ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ตำนานกินเจ...มาจาก ศาสนาเต๋า และศาสนามณี  (อ่าน 1747 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ตำนานกินเจ...มาจาก ศาสนาเต๋า และศาสนามณี
« เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2014, 09:26:25 am »
0


ตำนานกินเจ

อาจารย์ถาวร สิกขโกศล เขียนไว้ในหนังสือ เทศกาลจีนและการเซ่นไหว้ (สำนักพิมพ์มติชน มี.ค.2557) ว่า มี 2 ศาสนาเกี่ยวข้องกับการกินเจ ศาสนาเต๋า และศาสนามณี

    ปรัชญาเต๋า พัฒนาเป็นศาสนาเต๋าชัดเจนตอนปลายราชวงศ์ฮั่น ไม่มีระบบนักบวชมีแต่ผู้นำทำพิธี ยามปกติใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไป พอจะทำพิธีจึงกินเจตามแบบจีนโบราณ ถึงสมัยราชวงศ์ถัง สำนักเต๋าบางแห่งเริ่มกินเจทุกวัน
    ต่อมาในสมัยราชวงศ์ซ่ง เฮ้งเต้งเอี๋ยง (หวางฉงหยาง พ.ศ.1655–1713) ตั้งนิกายช้วนจินก้า ออกมาจากศาสนาเต๋าเดิม มีระบบนักบวชและกินเจตลอดชีวิต ตามอย่างพุทธศาสนา
    ปัจจุบัน ศาสนาเต๋าแบ่งเป็น 2 นิกายใหญ่ นิกายช้วนจินก้ารุ่งเรืองในจีน นักพรตกินเจตลอด นิกายเจิ้งอี่ (เจี้ยอิด) รุ่งเรืองในไต้หวัน นักพรตกินเจแบบศาสนาเต๋าเก่า คือเมื่อจะทำพิธีกรรม

    ศาสนามณี เกิดในเปอร์เซีย ศาสดาชื่อมณี (พ.ศ.759-820) คำสอนอาศัยหลักศาสนาโซโรอัสเตอร์เป็นพื้นฐาน ผสมผสานคำสอนของพระพุทธศาสนาและคริสต์ศาสนา ทั้งยังได้รับอิทธิพลจากลัทธิเหตุผลนิยม ของโรมัน
    ศาสนามณีรุ่งเรืองแพร่หลายทั้งในยุโรป แอฟริกา เอเชีย แพร่ถึงซินเจียงในช่วงราชวงศ์เหนือ-ใต้ ตั้งแต่สมัยพระนางบูเช็กเทียน เข้าไปเผยแพร่ในนครฉางอาน เมืองหลวงของราชวงศ์ถัง แล้วแพร่หลายในจีนหลายมณฑล
    พ.ศ.1388 ถูกพระเจ้าอู่จงกวาดล้างจนเสื่อมโทรม แต่ได้พัฒนาเป็นลัทธิเม้งก้า (หมิงเจี้ยว) หรือลัทธิแสงสว่า



พจนานุกรมศัพท์ศาสนาของจีน อธิบายลัทธิเม้งก้าไว้สองอย่าง

    1.องค์กรลับทางศาสนา สืบเนื่องมาจากศาสนามณี มีศาสนาพุทธและเต๋าคละเคล้าผสม กบฏชาวนาในยุคห้าราชวงศ์ ราชวงศ์ซ่ง และราชวงศ์หยวน มักใช้เป็นเครื่องมือตั้งองค์กร ยกย่องจางเจี่ยว (เตียวก๊ก หัวหน้าโจรโพกผ้าเหลือง ต้นเรื่องสามก๊ก) เป็นศาสดา เคารพองค์พระมณีเป็นเทพแห่งแสงสว่าง บูชาพระอาทิตย์ พระจันทร์
    ศาสนิกแต่งชุดขาว กินมังสวิรัติ มีความเชื่อว่า พลังแสงสว่าง (ความดี) ชนะพลังแห่งความมืด (ความชั่ว)

    2.ศาสนามณี ตามประวัติกล่าวว่า มณีถือมังสวิรัติ ตามปาติกผู้เป็นบิดา ได้ยินเสียงลึกลับ ในโบสถ์ที่เตสิโฟน ขอให้งดเว้นการดื่มไวน์ เว้นเนื้อสัตว์ และการส้องเสพกามารมณ์ เมื่อศาสนานี้เข้าสู่จีน ได้รับคำสอนของพุทธศาสนา และศาสนาเต๋า เข้าไปผสมกับ
    คำสอนเดิม เฉพาะลัทธิเม้งก้า ได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนามาก


 :s_good: :s_good: :s_good: :s_good: :s_good:

การกินเจ 1–9 ค่ำ มีประวัติเกี่ยวข้องกับองค์กรลับทางศาสนา และการเมืองในบางยุค

สำนักวัดฝอกวงซานในไต้หวัน กล่าวว่า กิจกรรมนี้มีที่มาจากลัทธิเม้งก้า หรือศาสนามณี มีผู้เชื่อทฤษฎีนี้อยู่บ้างตามวัฒนธรรมเดิมของจีน การกินเจเป็นเรื่องของชนชั้นปกครอง หรือผู้นำ จะกิน เฉพาะเมื่อทำพิธีกรรม ตั้งแต่ราชวงศ์เหนือ-ใต้ การกินอาหารมังสวิรัติ เป็นจารีตของนักบวชพุทธ พุทธศาสนาก็รุ่งเรืองแพร่หลาย มีวัดทั่วประเทศนับแสน ภิกษุภิกษุณีนับล้าน


 :96: :96: :96: :96: :96:
 
    - พุทธศาสนา ทำให้การกินมังสวิรัติ พัฒนาเป็นการกินเจอย่างสมบูรณ์ เพราะมีเรื่องการถือศีลรวมอยู่ด้วย
    - ทางศาสนาเต๋า นักพรตเพิ่งจะกินเจอย่างสมบูรณ์ เพราะนิกายช้วนจินก้าเกิดในยุคราชวงศ์ซ่งใต้ ความแพร่หลายของศาสนาเต๋า ไม่อาจเทียบกับพุทธได้
    - แต่กระนั้นก็ไม่อาจเหมาเอาว่า การกินเจเกิดจากพุทธศาสนา เพราะจีนมีประเพณีกินเจมาแต่โบราณ พุทธศาสนาเพียงเข้าเติมเต็มเท่านั้น.


      บาราย


ที่มา http://www.thairath.co.th/content/460617
ภาพจาก http://1.bp.blogspot.com/ และ  http://news.tlcthai.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ