วอนกรมศิลป์บูรณะโบสถ์ "ลาวครั่ง" อายุ 235 ปี
ชาว "ลาวครั่ง" ใน อ.ดอนตูม จ.นครปฐม วอนให้กรมศิลปากรช่วยบูรณะ "โบสถ์โบราณ" อายุกว่า 235 ปี สร้างตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ สภาพผุพังไปตามกาลเวลา ชี้เป็นแหล่งศึกษาชาติพันธุ์แหล่งสุดท้ายที่เหลืออยู่
เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายบุญเรือง ปาแสนกุล อดีตไวยาวัจกรวัดกงลาด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิ่งแวดล้อมและมวลชน ต.ห้วยด้วน อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ว่า ที่วัดกงลาด ม.5 ต.ห้วยด้วน มีพระอุโบสถ อายุ 235 ปี ได้วิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ.2345 สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 สภาพภายนอก ซุ้มเสมา และผนังปูนผุกร่อน ล่อนจนเห็นเนื้อใน อิฐมอญโบราณร่วงหล่น ส่วนภายในมีพระประธาน หลังคากรุด้วยไม้ผุพังไปตามสภาพ รวมถึงหน้าต่างและประตูได้เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาโบสถ์"ลาวครั่ง"อายุกว่า200ปี
นายบุญเรือง กล่าวว่า ชาวบ้าน ต.ห้วยด้วน ส่วนมากเชื้อสายลาวครั่ง โดยนายโหนก จงศร อดีตไวยาวัจกร เคยเขียนบันทึกทิ้งไว้ก่อนเสียชีวิต ว่า ชาวลาวครั่ง ถูกต้อนอพยพมาจากแขวงเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว ประมาณปี พ.ศ.2322 ในสมัยกรุงธนบุรี และถูกต้อนย้ายมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ ม.5 และ ม.6 ต.ห้วยด้วน ซึ่งอุโบสถหลังนี้เป็นแหล่งศึกษาชาติพันธุ์เชื้อสายลาวครั่ง แหล่งสุดท้ายที่ยังหลงเหลืออยู่สภาพภายในโบสถ์โบราณ
"อุโบสถหลังนี้หยุดใช้งานไปเมื่อปลายปี พ.ศ.2553 จากนั้นทางวัดได้ทำหนังสือไปที่ สำนักศิลปากรที่ 2 สุพรรณบุรี ก่อนจะมีเจ้าหน้าที่มาสำรวจและเรื่องก็เงียบไป พร้อมแจ้งกับทางวัดกงลาดว่า ห้ามดำเนินการซ่อมแซม เคลื่อนย้าย ทุบเพื่อปรับปรุงใดๆ ทั้งสิ้น จึงอยากวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือซ่อมแซม ไว้ให้ลูกหลานได้ศึกษาเรียนรู้ต่อไป" นายบุญเรืองกล่าว
ด้าน พระครูสุจิตพิพัฒน์ เจ้าอาวาสวัดกงลาด เปิดเผยว่า อยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ เข้ามาช่วยบูรณะโบสถ์หลังนี้อย่างเร่งด่วน เพราะช่วงนี้เป็นหน้าฝน ด้านหน้าอุโบสถโครงหลังคาทรุด เกรงว่าอาจพังถล่มลงมา เนื่องจากวัดอยู่ในรั้วเดียวกันกับโรงเรียนวัดกงลาด ช่วงพักเที่ยงเด็กนักเรียนมาเล่นบริเวณโบสถ์อาจจะเกิดอุบัติเหตุกับเด็กนักเรียน ขณะนี้ทางวัดเองก็ได้ประชุมคณะกรรมการ และชาวบ้านว่า หากยังไม่มีการดำเนินการใดๆ คงรอต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ทางวัดคงต้องเตรียมรวบรวมทุน เพื่อจะได้บูรณะอุโบสถเอง
ขณะที่ นายอรุณ กิ่งมณี หน.กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 2 สุพรรณบุรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า วัดกงลาด เป็นวัดที่ควรค่าแก่การบูรณะ ทางสำนักงานฯ เคยไปสำรวจ เมื่อ 3 ปีก่อน และเขียนแบบการปรับปรุง จากนั้นได้ส่งเรื่องให้กรมศิลปากร แต่ยังอยู่ในระหว่างพิจารณาอนุมัติงบประมาณ ในส่วนของคำสั่งที่ว่าทางวัดห้ามดำเนินการใดๆ นั้น หากเกิดการชำรุดทรุดโทรม เบื้องต้นทางวัดกงลาดสามารถซ่อมแซมได้ เพียงแต่ให้ทำหนังสือร้องขอมาที่ สำนักศิลปากรที่ 2 สุพรรณบุรี.ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/438297