที่จะได้พระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข อาศัยเสนาบดีแล้วทำบุญตามลำดับ ในวันแรกๆ แห่งวันทั้งหมดเป็นวาระของเสนาบดี.

     ในวันนั้น เสนาบดีเตรียมมหาทานวางคนรักษาการณ์ไว้โดยรอบสั่งว่า วันนี้ พวกเจ้าจงคอยรักษาการณ์ไว้โดยที่ใครๆ อื่นจะไม่ถวายแม้ภิกษาสักอย่างหนึ่ง.
     วันนั้น ภรรยาเศรษฐีร้องไห้พูดกะธิดาซึ่งเล่นกับพวกหญิงสาว ๕๐๐ คนกลับมาแล้วว่า ลูกเอ๋ย หากว่าบิดาของลูกยังมีชีวิตอยู่ วันนี้แม่ต้องนิมนต์พระทศพลฉันเป็นรายแรก.
     ลูกสาวพูดกะมารดาว่า แม่จ๋า แม่อย่าคิดเลย ลูกจักทำโดยวิธีที่พระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข จักฉันภิกษาของเราเป็นรายแรก.





     โดนกีดกันไม่ให้ถวายข้าวปายาสให้พระพุทธเจ้า
     ต่อจากนั้น ธิดาจึงบรรจุข้าวปายาสที่ไม่มีน้ำลงในถาดทองคำมีค่าแสนหนึ่งจนเต็ม แล้วปรุงด้วยเนยใส น้ำผึ้งและน้ำตาลกรวดเป็นต้น เอาถาดอีกถาดหนึ่งครอบ เอาพวงมาลัยดอกมะลิล้อมภาชนะนั้น ทำคล้ายพวงดอกไม้ ครั้นได้เวลาที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเข้าไปบ้าน นางยกเองมีหมู่ทาสีแวดล้อมออกจากเรือนไป.

     ครั้นถึงระหว่างทาง พวกคนรับใช้ของเสนาบดีพูดว่า แม่หนูอย่ามาทางนี้.
     ธรรมดาผู้มีบุญมากย่อมมีถ้อยคำต้องใจคน ถ้อยคำของคนรับใช้เสนาบดีเหล่านั้นซึ่งพูดแล้วพูดเล่า ก็ไม่อาจห้ามไว้ได้.
     นางกล่าวว่า ท่านอา ท่านลุง ท่านน้า ทำไมท่านไม่ให้เราเข้าไปเล่า.
     คนรับใช้กล่าวว่า แม่หนู ท่านเสนาบดีตั้งพวกเราให้คอยรักษาการณ์ โดยสั่งว่า พวกเจ้าจงอย่าให้ใครๆ อื่นนำของเคี้ยวและของกินเข้ามาเป็นอันขาด.

    นางกล่าวว่า ก็พวกท่านเห็นของเคี้ยวของกินในมือของฉันหรือ.
    คนรับใช้พูดว่า เห็นแต่พวงดอกไม้จ้ะ.
    นางถามว่า ท่านเสนาบดีของพวกท่านไม่ให้ทำแม้การบูชาด้วยดอกไม้ด้วยหรือ.
    คนรับใช้พูดว่า ให้จ้ะแม่หนู.
    นางกล่าวว่า ถ้าเช่นนั้นพวกท่านหลีกไปสิ แล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้ากราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์ทรงให้รับพวงดอกไม้เถิดพระเจ้าข้า.





    ใช้พวงมาลัยดอกมะลิช่วย ได้ถวายข้าวปายาสให้พระพุทธเจ้าสมใจ
    พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแลดูคนรับใช้ของเสนาบดีคนหนึ่ง แล้วให้รับพวงดอกไม้ไว้ นางถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วตั้งความปรารถนาว่า
    เมื่อข้าพระบาทบังเกิดในภพน้อยภพใหญ่ ขออย่าให้มีชีวิตอยู่ด้วยความหวาดสะดุ้งเลย ในภพที่ข้าพระบาทเกิด ขอให้เป็นที่รักดุจพวงดอกไม้นี้ และขอให้มีชื่อว่าสุมนาเถิด.
    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เจ้าจงมีความสุขเถิด ดังนี้
    นางถวายบังคมแล้วกระทำประทักษิณ กราบทูลลากลับไป.

    พระผู้มีพระภาคเจ้าก็เสด็จไปยังเรือนของเสนาบดีประทับนั่งเหนืออาสนะที่เขาปูไว้ เสนาบดีถือข้าวยาคูน้อมเข้าไปถวาย.
    พระศาสดาทรงเอาพระหัตถ์ปิดบาตรไว้.
    เสนาบดีกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หมู่ภิกษุนั่งแล้ว พระเจ้าข้า.
    พระศาสดาตรัสว่า เราได้บิณฑบาตหนึ่งในระหว่างทาง.
    เสนาบดีนำมาลาออกได้เห็นบิณฑบาต.
    จูฬุปัฏฐากคนรับใช้ใกล้ชิดกล่าวว่า นายขอรับ ผู้หญิงพูดลวงกระผมว่าดอกไม้.
    ข้าวปายาสเพียงพอแก่ภิกษุทั้งหมด นับแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นต้นไป เสนาบดีได้ถวายไทยธรรมของตน.
    พระศาสดาเสวยเสร็จแล้ว ตรัสมงคลกถาเสด็จกลับ.

    เสนาบดีถามว่า หญิงที่ถวายบิณฑบาตชื่อไร.
    ธิดาเศรษฐีขอรับ.
    เสนาบดีคิดว่าหญิงมีปัญญา เมื่อมาอยู่ในเรือน ชื่อว่าสวรรค์สมบัติของบุรุษไม่ใช่หาได้ยากเลย ดังนี้
    จึงนำนางนั้นมาตั้งไว้ในตำแหน่งหัวหน้า.
    นางก็จับจ่ายทรัพย์ในเรือนของมารดาและในเรือนของเสนาบดี ถวายทานแด่พระตถาคตบำเพ็ญบุญตลอดอายุ





    จุติในสวรรค์ มีฝนดอกมะลิตกเต็มทั่วเทวโลก
    ครั้นจุติจากนั้นก็ไปบังเกิดในเทวโลกฝ่ายกามาวจร.
    ในขณะที่นางเกิดนั้นเอง ฝนดอกมะลิตกเต็มทั่วเทวโลกประมาณแค่เข่า.
    ทวยเทพคิดว่า เทพธิดานี้ถือเอาชื่อของตนด้วยตนเองมา จึงตั้งชื่อเทพธิดานั้นว่า สุมนา.
    เทพธิดานั้นท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษย์โลกตลอด ๘๙ กัป ในที่ที่นางเกิดแล้วๆ ฝนดอกมะลิก็ตกไม่ขาด จึงมีชื่อว่าสุมนาอย่างเดิม.





     เกิดเป็นธิดาพระเจ้าโกศล มีฝนดอกมะลิตกประมาณแค่เข่าในวันคลอด
     ก็ครั้งนี้ นางได้ถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระอัครมเหสีของพระเจ้าโกศล
     ในวันนี้เอง กุมาริกา ๕๐๐ ก็ถือปฏิสนธิในตระกูลนั้นๆ แล้วคลอดจากครรภ์มารดาในวันเดียวกันหมด.
     ในขณะนั้นเอง ฝนดอกมะลิตกประมาณแค่เข่า.

     พระราชาทอดพระเนตรเห็นพระธิดานั้นทรงปลื้มพระทัยว่าราชธิดานี้จักเป็นผู้สร้างบุญกุศลมาก่อน ทรงดำริว่าธิดาของเราถือเอาชื่อของตนด้วยตนเองมา จึงพระราชทานพระนามของพระธิดานั้นว่า สุมนา แล้วทรงให้ค้นหาทั่วพระนครด้วยทรงดำริว่า ธิดาของเราคงจะไม่เกิดเพียงผู้เดียวเท่านั้น ทรงสดับว่ามีทาริกา ๕๐๐ เกิด จึงโปรดเกล้าให้เลี้ยงไว้ทั้งหมดด้วยพระองค์เอง รับสั่งว่า เมื่อถึงเดือนหนึ่งๆ พวกเจ้าจงนำมาแสดงแก่ธิดาของเราดังนี้.
     พึงทราบว่า พระธิดาทรงกระทำมหาสักการะ แล้วตั้งความปรารถนาไว้ จึงได้พระนามอย่างนี้.





     อายุ ๗ ขอบได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าสำเร็จโสดาบัน
     เวลาพระธิดามีพระชนม์ได้ ๗ พระชันษา เมื่ออนาถปิณฑิกเศรษฐีสร้างวิหารเสร็จ จึงส่งทูตไปกราบทูลพระตถาคต พระศาสดามีหมู่ภิกษุเป็นบริวารได้เสด็จไปยังกรุงสาวัตถี.

     อนาถบิณฑิกเศรษฐีได้ไปกราบทูลพระราชาว่า ขอเดชะ ข้าแต่พระมหาราชเจ้า การเสด็จมา ณ ทีนี้ของพระศาสดา เป็นมงคลทั้งแก่ข้าพระองค์ ทั้งแด่พระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดเกล้าให้พระสุมนาราชกุมารีพร้อมด้วยทาริกา ๕๐๐ ถือหม้อน้ำและของหอมและดอกไม้เป็นต้น รับเสด็จพระทศพลเถิด พระเจ้าข้า.

     พระราชาตรัสว่า ดีแล้วเศรษฐี แล้วทรงกระทำตามนั้น.
     พระธิดาก็เสด็จไปตามที่พระราชาทรงแนะนำ ถวายบังคมพระศาสดา แล้วทรงบูชาด้วยของหอมและดอกไม้เป็นต้น แล้วประทับอยู่ ณ ส่วนข้างหนึ่ง.

     พระศาสดาทรงแสดงธรรมแก่พระธิดา.
     พระธิดาพร้อมด้วยกุมารี ๕๐๐ ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล.
     ทาริกา ๕๐๐ มาตุคาม ๕๐๐ และอุบาสก ๕๐๐ แม้เหล่าอื่นก็ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผลในขณะนั้นเหมือนกัน.
     ในวันนั้นมีโสดาบัน ๒,๐๐๐ ในระหว่างทางนั้นเอง...ฯลฯ...



ที่มา อรรถกถา อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต ปฐมปัณณาสก์ สุมนวรรคที่ ๔
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=22&i=31
ขอบคุณภาพจาก
http://victory-25.com/
http://topicstock.pantip.com/
http://img844.imageshack.us/
http://www.tamsabye.com/
http://sangkae.files.wordpress.com/
http://static.cdn.thairath.co.th/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ