พิมพ์

[raponsan]

นิสิตปริญญาเอกมหาจุฬา ดำนา-เรียนรู้วิถีชาวบ้าน

โดย นพรัตน์ คุ้มศรี

มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา นำพระภิกษุและฆราวาสนิสิตระดับปริญญาเอก ลงดำนาปลูกข้าวยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงด้วยวิถีชาวบ้าน ที่ผืนนาของ นายไพบูลย์ สายด้วง ต.บางกระบือ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี จำนวน 6 ไร่

มี พระครูปริยัติกิตติธำรง คณบดีคณะสังคม ศาสตร์ มหาจุฬาฯ, พระครูสังฆรักษ์เกียรติศักดิ์ กิตติปัญโญ ผอ.หลักสูตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์, นายสุรพล สุยะพรหม, น.ท.หญิง ศรีพนา ศรีเชื้อ พร้อมพระนิสิตปริญญาเอกและนักศึกษาปริญญาเอกจำนวน 88 รูป/คน มหาจุฬาฯ เข้าร่วมโครงการเศรษฐกิจพอเพียงด้วยวิถีชาวบ้าน ลงดำนาปลูกข้าวที่แปลงนา หมู่ 3 ต.บางกระบือ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี

เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริในการแก้ไขปัญหาการดำเนินชีวิตอย่างพอเพียงหรือพอมีพอกินใน ปี พ.ศ.2537 โดยพระราชทานแนวพระราชดำริทฤษฎีใหม่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตระหนักในความสำคัญสำหรับนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหา ที่เน้นการพึ่งพาตนเอง โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่สามารถครอบคลุมภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม ตลอดจนการดำเนินชีวิตของพสกนิกรทุกกลุ่มอาชีพ

 

นาย สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจกรรมทั่วไป มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ เปิดเผยว่า มหาจุฬาฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญให้นิสิตสามารถน้อมนำแนวทางการดำเนินชีวิต ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยวิถีชาวบ้าน ให้เกิดความคุ้นเคยในฐานะที่อยู่ในสถาบันเดียวกัน ที่สำคัญอีกเรื่อง พุทธกสิกรรมนำสุข นิสิตที่กำลังศึกษาปริญญาเอก รู้ข้อเท็จจริงของกระบวนการชาวนาแท้ที่จริงเป็นอย่างไร เรียนรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงด้วยวิถีชีวิตชาวบ้าน และพุทธกสิกรรมนำสุข มีเป้าหมายให้นิสิตนำไปต่อยอด องค์ความรู้ในระดับมหภาค ที่เกี่ยวกับชาวนา

นาย สุรพลกล่าวต่อว่า การนำนิสิตหลักสูตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต ลงดำนาปลูกข้าว เรียนรู้การทำนาทั้งหมด เริ่มตั้งแต่การผลิตเบื้องต้น ปลูกข้าวไปจนถึงขบวนการเก็บเกี่ยวข้าว เนื่องจากมหาจุฬาฯ เป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ที่มีคำสอนพระพุทธศาสนา จึงผนวกกับการหาองค์ความรู้ด้านพระพุทธศาสนา มีมุมมองต่อการทำนาของเกษตรกรชาวนา แต่หลักสำคัญ คือ ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่องโครงการเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 

"การให้นิสิตไปลงพื้นที่โดยตรง จะได้เรียนรู้กระบวนการเริ่มการผลิตข้าว การทำนา การเก็บเกี่ยว ซึ่งกระบวนการทุกอย่างที่ได้รับรู้จากชาวนาโดยตรง อาตมาคิดว่าจะเป็นองค์ความรู้จริงที่นิสิตจะได้รับจากการได้ลงมือปฏิบัติเอง รวมถึงรับรู้สาเหตุที่ชาวนาถึงเป็นหนี้ ทำไมชาวนาปลูกข้าวแล้วได้ผลผลิตน้อย จำนำราคาข้าวดีหรือประกันราคาข้าวดี องค์ประกอบเหล่านี้เป็นองค์ความรู้ที่นิสิตปริญญาเอกที่อ่านแต่ตำรา แต่ไม่เคยปฏิบัติจริง เมื่อได้ลงไปสัมผัสจริง จะทราบถึงปัญหา เพื่อที่จะนำองค์ความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่ต่อจะเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง"

ด้าน พระครูสังฆรักษ์เกียรติศักดิ์กล่าวว่า นิสิตสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ในปีนี้ มีตัวแทน คือ ชาวนา เข้ามาศึกษาร่วมกับพระสงฆ์ และข้าราชการหลากหลายหน่วยงาน ซึ่งนิสิตจะได้เรียนพื้นฐานการจัดการเรียนรู้ร่วมกัน การทำนา สามารถส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ หากเราสามารถพัฒนาประเทศให้อยู่บนพื้นฐานที่แท้จริง ซึ่งเป็นการยืนอยู่บนขาของตนเอง

ซึ่งหลายฝ่ายที่ร่วมกันในครั้งนี้ ต้องการจะทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ เรียนรู้จากการฝึกหัดขัดเกลาจริง ด้านหลักพระพุทธศาสนา (ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ) ปริยัติ คือ เรียนในชั้นเรียน, ปฏิบัติ คือ ลงมือทำจริง, ปฏิเวธ คือ การได้รู้ผลจากการลงมือปฏิบัติ ทำให้นิสิตซาบซึ้งว่า ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่างที่เราได้รับประทาน มาจากความทุกข์ยากลำบากเพียงใด อันจะนำไปสู่การเห็นอกเห็นใจ อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขในสังคมไทยต่อไป

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRReE5qa3lOVGd3Tnc9PQ==&sectionid=TURNd053PT0

[ประสิทธิ์]

นี่แหละ เป็นแนวโน้ม ที่จะนำให้พระพุทธศาสนาเสื่อมไป อย่างรวดเร็ว หลักการและวิธีการ เป็นแบบมหายาน พระต้องทำนา ปลูกผัก ทำกสิกรรม เพื่อดำรงชีวิตเอง