ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: การฝึกเด็ก การเข้าใจเด็ก การชี้นำศีลธรรมให้กับเด็ก เป็นสิ่งที่ควรใส่ใจ  (อ่าน 2458 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ข่าวสด
ธรรมะใต้ธรรมาสน์
ไต้ ตามทาง


ท่านพ่อแม่ที่นับถือทั้งหลาย...

        วันหนึ่งเวลาประมาณสิบห้านาฬิกา คนสองคนกำลังโต้เถียงกันเป็นการใหญ่ ทั้งสองฝ่ายมีโทสะด้วยกันทั้งคู่ ความมืดเข้าครอบงำจิตใจเขามองไม่เห็นความถูกความผิด ทั้งสองฝ่ายไม่ยอมลดละแม้แต่น้อย มิใช่เขาเพียงสองคนเท่านั้นที่มาอยู่ในที่นั้น มีคนที่ชอบดูอีกเป็นจำนวนมากมาดูละครกลางแปลง...ละครที่ไม่เก็บค่าดู เปิดให้ใครๆ ที่มีตาดูกันได้อย่างสบายทีเดียว

ทำไมเขาทั้งสองจึงได้ทะเลาะกันเล่า?

เรื่องมันนิดเดียว เป็นเรื่องของเด็กๆ ไม่ใช่เรื่องของผู้ใหญ่ แต่ผู้ใหญ่เจ็บแทนเด็กและเข้าไปสอดแทรก เรื่องเลยไปกันใหญ่

        ปรากฏชื่อของผู้ทะเลาะดังนี้ คือ ฝ่ายหนึ่งชื่อคำแก้ว อีกฝ่ายหนึ่งชื่อบัวผัน คำแก้วมีบุตรชายอายุขนาดสี่ขวบ บัวผันมีบุตรชายอายุขนาดเดียวกัน แต่ลูกของบัวผันเล็กกว่าเพราะเป็นเด็กอมโรค เด็กทั้งสองเคยมาเล่นอะไรๆ ด้วยเสมอ

ในการเล่นของเด็ก...

ก็ต้องมีการทะเลาะกันบ้างเป็นธรรมดา แต่ไม่สู้รุนแรงมากนัก

โกรธกันประเดี๋ยวเดียวก็หายและเล่นกันต่อไป

ความพยาบาทมาดร้ายไม่มีในใจของเด็ก

      วันนั้นลูกของคำแก้วแย่งของเล่นจากลูกของบัวผันได้ แล้วเอาไปเล่นเสียคนเดียว ลูกของบัวผันร้องไห้วิ่งไปบอกแม่ วันนั้นแม่อารมณ์ไม่ดีเพราะไปแพ้ไพ่มา พอลูกบอกเช่นนั้นก็เกิดอารมณ์โกรธขึ้นมาทันที ออกจากบ้านไปแย่งของจากเด็กอันเป็นลูกของคำแก้ว และตรงเข้าตบเด็กคนนั้นเข้าให้ฉาดหนึ่ง...ฐานมารังแกลูกของตน เด็กคนนั้นเมื่อถูกตบก็วิ่งไปหาแม่ ไปบอกให้แม่ทราบ แม่เลยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาอีก เลยมาเปิดโรงละครแสดงกันกลางแปลง... สนุกกันใหญ่ เรื่องนี้คล้ายกับเรื่องน้ำผึ้งหยดเดียว กลายเป็นศึกกลางบ้านขึ้นได้ ทำไมจึงกลายเป็นเช่นนั้นหนอ!

        ธรรมดาของเด็กเขาไม่ชอบอยู่คนเดียว ถ้าเอาเด็กสองคนมาปล่อยไว้ในที่เดียวกัน เด็กทั้งสองก็จะคลานเข้าหากัน ถึงแม้ว่าจะยังพูดกันไม่เข้าใจ เขาก็จะทำเสียงอ้อๆ แอ้ๆ ไปก่อน และชวนกันเล่นตามประสาของทารกน้อยๆ เขาทั้งสองย่อมได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากกันเนื่องในการพบกันนั้น นี้เป็นวิสัยของเด็กผู้ไร้เดียงสา ครั้นเด็กโตขึ้นพอพูดได้รู้จักมีของเล่น เขาจะดีใจเมื่อได้พบกับเพื่อน เมื่อได้เล่นกับเพื่อนฝูงที่คุ้นเคยกัน เขาจะมีความสนุกสนานร่าเริงเป็นอย่างดี ถึงแม้จะมีการขัดคอกันบ้างก็เป็นเรื่องเล็กน้อย ผู้ใหญ่อย่าไปทำให้มันใหญ่โตขึ้นเลย ให้ถือว่าเป็นเรื่องของเด็กๆ เขา ประเดี๋ยวเดียวเขาก็หายโกรธและคืนดีกันต่อไป

ผู้ใหญ่ต้องหาทางเพาะความรัก

ความสามัคคี ความเสียสละต่อกัน

อย่าให้มีการเอารัดเอาเปรียบกัน

       ผู้ใหญ่นั้นต้องคอยสังเกตดูอัธยาศัยใจคอของเด็กๆ เอาไว้เสมอ เรียนรู้นิสัยเด็กให้ทราบว่า เด็กคนใดมักเอาเปรียบ มักรังแกคนอื่นเขาและเมื่อทราบแล้วต้องหาทางแก้ไข โดยการพูดให้เขาเข้าใจถึงคุณโทษของการกระทำเช่นนั้น เช่น ถ้าเด็กของท่านชอบรังแกเด็กที่อ่อนแอก็บอกว่าการกระทำเช่นนั้นไม่ดี ไม่ใช่วิสัยของสุภาพชน หนูเห็นไหม? เพื่อนของหนูอ่อนกว่าหนู เขาเป็นน้องของหนู หนูยังต้องได้รับความคุ้มครองจากพี่เสมอ หนูเป็นพี่เขาต้องช่วยเขา ต้องแบ่งของกินของเล่นให้แก่เขาบ้าง การแบ่งของกินของเล่นให้แก่เพื่อนที่อ่อนแอกว่าหนูนั้นเป็นความดี หนูจะเป็นเด็กที่น่ารัก น่าสงสาร ถ้าเราช่วยเขาในวันนี้แล้ว วันหน้าเขาจะช่วยเราต่อไป เอานิทานเรื่องราชสีห์กับหนูมาเล่าให้ฟังบ้าง เพื่อให้เด็กได้เห็นความแตกต่างระหว่างสัตว์ทั้งสองชนิด หนูตัวน้อยยังอุตส่าห์ช่วยราชสีห์ได้

       ถ้าเด็กของท่านค่อนข้างเกเร ชอบรังแกเขาผู้อ่อนแอกว่า ก็จงเล่านิทานเรื่องช้างกับนกไส้ให้เด็กฟัง จะทำให้เด็กเข้าใจว่าการรังแกเขานั้นไม่เป็นการดี แต่การรักกัน สงสารกัน การอยู่ร่วมกันฉันพี่น้องนั้นมีความสบายใจกว่าเป็นไหนๆ ความสามัคคีก็คงเกิดในหมู่ของพวกเด็กๆ โดยเฉพาะเด็กในครอบครัวเดียวกันนั้น ก็ยิ่งมีความจำเป็นมากที่สุด เพราะความเป็นหนึ่งในครอบครัวนั้น...เป็นสิ่งที่น่าปรารถนา

        ถ้าหากเด็กคนใดทำอะไรผิดพลาดต่อเพื่อนเด็กด้วยกัน ผู้ใหญ่ควรจะแนะนำให้เขาขอโทษเด็กที่ถูกล่วงเกิน ให้สำนึกว่าตนได้กระทำผิดไปได้ทำสิ่งไม่เหมาะไม่ควรไป ผิดไปแล้วขอโทษนะจ๊ะ การกระทำแบบนี้ เป็นการฝึกนิสัยเด็กให้มีน้ำใจเป็นนักกีฬา ผิดเป็นผิด แพ้ก็ต้องยอมแพ้ตามนิสัยของการเล่น นับว่าเป็นการกระทำชอบอย่างหนึ่ง ตามปกติคนเราทั่วไปนั้น มักมีอหังการ มมังการ คือการถือเขาถือเราเป็นคนมักไม่ยอมคน นี่เป็นเรื่องของคนทั่วไป แต่เรื่องนี้สร้างโทษให้เกิดแก่คนผู้ถือเช่นนั้นมากอยู่ จึงจำเป็นต้องฝึกเด็กอย่าให้มีความถือในรูปเช่นนั้น โดยการสอนให้เขายอมรับความผิดพลาดที่ตนกระทำและบอกเด็กให้เขาเข้าใจว่า ความผิดพลาดเป็นเรื่องธรรมดาของคนทำงาน ของคนเล่นกีฬา แต่ความผิดนั้นเป็นเรื่องแก้ให้กลายเป็นถูกได้

ดินสอทุกแท่งเขามียางลบไว้ด้วย

เพราะเขารู้ว่าความผิดพลาดเป็นวิสัยของคน

เมื่อผิดแล้วก็ลบออกเสียแล้วทำใหม่ให้ถูกขึ้น

เสื้อกางเกงของเด็กเปื้อนด้วยสิ่งสกปรกแล้ว

ยังซักฟอกออกได้...มิใช่เอาออกไม่ได้

ฉะนั้นเด็กทำอะไรผิด ก็บอกให้เขาขอโทษแสดงความผิดนั้นๆ เสียแล้วเตือนเขาให้สำรวมระวังต่อไป นี่! เป็นกิจควรทำประการหนึ่ง

หน้า 31
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

พรทิพย์

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 76
  • มีธรรมนำจิต ชีวิตสุขสบาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ส่วนใหญ่ที่เห็นพวกวัยรุ่น เด็กหญิง นางสาวหญิง นี้ตบตีกัน เรื่องที่เป็นอันดับหนึ่งก็คือ แย่งแฟนกัน

ทั้ง ๆ ที่ความผิดนั้นอยู่ที่ผู้ชาย เจ้าชู้ ..... แต่ต้องมาตบตีกัน เพื่อแย่ง ....จอมเจ้าชู้ .....

ที่โรงเรียน หนูก็เห็นกันอยู่บ้าง คุณครู จะไม่เข้าไปยุ่ง คะ เพราะว่าไปตีกันนอกโรงเรียน คงปล่อยให้เป็น

เรื่องของผู้ปกครอง คะ เพราะไม่ใช่เรื่องเรียน ....
 :smiley_confused1:
บันทึกการเข้า