ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สมาธิชาวบ้าน : อาการสมาธิ 2  (อ่าน 2199 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
สมาธิชาวบ้าน : อาการสมาธิ 2
« เมื่อ: ตุลาคม 07, 2014, 10:12:10 am »
0


สมาธิชาวบ้าน : อาการสมาธิ 2

     เมื่อกล่าวถึงจิตรู้ความคิดที่เกิดขึ้นภายในจิตของมันเอง จิตก็จะไปจดจ่ออยู่ตรงคุณวิเศษ เช่น ญาณต่างๆ ทิพยจักขุญาณ จุตูปปาตญาณ เจโตปริยัติญาณ ญาณพวกนี้มันดีทั้งนั้น แต่เป็นญาณที่มีแล้วต้องผ่านไป มีแล้วให้รู้แล้วผ่านไป เพราะในที่สุดทุกคนนั้นก็ต้องจากโลกนี้ไป ไม่มีใครอยู่บนโลกนี้ได้ ต่อให้คุณมีญาณวิเศษอะไรแค่ไหน เมื่อเราจากโลกนี้ไปแล้ว ก็ต้องเป็นเพียงแค่ความฝันของเรา มันไม่ใช่ความจริง สมบัติบนโลกต่างๆ ที่มี เราทุกคนต่างยืมมาใช้ เรามีสิทธิ์ในการครอบครองชั่วคราว แค่ลำพังในช่วงที่มีชีวิตเท่านั้น พอเราตายไปสมบัติทั้งหลายเรียกว่าเป็นสมบัติโลกไม่ใช่ของเรา

     ถ้าเราไม่เข้าใจเราไปยึดมั่นถือมั่น ว่านี่เป็นของของเรา เกิดอวิชชาคิดว่าเป็นของของเรา ดวงจิตวิญญาณนั้นต้องกลับมาเกิดใหม่ เกิดเพราะอวิชชา คิดว่าเป็นของของตน จริงๆ นั้น คนเราเกิดมาเราก็มามือเปล่า ตายไปก็ไปมือเปล่า แต่ไม่มีอะไรที่เป็นของของเราเลย เรามีอำนาจครอบครองมันชั่วคราวเพียงเท่านั้น ในที่สุดสมบัตินี้ก็ต้องตกเป็นของโลก ตกเป็นของคนที่ยังอยู่บนโลกก็ยื้อแย่งกันต่อไป ถ้าเรามีความเข้าใจตรงนี้ ดวงจิตก็จะไม่ยึดโลกไว้ถึงเวลาไปก็ต้องไป ถึงแม้จะรู้ว่าเราครอบครองมันได้ แต่มันไม่ใช่ของเรา อันนี้ยึดเป็นธรรมะให้อยู่ในใจเราไว้ ดวงจิตนั้นจะได้ไม่กลายเป็นสัมภเวสี ดวงวิญญาณที่หาแดนเกิดไม่ได้



    เราต้องปฏิบัติบ่อยๆ ให้จิตมีการทรงตัวอยู่ในภาวะฌานสมาธิ ทำสมาธิบ่อยๆ ถ้าจิตได้ฟังธรรมเยอะๆ ฟังมากๆ จิตก็จะพัฒนาไปสู่ภูมิวิปัสสนา แต่ถ้าจิตไม่ได้ฟังธรรมในขั้นภูมิวิปัสสนา จิตจะไม่เคลื่อนตัว ไม่เกิดการพิจารณา แต่จิตจะไปอยู่นิ่งเฉยๆ ไม่เกิดความรู้อะไร คือได้สมาธิ แต่ว่าไม่เกิดภูมิวิปัสสนา

    มีคนหลายคนที่ว่าปฏิบัติแล้วเป็นปัญหา ว่าจิตตัวเองที่อาจารย์พูดเข้าใจแล้ว แต่จะทำยังไงให้จิตตัวเองยกขึ้นสูง พูดง่ายๆ คือมันติดสัมมาถะ จะยกขึ้นสู่ภูมิวิปัสสนาได้ยังไง อาการที่ว่ารู้แจ้งเห็นจริง มันจะเกิดขึ้นยังไง ต้องขอตอบอย่างนี้ว่า มันเป็นเรื่องบุญ เรื่องวาสนา เรื่องของบุญญาธิการ ยกตัวอย่างเช่นว่า อาจารย์สอนทุกคนวาดรูป สอนเทคนิคการวาดรูปได้ แต่ว่าอาจารย์สอนไม่ได้คือความวิเศษของแต่ละคน

    ทำไมเด็กที่เรียนมาพร้อมกันถึงวาดภาพได้เก่งไม่เหมือนกัน ทำไมคนนี้มันถึงวิเศษอย่างนี้ อย่างสอนทุกคนร้องเพลง บางคนร้องได้ไพเราะ แต่อีกคนร้องไม่เอาไหนเลย อันนี้กำลังพูดถึงบุญบางอย่างที่เราไม่อาจไปสอน ว่าทำไมคนนี้วาดรูปถึงเป็นที่ 1 ได้ ทำคนนี้ร้องเพลงถึงร้องได้ไพเราะอย่างนี้ เพราะว่าการสอนมันสอนได้ในระดับหนึ่ง แต่มันสอนบุญไม่ได้เท่ากันหมดทุกคน

     st12 st12 st12 st12

    การเกิดวิปัสสนานี้มันเกิดเอง เกิดจากการฟังธรรมเยอะๆ ในส่วนหนึ่งภูมิวิปัสสนาจะรู้แจ้งอย่างที่รู้แจ้งเห็นจริงจากเรื่องต่างๆ และขณะที่ทำจิตอยู่ในภาวะของจิตที่พร้อมแล้ว แต่ถ้าภูมิผู้ปฏิบัติได้จิตที่พร้อมเป็นวิปัสสนา พอถึงจุดหนึ่งเสร็จมันก็เกิดอาการผุดรู้หรือไม่เอาภูมินั้นไปพิจารณาต่อลักษณะความรู้แจ้งเห็นจริงก็ปรากฏขึ้น การผุดรู้นั้นอาจจะรู้เหตุการณ์ข้างหน้าก็ได้ หรือไม่ใช่เหตุการณ์ข้างหน้าก็ได้

    ถ้ารู้เหตุการณ์ข้างหน้าก็ประกอบไปด้วยญาณทัศนะ เรียกว่า “อตีตังสญาณ อนาคตังสญาณ” มาประกอบ ก็เลยรู้เหตุการณ์ข้างหน้า จิตมันมีความตั้งมั่น มั่นคง มันก็จะรู้ ก็เป็นทางลัดที่ได้ยกเว้นแต่คนที่มีบุญ คนที่มีบุญเก่า พอเราสอนเขา มันจะไว ยอมรับกันเลยว่าเป็นของเก่า ที่พอจิตเขานิ่งเสร็จ เขาก็สามารถเกิดความรู้ความเห็นขึ้นมา.


ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/051014/97115
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ