ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: จงอย่าบอกว่า...รักผู้อื่น ถ้ายังไม่รู้ วิธีการรักตัวเองอย่างถูกต้อง  (อ่าน 2086 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29290
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



'ณ ดินแดนอันประเสริฐ' : บาตรเดียวท่องโลก โดยพระพิทยา ฐานิสฺสโร

ฝนตกปรอยๆ เสียงน้ำตกที่ไหลกระทบหิน ต้นไม้เขียวขจีสดชื่น อากาศที่บริสุทธิ์ นานาสรรพสัตว์บรรเลงบทเพลงแห่งธรรมชาติ ยุง มดที่มีในทุกที่จำนวนมาก ทุกอย่างที่ปรากฏร่วมกันต่างทำหน้าที่ในตัวของตัวเอง ไม่มีสิ่งใดดีหรือร้าย ล้วนแล้วแต่มีเหตุผลแห่งการเกิดขึ้นเสมอ

ณ วัดผาลาด (สกิทาคามี) เชียงใหม่ ทางขึ้นดอยสุเทพ เปิดโอกาสให้ทุกชีวิตไม่ว่าชาวไทยหรือชาวต่างชาติให้มีโอกาสมาสัมผัสธรรมชาติที่งดงามมีกลิ่นอายของเมืองเหนือและความเป็นโบราณสถาน แต่ละคนอาจมีจุดมุ่งหมายที่ต่างกันในการมา ณ ที่แห่งนี้ แต่อย่างน้อยก็ได้รับความสดชื่น ประทับใจ สงบกายเย็นใจไม่มากก็น้อยจากธรรมชาติที่รายล้อม


 :25: :25: :25:

ผู้ร่วมภาวนาที่มาร่วมใช้ชีวิตด้วยกันอย่างสงบ แต่ละคนต่างนำความฟุ้งซ่าน ความกังวล ความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ รวมทั้งความเจ็บปวดในรูปแบบที่ต่างกัน แต่ต่างมีจุดหมายเดียวกันเพื่อเยียวยา รักษา กล้าเผชิญกับความทุกข์เหล่านั้นด้วยจิตใจที่อ่อนโยนตามวิถีของตน และต่างเสริมสร้างพลังในทางบวกหยิบยื่นให้กันและกัน มองแต่ความผิดพลาดของตน ลดความเป็นตัวตน ยอมรับความไม่น่ารักที่เคยมีอย่างที่เป็น แต่ตระหนักรู้ที่จะไม่ทำหรือซ้ำเติมด้วยการกระทำซ้ำ หยุดความคิดที่ไม่ดี และกลับมาสัมผัสปัจจุบันที่กำลังเป็นอยู่อย่างแท้จริง

สิ่งที่ไม่ดี ไม่น่ารักในจิตใจปรากฏซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนหลายคนบอกว่าเหนื่อยไม่อยากเห็น ไม่อยากมี และไม่สงบ แต่ทุกคนก็อดทน และยิ้มกับสิ่งเหล่านั้นอย่างอ่อนโยน กลับมาตามรู้ลมหายใจด้วยสติที่มี แม้ล้มหลายๆ ครั้ง แต่ไม่เคยท้อและให้อภัยกับผิดพลาดเหล่านั้น มองเป็นโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงสร้างพลังดีมาทดแทนทีละนิดๆ ด้วยลมหายใจแห่งสติ และนั่งผ่อนคลาย โดยให้ธรรมชาติบริสุทธิ์ที่รายล้อมโอบกอด ดูแลความเจ็บปวดเหล่านั้น ไม่ต่อสู้ ดิ้นรน วิ่งหนีอย่างที่เคยกระทำมาอีกต่อไป


 st11 st11 st11

การที่ไม่วิ่งหนีความเจ็บปวดทางกายและทางใจด้วยการเสพสื่อเทคโนโลยี ให้ความบันเทิงต่างๆ ทางประสาทสัมผัสมาสร้างความเพลิดเพลิน ตื่นเต้น กล่อมจิตให้มัวเมาลุ่มหลง หรือหันหน้าเข้าพึ่งยาเสพติด ฯลฯ เป็นเหตุให้เราต้องเผชิญความจริงแห่งความเหงา โดดเดี่ยว อ้างว้างในตัวเอง

ช่วงสามวันแรกเหมือนการนำสารพิษในร่างกายและจิตใจออก ทำให้ผู้ภาวนาหลายคนอาจได้รับความฟุ้งซ่าน ความท้อใจมากกว่าความสงบ ร่างกายอาจไม่ปกติ ดังนั้นสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติบริสุทธิ์สามารถช่วยได้มากที่จะเยียวความเจ็บปวดทั้งหลายเหล่านั้น รวมทั้งพลังร่วมของผู้ปฏิบัติที่อยู่ด้วยกันจะช่วยให้เรากลับมาสัมผัสปัจจุบันที่แท้จริงได้ง่ายขึ้น


 st12 st12 st12

วันที่สี่ของการภาวนา เราต่างสัมผัสความมหัศจรรย์ของปัจจุบันได้มากขึ้น ความสงบ อ่อนโยน ความเมตตาได้ปรากฏแก่ผู้เข้าภาวนา และเรามีกำลังใจ มีความเพียรอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องฝืนเหมือนสามวันแรก เราสามารถสัมผัสความงดงามของธรรมชาติอย่างที่มันเป็น รู้สึกขอบคุณ สำนึกบุญคุณต่อธรรมชาติ รวมทั้งสรรพชีวิตที่เกื้อกูล ให้เรามีชีวิตอยู่ได้จนถึงวันนี้ เรารับรู้ได้ว่าจิตใจเราดิ้นรน และไขว่คว้าความสุขเทียมจากภายนอกน้อยลง

การภาวนาจึงเปรียบเสมือนการเรียนรู้ที่จะกลับมารักตัวเองอย่างแท้จริง เพื่อไม่ปล่อยให้ตัวเองตกเป็นเหยื่อความไม่ดีของความคิด คำพูดและการกระทำ และเผชิญกับสิ่งเหล่านั้นด้วยท่าทีที่อ่อนโยนและสร้างพลังบวกในตัวเองมาทดแทน ไม่วิ่งหนีความจริงที่การกล่อม มอมเมา จิตให้ลุ่มหลง เพลิดเพลิน ตื่นเต้น โดยใช้ลมหายใจแห่งสติและธรรมชาติที่บริสุทธิ์เป็นยารักษาโรคด้วยความอดทน เพียรพยายาม ตั้งใจ และปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับชีวิต จึงจะหมดสิ้นไป

                ฉะนั้นจงอย่าบอกว่ารักผู้อื่น ถ้ายังไม่รู้วิธีการรักตัวเองอย่างถูกต้อง เพราะมันไม่จริง
                ความทุกข์ในตน คือ รากแห่งปัญหาทั้งปวง


ขอบคุรภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20140626/187150.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ