พิมพ์

[raponsan]

5 เทคนิคง่ายๆ ขับรถหลังเลิกงานยังไงไม่ให้  “ง่วง”

สำหรับเทคนิคที่เราจะนำมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้ นั้นเหมาะสำหรับการขับรถในกรุงเทพ ที่ต้องเจอกับปัญหาของการจราจรที่ติดมากถึงมากที่สุดช่วง “เลิกงาน”  ไม่ว่าจะออกจากออฟฟิศแบบตรงเวลา หรือดึกดื่นก็ตาม  หากเจอเข้าไปมักพาลจะหลับให้ได้ แบบว่าไม่รู้จะติดไปถึงไหน?  เรื่องแบบนี้ไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอก

     งั้นมาดูกันครับว่าวิธีทำให้แก้ง่วงในการขับรถระยะทางใกล้ๆ มีอะไรบ้าง ลืมเรื่องการดื่มกาแฟไปได้เลย เพราะหากขับรถในระยะทางใกล้ๆ กาแฟมักไม่ใช่ทางออกที่ถูกเลือก

     

     1. กรี๊ดเสียงดังๆ ในรถ วิธีง่ายแสนง่ายที่เชื่อว่าสาวๆ หลายๆ คนมักทำกันเป็นประจำ
     2.เปิดกระจกให้ลมตีหน้าครับ... ชิลล์ๆ อาจจะช่วยได้ไม่มากเพราะอากาศในกรุงเทพมักไม่ค่อยอำนวย ไหนจะฝุ่นเอย กลิ่นเอย,  เสียงเอย แต่หากนึกอะไรไม่ออกแล้วก็ลองดูมันช่วยได้จริงๆ
     3.เปิดเพลงฟังแล้วต้องร้องตามดังๆ  อย่าฟังเฉยๆ เดี๋ยวจะเพลินจนหลับได้  ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์ๆ เครื่องเสียงดีๆ  เปิดให้ ช่วยได้เยอะครับ เสียงเบส ตึ๊บๆ  จังหวะเร็ว ๆ หัวใจเราจะเต้นเร็วตามช่วยพาเลือดไปเลี้ยงสมอง อันนี้ช่วยได้จริงครับ เคยทำตอนขับคนเดียว
     4.ซาดิสต์นิด... พกยาดมติดรถไว้บ้าง สูดมันเข้าไปยาวๆ ให้เต็มปอด คงพอช่วยได้ระดับหนึ่ง หากยังเอาไม่อยู่จัดเลยครับ ป้ายตาเบาๆ โดนหนักขนาดนี้ยังไงก็เอาอยู่
     5. ทำให้ปากขยับตลอดเวลา การขยับปากเป็นการทำให้สมองได้รับออกซิเจนมากขึ้น เพราะเค้าว่ากันว่าสาเหตุของความง่วงนอนนั้นมาจากการที่ สมองรับออกซิเจนน้อยนั้นเอง มี 2 ทางให้เลือกนั้นคือ หาขนมกระแทกปากเบาๆ หากคุณอยู่ในรถคนเดียว และหากคุณมีเพื่อนร่วมทางก็หาเรื่องเม้าท์มอยมาคุยกันชะ เรื่องเด็ดที่สุดหยิบมาเลยครับ เรื่องคนในออฟฟิต ตื่นเต้น เร้าใจ เพราะใกล้ตัวดี(เม้าท์มอยที่ไม่ใช่การนินทาให้เสียหายน่ะท่าน)

     

     อ่อ...มีอีกวิธีเค้าบอกว่าเด็ดจริงๆ นั้นคือหาพริกขี้หนูสวนติดรถไว้ ง่วงเมื่อไรหยิบขึ้นมาเคี้ยวเพลินๆ หายง่วงแน่นอน (ผมล้อเล่นนะครับ เคี้ยวแค่พอแหลก แล้วคายทิ้งครับ) หลังจากนั้นรสชาติความเผ็ดร้อนจะทำงานต่อไป ลองจิตนาการดูต่อเอาเองละกันเนอะ

     ถ้าสุดๆ แล้วไม่ต้องฝืน หาที่จอดงีบซัก 5-10 นาทีแล้วค่อยเดินทางต่อครับ เพราะคุณอาจหลับได้ แค่วูบเดียวก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุถึงขั้นสูญเสียชีวิตได้แล้ว แบบนี้ ต้องป้องกันไว้ดีกว่าแก้ครับ

ขอบคุณบทความและภาพจาก
http://auto.sanook.com/12469/