พิมพ์

[raponsan]

ศิษย์หลวงตามหาบัว ยื่นค้านตรากม. ให้สตง.ตรวจเงินวัด อ้างพระพุทธเจ้าไม่อนุญาต

คณะศิษย์ หลวงตามหาบัว ยื่นหนังสือ สปช. คัดค้านการร่างกฏหมาย ให้ สตง.มาสอบเงินวัด ขัดกับพุทธบัญญัติ อ้าง พุทธเจ้าไม่อนุญาตให้ฆารวาสก้าวก่ายอำนาจสงฆ์

วันที่ 19 พ.ย. ที่อาคารรัฐสภา ผศ.ภิฤดี ภวนานันท์ นำทีมคณะศิษานุศิษย์ขององค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เข้ายื่นหนังสือต่อ นางทัศนา บุญทอง รองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ คนที่ 2 เพื่อสนับสนุนภารกิจของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ในการปฏิรูปประเทศ รวม 2 ฉบับ โดยเสนอความคิดเห็นในการร่างรัฐธรรมนูญโดยของให้มีการคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์และสถาบันพระพุทธศาสนา และปฏิรูปสื่อให้คงความเสมอภาคแก่สื่อภาคประชาชน ตลอดจนการคุ้มครองการเผยแพร่พระพุทธศาสนาผ่านสื่อและให้บัญญัติทุนสำรองของชาติไว้ในรัฐธรรมนุญโดยกันทุนสำรองไว้กองหนึ่งแยกออกจากทุนสำรองประเภทอื่น

นอกจากนี้ยังคัดค้านการออกฏหมายปกครองสงฆ์ที่ขัดต่อพระธรรมวินัยเพราะเชื่อว่าพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้มีเหตุผลที่ชอบธรรมอยู่แล้วทั้งนี้การดูแลรักษาสมบัติของสงฆ์ควรเป็นอำนาจหน้าที่ของสงฆ์ที่จะต้องดูแลตรวจสอบกันเองพระพุทธเจ้าไม่ได้อนุญาตให้ฆราวาสใดเข้ามาก้าวก่ายและตรวจสอบในการปกครองของสงฆ์

ทั้งนี้ การที่มีความพยายามแก้กฏหมายให้ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเข้ามาตรวจสอบเงินบริจาคของวัด ซึ่งเข้ามาก้าวก่ายตรวจสอบสมบัติของสงฆ์ ซึ่งเป็นเงินบริจาคด้วยความศรัทธาของประชาชนย่อมเป็นการฝ่าฝืนพุทธบัญญัติและบ่อนทำลายศาสนา


 


หมายเหตุ

ในส่วนแถลงการณ์คัดค้านการออกกฏหมายปกครองสงฆ์ที่ขัดต่อพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าระบุไว้ มีเนื้อหาดังนี้

... คณะศิษย์ฯได้น้อมนำพระธรรมวินัยและหลักธรรมคำสอนที่องค์หลวงตามหาบัว เมตตาอธิบายศาสนธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างละเอียดลออมีเหตุ มีผล โดยชอบแล้ว เป็นหลักเกณฑ์แห่งการพิจารณา เห็นว่า โดยเหตุที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติพระวินัยให้พระสงฆ์ปกครองกันเองปฏิบัติกันเองตั้งแต่ตรัสรู้แล้ว   การดูแลรักษาสมบัติของสงฆ์เป็นฝ่ายลหุภัณฑ์หรือครุภัณฑ์ ไม่ว่าวัดใด ที่ใด ให้เป็นอำนาจและหน้าที่ของวัดนั้น มีสมภารเป็นหัวหน้าเป็นผู้ปฏิบัติตามหลักธรรมวินัยข้อนี้ พระพุทธเจ้ามิได้อนุญาตให้ฆราวาสใดเข้ามาก้าวก่ายในการปกครองสงฆ์ ในการใช้จ่ายทรัพย์ของสงฆ์ หรือเเม้แต่เข้ามาตรวจสอบสงฆ์

หากฝ่าฝืนพุทธบัญญัติ ย่อมถือเป็นการบ่อนทำลายศาสนา แม้เบื้องลึกจะหวังดีเพียงใด ก็ไม่พ้นโทษกรรม ดังนั้นหากจะเพิ่มอำนาจให้ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน  ซึ่งมีหน้าที่หลักในการตรวจสอบการใช้งบประมาณของหน่วยงานรัฐ ซึ่งเป็นงบประมาณที่ได้มาจากภาษีอากรประชาชน ให้เข้ามาก้าวก่ายตรวจสอบสมบัติของสงฆ์ ซึ่งถือเป็นเงินบริจาคที่ได้มาจากเเรงศรัทธาของประชาชน มิใช่เงินภาษีอากร ย่อมเป็นการฝ่าฝืนพุทธบัญญัติ ย่อมถือเป็นการทำลายพระศาสนา แม้เบื้องลึกจะหวังดีเพียงใด ก็ไม่พ้นโทษพ้นกรรม

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1416383086

[kobyamkala]

เหตุที่ต้องทำการตรวจสอบ เพื่อต้องการควบคุมระบบการเงินของวัดทั่วประเทศ ถ้าที่ใด  มีอำนาจในการเข้าควบคุมตรวจสอบ ได้ ก็จะมีอำนาจทางการเงิน เป็นช่องทางหาเงินกับพวกคณะตรวจสอบด้วย

  เชื่อว่า เงิน ที่สะพัดในระบบ พุทธศาสนา เฉพาะใน กทม. นี่ เชื่อว่า เกิน หมื่น ๆ ล้านคะ เพราะเพื่อนที่ทำงานแบ็งค์ บอกว่า แค่เจ้าอาวาสวัดข้าง กทม. ฝากเงินในบัญชี ชื่อท่านเอง ไม่ใช่ระบบวัด ก็เกิน 10 ล้านบาทแล้วคะ แค่เจ้าออาวาสนะคะ รู้สึกจะมี ยศเป็น พระครูด้วย ฟังเพื่อนมานะ จริงแท้อย่างไร ไม่พิสูจน์

   ดังนั้นเวลาอ่านข่าว อย่างที่บางเขน เจ้าอาวาสมรณะภาพ ญาติทำเรื่องขอครอบครองบัญชี ซึ่งมีเงินในบัญชีมากกว่า 30 ล้านบาท ไม่รู้หามาจากไหนกันเนาะ เป็น ล้าน ๆ