“โบรโม” ลมหายใจของเทพเจ้า
โดย...ปรียนิจ กุลตั้งเจริญ
*โบรโม* ภูเขาไฟที่ยังไม่หลับใหลเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติโบรโมเทงเกอร์เซเมรู บนเกาะชวาตะวันออก การเดินทางไปท่องเที่ยวที่นี่ค่อนข้างสะดวกสบาย แค่เดินขึ้นเขาเป็นระยะสั้นๆ ก็จะได้สัมผัสกับมหัศจรรย์ของธรรมชาติแล้ว
ภูเขาไฟนี้มีความสูง *2,329* เมตร ไฮไลต์เด็ดอยู่ที่การชมพระอาทิตย์ขึ้น และชมปากปล่องภูเขาไฟที่ยังมีควันพวยพุ่งออกมาอยู่ตลอดเวลา
โบรโม ถูกเรียกว่า ลมหายใจของเทพเจ้า “Breathe of God” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู บนปากปล่องภูเขาไฟจะมีชนพื้นเมืองขึ้นไปประกอบพิธีเซ่นไหว้ โดยการโยนอาหาร ดอกไม้ ลงไปในปล่องภูเขาไฟ เพื่อสักการะเทพเจ้า
การเดินทางไปชมพระอาทิตย์ที่นี่ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะไปพักที่หมู่บ้านเจเมอโร ลาวัง (Cemero Lawang) 1 คืนก่อน ตื่นตั้งแต่เช้ามืด หรือเวลาตี 3 นั่งรถจี๊ปขึ้นไปยอดเขาพีนาจากัน ซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุด
อากาศที่หนาวเย็นบนยอดเขาสูง ทำให้กิจการให้เช่าเสื้อโค้ตและอุปกรณ์กันหนาวสำหรับนักท่องเที่ยวค่อนข้างคึกคัก เพราะคนต่างถิ่นไม่คิดมาก่อนว่าอากาศจะหนาวถึงขนาดต้องพึ่งอุปกรณ์ป้องกัน นอกจากนี้ระหว่างทางเดินจุดชมวิวยังมีร้านค้าอีกมากขายเครื่องดื่มร้อน อาหาร แก่นักท่องเที่ยวให้ได้อุ่นท้อง
เมื่อเดินไปถึงจุดชมวิว มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมารอชมแสงแรกของวัน จนจุดริมรั้วแน่นขนัดไปด้วยผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ที่ต่างเพ่งมองไปยังความมืดเพื่อรอแสงสีส้มโผล่พ้นขอบฟ้า
เมื่อเวลานั้นมาถึง ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ความงามขึ้นอีกครั้ง ภาพเบื้องหน้าประกอบไปด้วยหมู่ภูเขาไฟเรียงตัวอยู่ในจุดที่เหมาะสม คือ ภูเขาไฟโบรโม ภูเขาไฟบาต๊อก และภูเขาเซเมรู พร้อมกับทะเลหมอกที่ปกคลุมอยู่ในหุบเขา และลอยตัวค่อยๆ สลายไปเมื่อแสงอาทิตย์มาเยือน ในเวลานี้กล้องถ่ายรูปทุกกล้องทำงานกันไม่หยุด แม้ว่าจะกดไปเป็นวิวเดิมซ้ำๆ แต่ก็หยุดกดชัตเตอร์ไม่ได้เลยทีเดียวพอฟ้าสว่าง ก็ถึงเวลานั่งรถจี๊ปลงจากภูเขา ระหว่างทางจะได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามและแปลกตาอยู่ตลอดทาง และเมื่อถึงพื้นราบรถจี๊ปต้องวิ่งลุยไปในเถ้าภูเขาไฟสีเทาที่กว้างใหญ่คล้ายทะเลทรายสีดำ ขบวนรถวิ่งไปสู่จุดจอดรถ จากนั้นนักท่องเที่ยวต้องออกเดินเท้าต่อ แต่ครั้งนี้เลือกได้ว่าจะเดินเท้าหรือขี่ม้าฝ่าทะเลขี้เถ้าไปตีนภูเขาไฟโบรโม ระยะทางไม่ไกลมาก แต่เดินยากพอสมควร และมีเส้นทางลาดชันเป็นระยะ อีกทั้งยังมีฝุ่นคลุ้งตลอดทางจนต้องหยิบหน้ากากป้องกันฝุ่นมาใส่ หรือหาผ้ามาโพกบริเวณตีนเขาเป็นจุดที่ทุกคนต้องเริ่มต้นเดิน เพื่อขึ้นบันไดไปสู่ปากปล่องภูเขาไฟ แม้จะเป็นเส้นทางที่ไม่สูงมาก แต่ระหว่างทางมีที่หยุดพักเป็นระยะ ยิ่งเดินเข้าใกล้จุดหมายเท่าไหร่ กลิ่นกำมะถันก็ยิ่งแรงขึ้นเท่านั้น จนก้าวสุดท้ายจากบันไดจะเป็นขอบของปากปล่องภูเขาไฟ โดยมีรั้วคอนกรีตกั้นเพื่อกันนักท่องเที่ยวตกลงไปปากปล่องภูเขาไฟนี้แตกต่างจากที่อื่น เพราะเมื่อมองลงไปจะมีลักษณะคล้ายหลุมที่มีควันลอยขึ้นมาตลอดเวลา กลิ่นกำมะถันบนยอดเขาแรงจนทำให้ต้องหันหน้าออกจากปากปล่องเป็นระยะๆ นักท่องเที่ยวชาวไทยมาที่นี่ไม่น้อย จากที่ได้เจอกันบ้างระหว่างรายทางขากลับใครที่ใช้บริการม้า ทั้งม้าและเจ้าของม้าจะมายืนรออยู่อย่างพร้อมเพรียง และพานักท่องเที่ยวกลับมายังรถจี๊ปที่มีหน้าตาเหมือนกันได้อย่างถูกต้อง การเดินทางทั้งหมดนี้ใช้เวลาตั้งแต่ตี 3 ถึง 7โมงเช้า หลังจากนั้นรถจี๊ปจะพากลับโรงแรมเพื่อรับประทานอาหารเช้า
การมาเยือนโบรโมไม่ยากอย่างที่คิด ทำให้มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาชมความสวยงาม จึงอยากให้คนไทยลองหันมาท่องเที่ยวในประเทศอาเซียนใกล้ๆ บ้านดูบ้าง เพราะยังมีอีกหลายสถานที่ที่สวยงามแปลกตา คุ้มค่ากับการเดินทางเพื่อทำความรู้จักกับอาเซียนอย่างแท้จริงขอบคุณภาพและบทความจาก
www.posttoday.com/ธุรกิจ-ตลาด/AEC/264529/โบรโม-ลมหายใจของเทพเจ้า