ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สวดมนต์ต้องสวดให้ถูกวิธี  (อ่าน 1206 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
สวดมนต์ต้องสวดให้ถูกวิธี
« เมื่อ: สิงหาคม 26, 2014, 07:44:43 am »
0


สวดมนต์ต้องสวดให้ถูกวิธี

เมื่อเกิดปัญหาสาหัสที่แก้ไม่ตกขึ้นมา คนเรามักจะทำอย่างไรในภาวะสิ้นหวังคะ หลายท่านคงตอบในใจว่า "สวดมนต์" ซึ่งน่าจะมีส่วนช่วยอยู่มากค่ะ ผู้ป่วยที่มีความวิตกกังวลสูง โดยเฉพาะผู้สูงอายุมักจะลดความกังวลด้วยการสวดมนต์ บางท่านสวดก่อนนอนช่วยทำให้นอนหลับสบายขึ้นเพราะบทสวดมนต์เข้ามาแทนที่เรื่องเครียดๆ ในหัวได้เป็นอย่างดี ถ้าจะต้องมีใครสักคนไม่ต้องพึ่งพาบทสวดมนต์ คนนั้นก็น่าจะเป็นคนที่ไม่กังวลแม้แต่เรื่องที่ควรจะกังวลมากที่สุด เธอคนนี้ปรากฏตัวในการ์ตูนเรื่อง "Anata no Koto wa Sore hodo" ของ อ.อิคุเอมิ เรียว ซึ่งมีผลงานหลายเรื่องในไทยแต่พิมพ์ไม่มากเพราะเจาะตลาดนักอ่านผู้ใหญ่ค่ะ

 ask1 ask1 ask1 ask1

วันหนึ่ง "มิตสึ" สาวสวยที่มีรอยยิ้มเยือกเย็นอยู่เสมอได้พบกับชายหนุ่มซึ่งเป็นรักแรกสมัยมัธยมต้น "อาริชิมะ" เธอย้อนระลึกถึงวันคืนในอดีตที่ตกหลุมรักจนทำให้วันนี้เธอมีความสัมพันธ์เลยเถิดกับอาริชิมะจนได้ มิตสึจำได้เสมอว่ามีหมอดูเคยทักว่า "จะแต่งงานกับผู้ชายคนที่สองที่ตกหลุมรัก อย่าแต่งงานกับคนแรก แล้วชีวิตจะดีเอง" เธอปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดด้วยการแต่งงานกับสามีซึ่งเป็นคนดีมากๆ แต่ในที่สุดถ่านไฟเก่าจากรักแรกก็ปะทุอีกจนได้ เรื่องซับซ้อนยิ่งขึ้นเมื่ออาริชิมะสารภาพว่าที่ไปโรงแรมกับมิตสึได้บ่อยๆ ไม่ใช่เพราะเขาโสด แต่เป็นเพราะภรรยาย้ายกลับไปบ้านเกิดชั่วคราวเพื่อรอคลอดลูก ตอนนี้คลอดเรียบร้อยแล้ว ความสัมพันธ์แบบนี้ก็ต้องยุติ แทนที่มิตสึจะกลัดกลุ้มกับปัญหาชู้สาวอีรุงตุงนังนี้ เธอกลับนอนหลับสบายแถมฝันดีถึงอาริชิมะเสียด้วย เพราะเธอตัดสินใจแล้วว่า

"ไม่เป็นไร เธอมีภรรยาแล้ว ฉันก็มีสามีแล้วเหมือนกัน เราลงเรือลำเดียวกัน ดังนั้น ก็สานต่อความสัมพันธ์ของเราแบบนี้ไปเรื่อยๆ เถอะ"


 ans1 ans1 ans1 ans1

บรรดานักอ่านหลายคนกุมขมับกับความเถรตรงและแสนจะไม่กังวลเรื่องที่ควรจะกังวลขอ′มิตสึค่ะ แต่ในความเป็นคนเสื่อมศีลธรรมของมิตสึ สิ่งหนึ่งที่เราเห็นได้คือ "เธอไม่ต้องพึ่งยานอนหลับ" เธอหลับสบายไม่เครียดทุกคืน แน่นอนว่าเธอไม่เคยต้องสวดมนต์เพื่อให้นอนหลับสบายเสียด้วย ซึ่งก็ใช่ว่าจะดีเพราะวันใดที่สามีจับได้ เธอคงต้องนอนไม่หลับหลายคืนเป็นแน่

มีผู้ป่วยท่านหนึ่งมีความกังวลสูงมากและรักษาด้วยยากี่ขนานก็ไม่ดีขึ้นค่ะ ความกังวลรบกวนจนเธอใช้ชีวิตประจำวันไม่เป็นปกติ ทำงานไม่ได้เพราะคิดแต่เรื่องอาการเจ็บป่วย มีปวดท้องเล็กน้อยหรือคอแห้งก็จินตนาการเตลิดไปไกลว่าอาจจะเป็นเนื้อร้ายแพร่กระจาย กลางคืนนอนไม่หลับเพราะกลัวว่าถ้าเป็นอะไรไปกลางดึกแล้วจะไม่มีคนช่วย จึงต้องชวนญาติมานอนอยู่ด้วยกันและไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเวลา

 :96: :96: :96: :96:

"กินยาเท่าไหร่ก็ไม่หลับเลยหมอ แล้วที่ท้องผูกมันจะเป็นอะไรรึเปล่า หมอแน่ใจได้ยังไงว่าไม่เป็นอะไร แล้วถ้ามันเป็นล่ะ แล้วถ้านอนไม่หลับไปเรื่อยๆ จะแย่ลงไหม แล้วถ้ากินยาแล้วยังไม่หลับอีกล่ะ แต่กินเยอะไม่ได้นะ มันมีผลข้างเคียง ฯลฯ"

เธอมักจะพูดวนเวียนอย่างสิ้นหวังเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพครั้งละเป็นชั่วโมง พูดแล้วก็คิดวนกลับมาพูดอีก หรือได้รับคำตอบแล้วก็ยังต้องถามอีกเพื่อความมั่นใจ ในที่สุดเธอก็ยอมรับประทานยาแต่ไม่อยากกินเยอะ ขอกินนิดเดียวแล้วให้แนะนำวิธีช่วยให้นอนหลับดีกว่า

"สวดมนต์ก่อนนอนสิคะ" ตอนนั้นแนะนำไปเพื่อให้เธอปล่อยวางความกังวลก่อนนอนด้วยการจดจ่อกับบทสวดมนต์แทน

"สวดไม่ได้หรอกค่ะ ไม่เคยสวดมาก่อนเลย ไม่มีหนังสือสวดมนต์ด้วย แล้วตัวหนังสือมันก็เล็กอ่านไม่เห็น ฯลฯ"


 :25: :25: :25: :25:

หลังจากต่อรองอยู่นานเธอก็ยอมสวดมนต์ในที่สุด และเป็นดังคาดเหมือนกับผู้ป่วยอีกหลายคนที่ประสบปัญหานอนไม่หลับเพราะคิดหมกมุ่นกับปัญหารอบตัว เราหลับได้ดีขึ้นหลังสวดมนต์จริงๆ ค่ะ

แต่การวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Sociology of Religion บอกว่า การสวดมนต์ใช่ว่าจะลดความกังวลได้ทุกคน ดร.แบรดชอว์ ผู้วิจัยบอกว่าสำหรับหลายคน พระเจ้าคือขุมพลังของความเข้มแข็งและความสบายใจ การระลึกถึงพระเจ้าจึงช่วยให้มีแรงต่อสู้กับโลกที่แสนโหดร้ายต่อไปได้ เขาจึงพบว่าคนที่ศรัทธาในพระเจ้าและสวดมนต์ด้วยความเชื่อมั่นว่าพระเจ้าจะต้องปกป้องเขาจากเรื่องร้ายๆ รอบตัวได้แน่ พระเจ้าจะช่วยเหลือเขาเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม โดยสรุปคือมีจิตผูกพันกับพระเจ้านั่นเอง คนกลุ่มนี้จะรู้สึกกังวลน้อยลงและสบายใจมากขึ้นเมื่อสวดมนต์ค่ะ


 :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi:

ในทางกลับกัน คนที่ไม่เชื่อมั่นในพระเจ้า พยายามหลีกเลี่ยงกิจกรรมทางศาสนาหรือไม่คิดว่าความผูกพันกับพระเจ้าเป็นเรื่องจำเป็น คนกลุ่มนี้เมื่อสวดมนต์แล้วจะรู้สึกว่าพระเจ้าไม่เห็นจะช่วยเหลืออะไรเลย พระเจ้าทอดทิ้งเขา ซึ่งอาจจะมีที่มาจากความไม่เชื่อมั่นและไม่ศรัทธาตั้งแต่หนแรก ดังนั้น ยิ่งสวดมนต์ก็ยิ่งเหมือนการร้องขอความช่วยเหลือโดยไม่มีเสียงใดตอบกลับมา คนกลุ่มนี้หากยิ่งสวดมนต์จะยิ่งเกิดอาการวิตกกังวลรุนแรงขึ้นค่ะ

เราคงไม่สรุปว่าควรศรัทธาพระเจ้าเยอะๆ เพื่อให้สวดมนต์แล้วลดความกังวลได้ แต่น่าจะได้ข้อสรุปว่าผู้ที่มีความศรัทธาอยู่แล้ว การสวดมนต์จะช่วยลดความกังวลได้เป็นอย่างดี แต่หากเป็นผู้ที่ไม่เคยศรัทธาเลย ยามทุกข์ยากก็อย่าสวดมนต์เลยค่ะ ไม่ได้ช่วยให้ความกังวลลดลงหรอก ไปหาวิธีอื่นแทน เช่น ออกกำลังกาย แก้ไขปัญหาอย่างใจเย็น หรือปรึกษาเพื่อน มีวิธีอีกมากมายที่ช่วยลดความกังวลได้ค่ะ


สวดมนต์ต้องสวดให้ถูกวิธี
คอลัมน์ มหัศจรรย์การ์ตูน โดย วินิทรา นวลละออง
มติชนรายวัน 24 สิงหาคม 2557

ที่มา http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1408893434
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ