ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คนเราต้องมี "เครื่องอยู่"  (อ่าน 2647 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
คนเราต้องมี "เครื่องอยู่"
« เมื่อ: มิถุนายน 18, 2014, 09:50:28 am »
0


คนเราต้องมี  "เครื่องอยู่"
วิปัสสนาบนหน้าข่าว โดยพิสุทธิ์ เกรียงบูรพา เรื่อง เศกสันติ กัลยาณวิสุทธิ์ ภาพ

สายวันฝนตกทิ้งทวนฤดูร้อน ผมได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับพระป่าวัยหนุ่มรูปหนึ่ง ครูบาหลง หรือ พระบวร สุจิตโต ชาวเชียงตุง ท่านเคยติดตามรับใช้พระเกจิอย่างหลวงตามหาบัวมาก่อน เคยบีบเฟ้น ปรนนิบัติ หลวงตาครั้งยังเป็นเณร ผมถามท่านว่า หลวงตาฯ เคยสอนธรรมอะไรมาบ้าง ขอโอกาสท่านเล่าสู่กันฟังให้ได้เป็นบุญหูกับโยมหน่อย ท่านเล่าว่า ...

“โอ๊ย ... เป็นบุญของอาตมา ได้ติดตามรับใช้หลวงตาอยู่ช่วงหนึ่ง ท่านมีความละเอียดมาก สอนให้เรามีสติอยู่ตลอดเวลา ระวังอะไรๆ ที่จะเข้ามาทางหู ตา จมูก ปาก ฯลฯ ไม่ให้กิเลสตัณหา มาทำอันตรายได้เลย ให้รู้เท่าทัน กิเลสตัวไหนมาก่อน ก็พิจารณาแล้วตัดก่อน ...”

“ผมขอโอกาสถามท่าน ... ท่านบวชแต่วัยรุ่น กระทั่งเป็นพระหนุ่ม ต้องต่อสู้กับกิเลสกามราคะโดยธรรมชาติของวัยไม่ใช่น้อย ท่านใช้วิธีอย่างไร มีอะไรเป็นเครื่องอยู่ครับ?”

“โอ๊ย (พระอีสาน ท่านชอบอุทานก่อนเป็นสไตล์) ... มันก็ต้องต่อสู้ โดยใช้ ศีล-สมาธิ-ปัญญา เป็นหลัก กรอบของศีลก็เข้มงวดตามธรรมวินัยนั่นเองแหละ เป็นเครื่องคุ้มครองอย่างดี เมื่อสติดี มันก็ไม่พลาด มองเห็นเวทนามาเป็นครั้งๆ เราก็พิจารณาแล้ววางลงไป ... มันวางเฉยๆ ดั่งปากว่า ไม่ง่ายนะโยม ... มันต้องมีสติเห็น เห็นแล้ว ก็ใช้ปัญญามาน้อมพิจารณาอย่างแยบคายจริงๆ มันถึงจะวางลงได้เครื่องอยู่ของพระ ก็ปฏิบัติจิตภาวนา เดินตามพ่อแม่ครูบาอาจารย์นั่นแหละ”


 :25: :25: :25:

“แล้วคนเราที่ผจญโลกอันมีสิ่งเร้าอารมณ์ที่รุนแรง รวดเร็วอย่างในปัจจุบัน จะใช้อะไรเป็นเครื่องอยู่ล่ะครับท่าน?”

“คนเราทุกคนต้องมีเครื่องอยู่ ไม่ว่าจะเป็นพระอย่างอาตมา หรือฆราวาสอย่างโยม ให้โยมลองสังเกต คนในสังคมทั่วไป เขาไม่อาจปล่อยจิตให้อยู่ลำพังได้นาน บ้างก็จะออกไปห้างสรรพสินค้า จิตก็จะไปจับอยู่ที่การช็อปปิ้งบ้าง ผู้ชายอาจจะไปนั่งกินเหล้ากับเพื่อน จิตจะได้เกาะอยู่กับวงสนทนาบ้าง บางคนก็ใช้การดูทีวี บางคนก็ใช้การฟังเพลง บางคนก็ใช้การท่องเที่ยว ฯลฯ ต่างๆ นานา ... คือยังไม่มีหลักธรรมที่ชัดเจน จิตยังเคว้งคว้าง หาเครื่องอยู่ที่ถูกต้องไม่ได้”

     “คล้ายจิตเป็นอนาถาหรือครับท่าน?”

“ทำนองนั้น  ธรรมชาติของจิตมันว่องไว จึงต้องหาอะไรเกาะยึดอยู่เสมอ และคนส่วนมากยังปลีกวิเวก ทำจิตสงบกันไม่เป็น จึงหาเครื่องอยู่อันประเสริฐยังไม่ได้”

 st12 st12 st12

ผมน้อมคิดตามที่ท่านสอน ไล่ตั้งแต่สัตว์โลกที่ผมเคยมีประสบการณ์ได้สัมผัสมา เช่น นกขุนทอง ถูกรถชนข้างถนน ผมเก็บมาเลี้ยงได้ ๔ ปีแล้ว มันใช้การกล่าวทักทาย คนที่เดินผ่านไปมาว่า “สวัสดี” เป็นเครื่องอยู่ กระต่ายวัยชรา ที่ผมเลี้ยงมา ๑๐ ปี ใช้การนอนกลางวัน เป็นเครื่องอยู่ ฯลฯ ไปถึงผู้คนทั่วไป คุณยายเพื่อนบ้าน อาศัยการเตรียมอาหารเพื่อใส่บาตรทุกเช้า เป็นเครื่องอยู่ ลูกชายมหาเศรษฐี ใช้การสะสมเครื่องบินเล็ก บังคับวิทยุ เป็นเครื่องอยู่

คุณย่าคุณภาพ ท่านหนึ่ง อาศัยการดูแลรับส่งหลานอย่างใกล้ชิดเป็นเครื่องอยู่ แม่ค้าตามตลาด อาศัยหวยรัฐบาล เป็นเครื่องอยู่ เดือนละ ๒ หนก็ยังดี  พี่สาววัยเกษียณ อาศัยการบริหารพอร์ทหุ้นเป็นเครื่องอยู่ ปัจจุบันเธอกลายเป็นโบรกเกอร์ประจำครอบครัวไปแล้ว คุณหญิงไฮโซ คนหนึ่งเธออาศัยการบริจาคงานการกุศล ได้ออกทีวีเป็นที่รู้จักกว้างขวาง เชิดหน้าชูตา เป็นเครื่องอยู่ สาวกลัทธิเมาบุญ อาศัยความงมงายได้เห็นมโนนินิต ยึดติดตามอุปทานหมู่ ตู่เสมือนได้นิพพาน จึงบริจาคทานเต็มตัว การสะสมบุญตุนเสบียง เป็นเครื่องอยู่ของพวกเขา และอื่นๆ อีกมากมายที่ต่างมี "เครื่องอยู่" เป็นของตัวเอง

เท่าที่สาธยายมา ก็เห็นแต่ "เครื่องอยู่" ในทางโลกอันสวนทางพระนิพพานเสียเป็นส่วนมาก ดูๆ ไปก็ลำบากใจครับ แล้ว อะไรคือธรรมเป็นเครื่องอยู่ (วิหารธรรม) ของพระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกทั้งหลาย ?


 ans1 ans1 ans1

พุทธดำรัสตอบ ... “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าพวกปริพพาชกผู้ถือลัทธิอื่นจะพึงถามเธอทั้งหลายว่า...พระสมณโคดมอยู่จำพรรษาด้วยวิหารธรรมข้อไหนเป็นส่วนมาก เธอทั้งหลายพึงตอบอย่างนี้ว่า พระผู้มีพระภาคอยู่จำพรรษาด้วยสมาธิ อันประกอบด้วยอานาปานสติมาก...

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเมื่อจะกล่าวถึงสิ่งใดโดยชอบ...พึงกล่าวถึงสมาธิอันประกอบด้วยอานาปานสติว่า เป็นธรรมเครื่องอยู่ของพระอริยะบ้าง ของพรหมบ้าง ของพระตถาคตบ้าง ภิกษุเหล่าใดเป็นเสขะยังไม่บรรลุพระอรหัตผล ปรารถนาความเกษมจากโยคะอันยอดเยี่ยมอยู่ สมาธิอันประกอบด้วยอานาปานสติอันภิกษุนั้นเจริญแล้ว เพิ่มพูนแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นอาสวะ ภิกษุเหล่าใดเป็นอรหันตขีณาสพ...สมาธิอันสมัปยุตด้วยอานาปานสติ อันภิกษุเหล่านั้นเจริญแล้ว...ย่อมเป็นไปเพื่อความอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน และเพื่อความมีสติสัมปชัญญะ....” (อิจฉานังคลสูตร มหา. สํ. (๑๓๖๔-๑๓๖๗ ))

 :96: :96: :96:

ว่าโดยง่าย คือ ใช้สุญญตาวิหารเป็นเครื่องอยู่ นั่นเอง ...ใช้ได้ดีทั้งพระหรือฆราวาสก็ตาม อย่าคิดว่า พุทธพจน์ที่พระองค์ตรัสไว้ จะเป็นแนวทางเฉพาะแก่พระภิกษุสงฆ์เท่านั้นนะครับ แท้ที่จริง เครื่องอยู่ชนิดนี้เหมาะสมกับทั้งพุทธบริษัท ๔ (ภิกษุ, ภิกษุณี, อุบาสก, อุบาสิกา) โดยเสมอกันนั่นแหละ พระพุทธเจ้ายังปรารภไว้ด้วยว่า ยิ่งกับคฤหัสถ์ ผู้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกกิเลสรุมเร้า ยิ่งจำเป็นจะต้องมีสุญญาตาวิหารเป็นเครื่องอยู่มากกว่าพระเสียอีก ... เปรียบประดุจเตาหลอมเหล็กกล้าอันร้อนแรง ยังมีสุญญตา (ความว่าง) อยู่ใจกลางเตาหลอมนั้น เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงนั่นเอง

อานาปานสติเป็นอุบายชั้นเลิศของการอยู่ในสุญญตาวิหาร ... เพราะลมหายใจ ติดตัวเราไปอยู่ในทุกขณะ ทุกสถานที่ เราอาจจะลืมโทรศัพท์มือถือ หรือเอกสารสำคัญ ก่อนออกจากบ้าน แต่เราไม่เคยลืมที่จะเอาลมหายใจไปด้วยเสมอ

อานาปานสติ ใช้ลมหายใจเป็นเครื่องอยู่ของสติ ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา เข้าสู่ความว่างได้ทั้งในยามหลับตาหรือลืมตา ทั้งในอิริยาบถที่นิ่งเฉย (เช่นขณะนั่งสมาธิ) หรือ ในอิริยาบถที่กำลังเคลื่อนไหว


 st11 st11 st11

เครื่องอยู่ชนิดนี้มีกันทุกคน เพียงแต่ต้องอาศัยการฝึกฝนและพัฒนาอย่างเป็นระบบและมีสัมมาทิฏฐิเท่านั้น ใครใช้เป็นแล้ว จะไม่เหงา เปล่าเปลี่ยวเดียวดาย แม้จะอยู่วิเวกโดยลำพังก็ตาม (คนเมืองให้ลองสังเกตดู พวกท่านอาจกำลังเหงาสุดขั้วหัวใจ แม้ขณะอยู่ท่ามกลางผู้คน เพื่อนฝูง และเสียงดนตรีคลอเคล้า ก็ได้?) เครื่องอยู่ชนิดนี้ยังไม่ต้องอิงอาศัยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใดๆ ไม่ว่าจะเป็น ทีวี วิทยุ สมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์ก็ตาม ไม่ต้องอาศัยผู้คน ญาติมิตร ทั้งไม่ต้องใช้สตางค์แม้แต่บาทเดียว

เป็นไปตามพุทธพจน์จริงๆ ... นัตถิ สันติ ปะรัง สุขขัง (สุขอื่นนอกเหนือจากความสงบไม่มี) และเครื่องอยู่ชนิดนี้แหละครับ ที่พัฒนาหัวจิตหัวใจของคนเรา ให้ยกระดับดีกรีที่สูงขึ้น ละเอียด ปราณีตยิ่งๆ ขึ้น จนเริ่มสังเกตเห็นด้วยตัวท่านเองแล้วว่า... ความทุกข์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มันค่อย ผ่อนคลาย จืดจาง เบาบางลงเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนกระทั่งสิ้นทุกข์ อย่างไม่เหลือวิสัยเลยทีเดียว

                :25: :25: :25:

                ฟังผมเล่ามาตั้งนาน ... แล้วท่านล่ะครับ ใช้สิ่งใดเป็นเครื่องอยู่?

                “เครื่องอยู่”  ชูใจ  ใครกันเล่า?
                ช่วยขัดเกลา กิเลส  ให้ผ่อนลง
                หรือพอกพูน ตัณหา พาให้หลง?
                เมาอัตตา เพิ่มล้น เกินบรรยาย

                “เครื่องอยู่” ควรคู่ธรรม อันประเสริฐ
                เพราะจะเปิด ทางนิพพาน สว่างใส
                ละความอยาก ความยึด อยู่ร่ำไป
                เป็นหลักชัย ให้เกษม อิ่มเอมเอยฯ

                :49: :49: :49:

ขอเชิญร่วมงาน "มหกรรมภาษา ศาสนา และวัฒนธรรมอาเซียน" ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จ.พระนครศรีอยุธยา วันที่ ๒๗-๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๗ ฟังปาฐกถาพิเศษเรื่อง "ประชาคมอาเซียน : เอกภาพในความหลากหลาย" (Asean Community : Unity in Diversity) โดยพระพรหมบัณฑิต ศ.ดร.ราชบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร.๐-๓๕๒๔-๘๐๙๘

ขอบคุณบทความและภาพจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20140612/186360.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ