ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: วอนกรมศิลป์บูรณะโบสถ์ "ลาวครั่ง" อายุ 235 ปี  (อ่าน 1386 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29432
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


วอนกรมศิลป์บูรณะโบสถ์ "ลาวครั่ง" อายุ 235 ปี

ชาว "ลาวครั่ง" ใน อ.ดอนตูม จ.นครปฐม วอนให้กรมศิลปากรช่วยบูรณะ "โบสถ์โบราณ" อายุกว่า 235 ปี สร้างตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ สภาพผุพังไปตามกาลเวลา ชี้เป็นแหล่งศึกษาชาติพันธุ์แหล่งสุดท้ายที่เหลืออยู่

เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายบุญเรือง ปาแสนกุล อดีตไวยาวัจกรวัดกงลาด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิ่งแวดล้อมและมวลชน ต.ห้วยด้วน อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ว่า ที่วัดกงลาด ม.5 ต.ห้วยด้วน มีพระอุโบสถ อายุ 235 ปี ได้วิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ.2345 สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 สภาพภายนอก ซุ้มเสมา และผนังปูนผุกร่อน ล่อนจนเห็นเนื้อใน อิฐมอญโบราณร่วงหล่น ส่วนภายในมีพระประธาน หลังคากรุด้วยไม้ผุพังไปตามสภาพ รวมถึงหน้าต่างและประตูได้เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา


โบสถ์"ลาวครั่ง"อายุกว่า200ปี

นายบุญเรือง กล่าวว่า ชาวบ้าน ต.ห้วยด้วน ส่วนมากเชื้อสายลาวครั่ง โดยนายโหนก จงศร อดีตไวยาวัจกร เคยเขียนบันทึกทิ้งไว้ก่อนเสียชีวิต ว่า ชาวลาวครั่ง ถูกต้อนอพยพมาจากแขวงเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว ประมาณปี พ.ศ.2322 ในสมัยกรุงธนบุรี และถูกต้อนย้ายมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ ม.5 และ ม.6 ต.ห้วยด้วน ซึ่งอุโบสถหลังนี้เป็นแหล่งศึกษาชาติพันธุ์เชื้อสายลาวครั่ง แหล่งสุดท้ายที่ยังหลงเหลืออยู่

สภาพภายในโบสถ์โบราณ

"อุโบสถหลังนี้หยุดใช้งานไปเมื่อปลายปี พ.ศ.2553 จากนั้นทางวัดได้ทำหนังสือไปที่ สำนักศิลปากรที่ 2 สุพรรณบุรี ก่อนจะมีเจ้าหน้าที่มาสำรวจและเรื่องก็เงียบไป พร้อมแจ้งกับทางวัดกงลาดว่า ห้ามดำเนินการซ่อมแซม เคลื่อนย้าย ทุบเพื่อปรับปรุงใดๆ ทั้งสิ้น จึงอยากวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือซ่อมแซม ไว้ให้ลูกหลานได้ศึกษาเรียนรู้ต่อไป" นายบุญเรืองกล่าว

ด้าน พระครูสุจิตพิพัฒน์ เจ้าอาวาสวัดกงลาด เปิดเผยว่า อยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ เข้ามาช่วยบูรณะโบสถ์หลังนี้อย่างเร่งด่วน เพราะช่วงนี้เป็นหน้าฝน ด้านหน้าอุโบสถโครงหลังคาทรุด เกรงว่าอาจพังถล่มลงมา เนื่องจากวัดอยู่ในรั้วเดียวกันกับโรงเรียนวัดกงลาด ช่วงพักเที่ยงเด็กนักเรียนมาเล่นบริเวณโบสถ์อาจจะเกิดอุบัติเหตุกับเด็กนักเรียน ขณะนี้ทางวัดเองก็ได้ประชุมคณะกรรมการ และชาวบ้านว่า หากยังไม่มีการดำเนินการใดๆ คงรอต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ทางวัดคงต้องเตรียมรวบรวมทุน เพื่อจะได้บูรณะอุโบสถเอง

ขณะที่ นายอรุณ กิ่งมณี หน.กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 2 สุพรรณบุรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า วัดกงลาด เป็นวัดที่ควรค่าแก่การบูรณะ ทางสำนักงานฯ เคยไปสำรวจ เมื่อ 3 ปีก่อน และเขียนแบบการปรับปรุง จากนั้นได้ส่งเรื่องให้กรมศิลปากร แต่ยังอยู่ในระหว่างพิจารณาอนุมัติงบประมาณ ในส่วนของคำสั่งที่ว่าทางวัดห้ามดำเนินการใดๆ นั้น หากเกิดการชำรุดทรุดโทรม เบื้องต้นทางวัดกงลาดสามารถซ่อมแซมได้ เพียงแต่ให้ทำหนังสือร้องขอมาที่ สำนักศิลปากรที่ 2 สุพรรณบุรี.


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/438297
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ