พิมพ์

[raponsan]

วิธีใช้สมาร์ทโฟนราคา 'พัน' คุ้มค่าระดับ 'หมื่น'

ปัจจุบันมี “สมาร์ทโฟน” มากมายในตลาด หลากหลายรุ่นหลากหลายดีไซน์ ราคาตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักหมื่น ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกให้ซื้อและเปรียบเทียบได้มากขึ้น ซึ่งในยุคเศรษฐกิจปัจจุบันที่หลายคนต้องรัดเข็มขัดแบบนี้ การเลือกซื้อสมาร์ทโฟนในราคาที่ไม่แพงและสามารถตอบสนองความต้องการใช้งานของผู้บริโภคได้มากที่สุด นั่นแหละถึงจะเรียกว่า “คุ้มจริง”
 
“กิตติพงศ์ กิตติภัสสร” ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาด บมจ.ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น ให้คำแนะนำว่า สำหรับการเลือกซื้อโทรศัพท์ให้คุ้มค่านั้น เรื่องแรกที่ต้องพิจารณา คือ ระบบปฏิบัติการ (โอเอส) ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุดในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟน
 
โอเอส ก็คือ ปัจจัยที่ทำให้มือถือเก่งขึ้น เป็นมากกว่าแค่การโทรเข้าหรือรับสาย ซึ่งในตลาดมือถือตอนนี้ก็มี 3 ระบบที่นิยมใช้ ได้แก่  ไอโอเอส ของแอปเปิล อิงค์ ที่เด่นด้านมัลติมิเดีย อีกระบบคือ วินโดว์ส โฟน ของไมโครซอฟท์ คอร์ป ที่เด่นด้านการใช้งานจัดการเอกสารเพื่อใช้ในการทำงาน แต่ที่ดูจะเป็นที่นิยมมาก ก็คือ ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เพราะเป็นระบบที่ใช้งานได้ง่าย เน้นใช้งานมัลติมีเดียหลากหลายรูปแบบ และเป็นระบบปฏิบัติการแบบเปิด ทำให้มีแอพพลิเคชั่นใน Play Store รวมๆ กว่า 8 แสนแอพพลิเคชั่น
 
 

ประการที่ 2 คือ สเปคตัวเครื่อง หากจะซื้อสมาร์ทโฟนทั้งทีต้องซื้อเครื่องที่แรงๆ หน่อย ก็หมายถึงเครื่องที่ทำงานได้รวดเร็ว ต้องเลือก ซีพียู (หน่วยประมวลผลกลาง) ที่แรงเร็ว ซึ่งบางครั้งก็เกินความจำเป็นทำให้ราคาสูงสิ้นเปลืองเปล่าๆ ดังนั้น สำหรับการใช้งานแบบทั่วไป ควรเลือกเป็น ซีพียู แบบ ดูอัล คอร์ (Dual Core) หรือ 2 แกนประมวลผล เป็นความเร็วมาตรฐานที่ใช้ทำงานและเล่นเกมทั่วไป ส่วน ควอด คอร์ (Quad Core) หรือ 4แกนประมวลผล จะรองรับการเปิดใช้งานได้หลายๆ โปรแกรมพร้อมกัน (Multitasking) และเล่นเกมแบบภาพ 3D ได้ แต่ราคาเครื่องจะสูง จำง่ายๆ ว่ายิ่ง ซีพียู มี คอร์ ยิ่งเยอะ เครื่องยิ่งแรง จะยิ่งแพง

ถัดมา คือ จอภาพ ที่แบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ จอ LCD และ AMOLED (มีเฉพาะยี่ห้อ Samsung)  จากนั้นก็พิจารณาที่ “หน่วยความจำ” ให้ดูการใช้งานของคุณเป็นหลัก มาตรฐานทั่วไปอย่างน้อยต้องมี RAM 512MB  และ ROM 1G  ถ้าใช้งานแค่ด้านโซเชียลเน็ตเวิร์ก เล่นไลน์ เล่นเฟซบุ๊ก ควรจะมีความจุประมาณ 1-4 กิกะไบต์ (GB) ถ้าชอบดาวน์โหลดแอพต่างๆ เช่น เกม โปรแกรมแต่งภาพ ประมาณ 8 กิกะไบต์ น่าจะเหมาะ แต่หากชอบถ่ายรูปและถ่ายคลิปวิดีโอรวมถึงตัดต่อแล้วล่ะก็ ความจุ 16-32 GB น่าจะดีที่สุด
 
 

อีกส่วนที่ต้องพิจารณา คือ “กล้องดิจิทัล” ถ้าถ่ายภาพและแชร์ผ่านเฟซบุ๊ก ไลน์ กล้องหลังความละเอียดอย่างน้อย 2 เมกะพิกเซลก็เพียงพอแล้ว หลายๆ คนจะคิดว่า ยิ่งกล้องมีความละเอียดมาก ยิ่งถ่ายภาพได้สวย จริงๆ ก็ไม่เชิงถูกต้อง เพราะยิ่งความละเอียดสูง ไฟล์ภาพก็ยิ่งสูง แต่ถ้าถ่ายภาพเพื่อแชร์ในโซเชียลเน็ตเวิร์ก จะทำให้อัพโหลดช้าไปอีก
 
และสุดท้าย คือ แอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่ใส่ในเครื่อง และนำมาใช้ในไลฟ์สไตล์เรา ทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นมากกว่าเดิมและคุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนไป ยกตัวอย่างเช่น สมาร์ทโฟนของเราสามารถแปลงร่างเป็นเครื่องจีพีเอสนำทาง (มูลค่า 4-5 พันบาท) เครื่องคิดเลขแบบวิทยาศาสตร์ (มูลค่า 1-2 พันบาท) กล้องถ่ายรูป (มูลค่า 3-4 พันบาท) เครื่องสแกนเอกสาร (มูลค่า 5 พันบาท) และอื่นๆ อีกมากมาย จะเห็นว่า แค่มีสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวประมาณ 5 พันบาท ก็สุดจะคุ้มแล้ว
 
ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20140615/186474.html