พิมพ์

[raponsan]

10 ปีทุนเล่าเรียนหลวง พระมหากรุณาวงการสงฆ์ไทย

ผกามาศ ใจฉลาด ... รายงาน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระอนุสรณ์คำนึงถึงว่า โดยที่พระภิกษุสามเณรเป็นผู้มีหน้าที่ปฏิบัติตามพระวินัยโดยเคร่งครัดและธำรงรักษาตลอดจนเผยแผ่พระธรรมคำสอนแก่ประชาชนทั่วไป อันเป็นการสร้างความสงบร่มเย็นให้เกิดขึ้น แก่สังคม ประเทศชาติและแก่โลก

ถ้าหากพระภิกษุสงฆ์และสามเณรมีโอกาสได้รับการศึกษาพุทธธรรมในขั้นสูง สามารถค้นคว้าและทำความเข้าใจพระไตรปิฎกอย่างแตกฉานจะสามารถเข้าถึงแก่นแท้ของพุทธพจน์ได้ด้วยตนเองและนำไปปฏิบัติอย่างถูกต้องจนบรรลุธรรมแล้วนำไปสั่งสอนพุทธบริษัทต่อไปได้อย่างไม่ผิดเพี้ยนการบำรุงพระภิกษุสามเณรด้วยวิธีการนี้ จึงเป็นทางสำคัญที่จะช่วยจรรโลงและเผยแผ่พระพุทธศาสนาสืบต่อไป



5 กุมภาพันธ์ 2547 หรือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ในมหามงคลวโรกาส ทรงเจริญพระชนมพรรษา 76 พรรษา 5 ธันวาคม 2546 ทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย แบ่งเป็น 10 ประเภท

อาทิ ทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ในกำกับของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) และมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) ทุนการศึกษาระดับเปรียญธรรม 6, 7, 8 และ 9 กำกับดูแลโดยกองบาลีสนามหลวง ทุนหน่วยปฏิบัติการพระธรรมทูตดีเด่น กำกับดูแลโดยกองงานพระธรรมทูต ทุนสำนักเรียนและสำนักศาสนศึกษาดีเด่น ส่งเสริมสำนักเรียนและสำนักศาสนศึกษาในแต่ละเขตปกครองคณะสงฆ์ที่มีผลงานดีเด่น กำกับดูแลโดยกองบาลีสนามหลวง
 
 

รวมไปถึง ทุนสถาบันพระบาลีศึกษาดีเด่น เพื่อส่งเสริมสถาบันบาลีศึกษา อันได้แก่ โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลีประจำจังหวัด สำนักเรียน ทุนสำนักปฏิบัติธรรม/สถานปฏิบัติธรรมดีเด่น เพื่อส่งเสริมสำนักปฏิบัติธรรมในเรื่องการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานที่สอดคล้องกับความต้องการของสังคมและพุทธศาสนิกชน

จึงได้จัดสรร ทุนสำนักปฏิบัติธรรมดีเด่นให้กับวัดและสำนักปฏิบัติธรรม กำกับดูแลโดยศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ และ ทุนโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญดีเด่น เพื่อส่งเสริมการศึกษาในกลุ่มสามเณรของโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญดีเด่น กำกับดูแลโดยกองธรรมสนามหลวง เป็นต้น
 


จากนั้นวันที่ 21 พฤษภาคม 2547 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  พระราชทานทุนปฐมฤกษ์ให้โครงการ เพื่อสนับสนุนพระภิกษุและสามเณรให้มีโอกาสศึกษาพุทธศาสนาชั้นสูง ต่อมา 24 กันยายน 2547 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับเป็น นายกกิตติมศักดิ์โครงการ และ พระราชทานพระบรมราชานุญาตเชิญพระมหามงกุฎประกอบเป็นตราโครงการ และเริ่มถวายทุนตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา โดยมี ฯพณฯ พล.อ.อ.กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี ประธานกรรมการโครงการ เป็นผู้เชิญทุนในพิธีถวายทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทยเป็นประจำทุกปี ดังนี้

11 มิถุนายน 2547 จำนวน 152 ทุน เป็นเงิน 1,271,000 บาท, 22 มิถุนายน 2548 จำนวน 242 ทุน เป็นเงิน 2,186,000 บาท, 22 มิถุนายน 2549 จำนวน 312 ทุน เป็นเงิน 2,756,000 บาท, 19 มิถุนายน 2550 จำนวน 381 ทุน เป็นเงิน 3,280,000 บาท, 9 กรกฎาคม 2551 จำนวน 379 ทุน เป็นเงิน 3,253,000 บาท, 29 มิถุนายน 2552 จำนวน 1,053 ทุน เป็นเงิน 10,058,000 บาท, 7 กรกฎาคม 2553 จำนวน 2,220 ทุน เป็นเงิน 12,916,000 บาท
 
21 กรกฎาคม 2554 จำนวน 1,419 ทุน เป็นเงินทั้งสิ้น 9,169,000 บาท 16 กรกฎาคม 2555 จำนวน 808 ทุน เป็นเงินทั้งสิ้น 6,559,000 บาท 8 กรกฎาคม 2556 จำนวน 937 ทุน เป็นเงินทั้งสิ้น 10,658,000 บาท
 


และล่าสุดเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมา ได้มีจัดพิธีถวายทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ประจำปี 2557 ที่ศาลาปฏิบัติธรรมพระชินวงศ์สภา วัดพิชยญาติการาม โดยมี สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ มี ฯพณฯ พล.อ.อกำธน สินธวานนท์ องคมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส มอบทุน 423 ทุน เป็นเงิน 8,458,000 บาท รวมสรุปถวายทุนเล่าเรียนหลวงรอบ 10 ปี จำนวน 8,326 ทุน เป็นเงินกว่า 70 ล้านบาท
 
 

ฯพณฯ พล.อ.อ.กำธน กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ทรงมีความห่วงใยต่อการศึกษาพระธรรม-บาลีของพระภิกษุ สามเณร อยากให้รู้ลึกซึ้งในธรรมะของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง จึงทรงตั้งเป็นทุนเริ่มต้นไว้ 13 ล้านบาท จากนั้นก็มีผู้สมทบทุนเพิ่มเติมบ้าง แต่ก็ไม่มากมายอะไรนัก โอกาสต่อไปอาจจะขยายให้ถวายแด่พระภิกษุสามเณรเพื่อไปเรียนต่างประเทศบ้าง ที่สำคัญอยากช่วยอุดหนุนพระนักเผยแผ่ให้มากขึ้นเพื่อท่านจะได้มีความรู้และสอนเป็น เช่นเดียวกับครูถ้าไม่มีความรู้ก็ไม่สามารถสอนนักเรียนได้ โดย การเทศน์สอนธรรมะควรมีทุกครั้งที่มีพิธีสงฆ์ซึ่งจะดีกว่าการสวดมนต์อย่างเดียวที่สวดเป็นภาษาบาลี
 
“เวลานิมนต์พระไปทำบุญวันเกิด หรือขึ้นบ้านใหม่ก็ขอให้พระเทศน์สอนสั้นๆ เมื่อชวนเด็กไปวัดบอกว่าให้ไปฟังพระเทศน์เด็กไม่อยากไป บอกว่าอยู่บ้านพ่อแม่เทศน์ก็เยอะแล้ว พอบอกจะให้ไปฟังพระเทศน์อีกเด็กก็ไม่เอาแล้ว เด็กๆ เขาอยากฟังการเทศน์สอนที่ทันยุคทันสมัยมากกว่าการเทศน์แบบเดิมๆ ดังนั้น โครงการทุนเล่าเรียนหลวงจึงอยากให้พระท่านฝึกเทศน์เพื่อจะได้สอนคนได้ถูกต้อง” องคมนตรี กล่าว

ขอขอบคุณข้อมูล/ภาพเว็บไซต์โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย www.kstm.or.th
ที่มา http://www.komchadluek.net/detail/20140714/188122.html