ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: วัดสระเกศปั้น พระรุ่นใหม่ใฝ่ไอที เป็นวิทยากรสอนธรรม  (อ่าน 1081 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29449
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


วัดสระเกศปั้น พระรุ่นใหม่ใฝ่ไอที เป็นวิทยากรสอนธรรม
อบรมภาคแรกของวิทยากรกระบวนการ พัฒนางานกระบวนธรรม ค่ายอารยาภิวัทธ์ จ. สุพรรณบุรี : พระมหาขวัญชัย กิตฺติเมธีรายงาน

เมื่อวันที่ ๒๖-๒๙ มิถุนายนที่ผ่านมา  สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์  ร่วมกับกลุ่มเพื่อชีวิตดีงามได้อบรมผู้เข้าอบรมภาคแรก "วิทยากรกระบวนการ พัฒนางานกระบวนธรรม" ที่ค่ายอารยาภิวัทธน์ สหปฏิบัติ จ.สุพรรณบุรี

 :25: :25: :25:

พระวิจิตรธรรมาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ วัดสระเกศได้กล่าวเปิดและให้โอวาทแก่ผู้เข้าร่วมอบรมประมาณ ๕๐ รูปโดยเน้นถึงความเป็นพระรุ่นใหม่นั้นต้องสามารถเผยแผ่ได้ทุกที่  ทุกโอกาสโดยอาศัยสื่อทุกอย่าง เช่น หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ เป็นต้น  เพื่อให้ทุกรูปได้ตระหนักเห็นความสำคัญของการเผยแผ่พระพุทธศาสนาตลอดเวลา  ก่อนจะถือโอกาสหลังจากการเปิดโครงการฯ ท่านเจ้าคุณฯ ให้พระภิกษุที่เข้าร่วมอบรมรักษาพระธรรมวินัยด้วยการฟังพระปาฎิโมกข์ก่อนเป็นอันดับแรก  เพื่อให้เป็นไปตามหลักไตรสิกขาคือศีล สมาธิ และปัญญา

การอบรมครั้งนี้ได้รับความเมตตาจากเจ้าของสถานที่คือคณะของคุณป้าปุบผา คณิตกุลและมูลนิธิบรรจงสนิทที่ได้กล่าวถึงค่ายอารยาภิวัทธน์นี้เกิดขึ้นจากการอบรมเยาวชนโดยกลุ่มพระวิทยากรจากวัดสระเกศตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน  จึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับพระวิทยากรและผู้เข้าร่วมอบรมในครั้งนี้


 :96: :96: :96:

กิจกรรมเริ่มต้นจากการทำวัตรสวดมนต์ นั่งสมาธิ  ก่อนจะแนะนำพระวิทยากรให้ผู้เข้าอบรมได้รู้จัก  และได้ลงกลุ่มทำกิจกรรมที่เน้นการสนทนาให้คำปรึกษาตามหลักจิตวิทยาพระพุทธศาสนา  โดยวิธีการสนทนานี้พระมหานภันต์ สนฺติภทฺโทได้กล่าวสรุปว่า "เราต้องเน้นการฟังเสียงจากหัวใจไม่ใช่แค่เสียงที่ออกจากปาก  มองด้วยหัวใจไม่ใช่แค่ด้วยตา ถึงจะสามารถพัฒนาคนได้อย่างแท้จริง  หรือกล่าวง่ายๆ ว่าเป็นการตีอก ชกหัว  คือมอบหัวใจ  แล้วให้หัวคิด"

และขณะเดียวกันก็ต้องเน้นการสื่อสารแบบสองทางตามที่พระมหาขวัญชัย  กิตฺติเมธีได้กล่าวเสริมว่า "การสื่อสารทางเดียวไม่ได้ทำให้เราเข้าใจผู้อื่นได้ดีพอ  ต้องสื่อสารสองทางคือฟังสิ่งที่คนอื่นพูดด้วย  ถามบ้างเพื่อให้เขาได้แสดงออก  จึงจะทำให้เราเข้าใจกันและฟังกันมากขึ้น"


 ans1 ans1 ans1

การอบรมวิทยากรกระบวนการจึงเน้นให้ผู้เข้าอบรมได้ฝึกการฟังและการสร้างความสนใจต่อผู้อื่น อย่างเช่น  กิจกรรมสายน้ำแห่งชีวิตที่ให้ผู้เข้าอบรมวาดภาพสายน้ำแทนตัวเราแล้วให้แต่ละคนเล่าความเป็นมาของตัวเอง  เมื่อใครเล่าทุกคนที่เหลือต้องตั้งใจฟังและความคิดเห็นหรือให้กำลังใจกัน

พระมหานวพล กัลยาณเมธีผู้เข้าอบรมได้เล่าชีวิตตัวเองผ่านสายน้ำว่า "แม่น้ำคือชีวิตของผมนั้นคือทะเล เพราะทะเลไม่เคยปฏิเสธสายน้ำจากที่ไหน  ไม่ว่าจะสะอาดหรือสกปรกก็รับได้ทั้งหมด คนเราก็ควรทำใจดังทะเลที่กว้างและลึก พร้อมจะรับทุกเรื่อง และปล่อยวางไม่ยึดติด  ผมก็พยายามที่เป็นเช่นทะเลนั้น"  พอได้แง่คิด เราทุกคนในกลุ่มได้สนทนากันต่อจึงเกิดความรู้เพิ่มเติมว่า "ถ้าใครทำชีวิตเหมือนแม่น้ำลำคลองที่ตื่นและแคบ ไม่ว่าจะโยนอะไรลงไปก็พร้อมจะเน่าเสียได้ตลอดเวลา"


 ans1 ans1 ans1

กิจกรรมสุดท้ายก่อนจากกัน  คือการได้เล่าประสบการณ์จากเป็นวิทยากรกลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม  โดยมีคำถามหนึ่งจากผู้เข้าอบรมว่า  "พระอาจารย์ครับ ผมเห็นคนอื่นเขาไปทำงานกันแค่สี่คนห้าคน ทำไมกลุ่มพระอาจารย์ถึงใช้คนเยอะ ไปกันทีละสิบคน สิบห้าคน"  พระวิทยากรก็ช่วยกันตอบ  "การไปเป็นกลุ่มแล้วมันอบอุ่นครับ มีอะไรก็ช่วยตักเตือนกัน ให้เกียรติกัน ส่งเสริมความเป็นพี่น้องระหว่างกันและกัน ความผูกพันระหว่างครูบาอาจารย์ พี่น้องผองเพื่อน ทำให้เราเดินมาได้ไกล ที่สำคัญพออยู่ในกลุ่มแล้วเราก็จะตัวเล็กลง ทำให้ไม่หลงตัวเอง" 

เพราะการทำงานเป็นกลุ่มได้นั้น  ต้องไม่มีใครสำคัญมากน้อยกว่ากัน  ทุกคนสำคัญเท่ากันหมด  จึงจะสามารถทำงานทุกอย่างได้ประสบความสำเร็จ และพัฒนาตนไปพร้อมๆ กับช่วยคนอื่นพัฒนาไปด้วยกันอย่างแท้จริง


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20140703/187528.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ