ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: หนึ่งปีมีครั้ง...สรงน้ำ "พระบาง" พระคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบาง  (อ่าน 1309 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29299
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

เจ้าหน้าที่อัญเชิญพระบางออกจากหอพระบางเพื่อนำขึ้นประดิษฐานบนวอ

หนึ่งปีมีครั้ง...สรงน้ำ "พระบาง" พระคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบาง

       วันนี้ (17 เม.ย.) เป็นวันที่ชาวหลวงพระบางจะอัญเชิญพระบาง พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองออกมาให้ประชาชนได้สรงน้ำกันเนื่องในโอกาสวันปีใหม่ โดยได้มีพิธีอัญเชิญพระบางออกจากหอพระบาง บริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑ์หลวงพระบางในเวลาเช้า ก่อนจะอัญเชิญขึ้นวอ และเข้าขบวนแห่ โดยมีพระสงฆ์เดินนำขบวน ตามด้วยประชาชนชาวหลวงพระบางทั้งเด็ก หนุ่มสาว และผู้ใหญ่ที่แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองที่เข้าร่วมในขบวนพร้อมพานดอกไม้บูชาพระ


ขบวนพระสงฆ์เดินนำหน้าวอพระบาง

      ขบวนแห่มุ่งหน้าไปยังวัดใหม่สุวันนะพูมารามซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหอพระบางมากนัก จากนั้นจึงอัญเชิญพระบางเข้าประดิษฐานในปะรำพิธีด้านหน้าพระอุโบสถ มีพิธีทางสงฆ์ ก่อนที่ "ปู่เยอ-ย่าเยอ" ที่เป็นดังเทวดาอารักษ์ เป็นดังตัวแทนบรรพบรุษของชาวลาว และเป็นที่นับถืออย่างสูงของชาวลาวทั่วไป จะขึ้นสรงน้ำพระบางก่อนเป็นคู่แรก ตามด้วยบุคคลสำคัญและนางสังขารทั้งเจ็ด จากนั้นจึงให้ประชาชนขึ้นสรงน้ำพระกันได้ และพระบางจะประดิษฐานให้ประชาชนได้สรงน้ำที่วัดใหม่สุวันนะพูมาราม 3 วันด้วยกัน


เริ่มเคลื่อนขบวนออกจากบริเวณหอพระบาง

       พระบางเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบาง เป็นพระพุทธรูปสำริดปางประทานอภัย มีความสูง 1.14 ม. มีอายุอยู่ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 18 ศิลปะเขมรแบบบายนตอนปลาย มีพุทธลักษณะคือประทับยืนยกพระหัตถ์ขึ้นทั้งสองข้าง นิ้วพระหัตถ์เรียบเสมอกัน พระพักตร์ค่อนข้างเป็นรูปสี่เหลี่ยม พระนลาฏกว้าง พระขนงเป็นรูปปีกกา พระเนตรเรียว พระนาสิกค่อนข้างแบน พระโอษฐ์บาง พระเศียรและพระเกตุมาลาเกลี้ยงสำหรับสวมเครื่องทรง


พระบาง พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบาง

      ตำนานเล่าว่า ในสมัยเจ้าฟ้างุ้มผู้รวบรวมแผ่นดินลาวให้เป็นปึกแผ่น พระองค์ได้นำพุทธศาสนาจากเขมรเข้ามาเผยแผ่ยังดินแดนล้านช้าง พร้อมอาราธนาพระมหาปาสมันต์เถระ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ในนครอินทปัตถ์มายังล้านช้างด้วย พร้อมกันนั้นได้นำ "พระบาง" พระพุทธรูปประทับยืน ศิลปะเเบบหลังบายนของเขมรมาด้วย แต่เดิมพระบางประดิษฐานอยู่ที่เมืองเวียงคำ ก่อนจะอัญเชิญมาประดิษฐานที่เมืองเชียงทองในสมัยพระเจ้าวิชุลราช และได้เปลี่ยนชื่อเมืองเชียงทอง เป็นเมืองหลวงพระบางตามชื่อนามพระพุทธรูปที่เป็นศรีแก่เมือง


ชาวเมืองหลวงพระบางแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองร่วมในขบวนแห่พระบาง

      พระบางได้ย้ายมาประดิษฐานที่เมืองเวียงจันทน์เมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้ย้ายเมืองหลวงของล้านช้างมายังนครจันทบุรี (เวียงจันทน์) และได้นำพระบาง รวมทั้งพระแก้วมรกต พระแทรกคำ พระบุษยรัตน์ มายังเวียงจันทน์ และประดิษฐานที่เวียงจันทน์เรื่อยมา ก่อนที่กองทัพสยามในสมัยกรุงธนบุรีจะนำกองทัพมายึดอาณาจักรล้านช้างในปี 2322 และได้นำพระบาง พระแก้วมรกต และพระพุทธรูปสำคัญลงไปยังธนบุรีด้วย ต่อมาภายหลังในแผ่นดินรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 จึงได้พระราชทานพระบางให้แก่เจ้านันทเสนเจ้านครเวียงจันทน์นำกลับไปประดิษฐานที่เวียงจันทน์ดังเดิม


อัญเชิญพระบางมาประดิษฐานไว้ที่วัดใหม่สุวันนะพูมารามให้ประชาชนสรงน้ำ

       จนกระทั่งในปี 2371 ในสมัยรัชกาลที่ 3 เกิดศึกเจ้าอนุวงศ์ ในครั้งนั้นกองทัพสยามได้ปราบทำลายนครเวียงจันทน์ลงอย่างราบคาบ และได้เข้าไปปกครองดินแดนของล้านช้างเวียงจันทน์และจำปาสักเองทั้งหมด หลังจากศึกครั้งนั้นได้มีการอัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญจากเวียงจันทร์จำนวนหลายองค์มาประดิษฐานไว้ที่กรุงเทพฯ อีกครั้ง รวมถึงพระบางด้วยเช่นกัน โดยรัชกาลที่ 3 ได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบางให้ประดิษฐานอยู่ที่วัดจักรวรรดิราชาวาสหรือวัดสามปลื้ม จนกระทั่งสมัยรัชกาลที่ 4 พระองค์พระราชทานพระบางกลับคืนให้ล้านช้างอีกครั้ง และพระบางก็ได้ประดิษฐานคู่เมืองหลวงพระบางอีกครั้งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา


ปู่เยอย่าเยอเป็นคู่แรกที่ได้สรงน้ำพระบาง

      และเมื่อเร็วๆ นี้ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2556 ที่ผ่านมา ได้มีพิธีอัญเชิญพระบางที่เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์หลวงพระบางมาประดิษฐานยัง "หอพระบาง" ที่เพิ่งสร้างแล้วเสร็จ หลังใช้เวลาสร้างนานกว่า 20 ปี โดยหอพระบางหลังใหม่ที่ประดิษฐานพระบางนี้ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง สถาปัตยกรรมเป็นงานช่างหลวงพระบาง หลังคาแอ่นโค้งซ้อนลดหลั่นกัน 3 ชั้น ประดับช่อฟ้า 17 ช่อ (เท่าพระอุโบสถวัดเชียงทอง) มีการตกแต่งด้วยกระจกสีทั้งด้านนอกและภายใน

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000042722
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขออนุโมทนาสาธุ st12 st11 st11 st12
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา