ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ขอยก พุทธภาษิต สำหรับ สัปดาห์แรกของการเข้าพรรษา  (อ่าน 10448 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7283
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
สุวิชา โน ภวํ โหติ ทุวิชาโน ปราภโว :

 ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ ผู้รู้ชั่วเป็นผู้เสื่อม

สุวิชา โน ภวํ โหติ สุวิชาโน ปราภโว :

ผู้เจริญก็รู้ง่าย ผู้เสื่อมก็รู้ง่าย

  สำหรับ วันนี้ขอยก พระพุทธภาษิต ของพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อมาสนทนากันในกระทู้ ของสัปดาห์ที่ 1 ในช่วงเข้าพรรษา วันนี้เห็นว่าเริ่มกันแบบเบา ๆ กันก่อนนะ ในเรื่องของความรู้

  ความรู้ เป็นสิ่งที่มนุษย์ ทุกคนแสวงหา ความรู้ สำหรับ มนุษย์ ก็คือความอยากรู้ ถ้าบุคคลใดเรียบเรียงบทและ
ทำให้เรื่องเดาไม่ออก ก็จะทำให้เรื่องนั้นมีรสชาติ เพราะความอยากรู้ ของคน ดังนั้น ความรู้ เมื่อรู้แล้ว ก็จะเป็นธรรมดา เพราะรู้แล้วก็เหมือนดูหนังจบ ทำให้ความรู้นั้น ไม่เป็นความรู้อีก ดังนั้นเรื่องใด ที่รู้แล้ว เรื่องนั้นก็ไม่ใช่
ความรู้อีก เพราะถือว่า รู้แล้ว ที่นี้ ความรู้ กับ วิชา นั้นเรายังมักใช้ปนเปกันอยู่ จึงคิดว่าความหมายนั้นคล้ายกัน หรือ เหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ความรู้ คือ สิื่งที่เกิดจากวิชา คือ การเรียนรู้ ศึกษา จะด้วยตนเอง หรือ ด้วยผู้อื่น และถูกบันทึกไว้ ไม่ว่าจะเป็นจากความทรงจำ ประสพการณ์ คำพูด ตำรา หนังสือ หรือ โดยสื่อต่าง ๆ อันนี้เรียกว่า วิชา

  ดังนั้น ความรู้ กับ วิชา เป็นสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกัน และ ความรู้ กับ วิชา จึงมี มากมาย สรุปแล้ว พระพุทธเจ้า พระองค์ทรงตรัสแสดงไว้ ในพระพุทธภาษิต นี้ไว้สองนัย ด้วยกัน คือ

   ประการที่ 1  สุวิชาโน การรู้ดี ผู้รู้ดี  รู้สิ่งที่มีสาระ เป็นแก่นสาร เป็นประโยชน์ แก่ชีิวิต พึ่งพาอาศัยความรู้นั้นได้ การรู้ดีนั้น หมายถึง การรู้ในสิ่งที่ดี และทำในสิ่งที่ดี

   ประการที่ 2  ทุวิชาโน การรู้ไม่ดี ผู้รู้ไม่ดี รู้ในสิ่งที่ไม่มีัสาระ ไม่เป็นแก่นสาร ไม่เป็นประโยชน์ แก่ชีิวิต และ พึ่งพาอาศัยไม่ได้ การรู้ชั่ว หมายถึง รู้ในสิ่งที่ไม่ดี และทำในสิ่งที่ไม่ดี

   ดังนั้น สำหรับปุถุชน คน กำลังภาวนาอย่างพวกเรานั้น การรู้ดี ย่อมเป็นการส่งเสริม ความเพียร เพรามั่นอยุ่ในกุศลธรรม เป็นธรรมเครื่องสนับสนุนพระนิพพาน

   สุวิชา กับ ญาณ เหมือนกันหรือไม่ ?

   ก็ตอบว่า ไม่ เพราะสุวิชา นั้นยังมีความหมายรวม ๆ อยู่ แต่ ญาณ มีความหมายเฉพาะเจาะจงลงไปที่ พระนิพพาน เป็นไปเพื่อ พระนิพพาน มีผล คือ พระนิพพาน

   ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการรู้แบบไหน ๆ จะตอบ ว่ายาก หรือ ง่าย พระพุทธพจน์ ก็แสดงให้เราเข้าใจแล้วว่า
ทั้งสองอย่างนั้นเสมอกัน  คือ ผู้เจริญก็รู้ง่าย ผู้เสือมก็รู้ง่าย

   ดังนั้นในตอนท้ายนี้ขอกล่าวอย่าง รวม ๆ ว่า การรู้ดี ควรรู้เรื่องอะไร สำหรับผู้ภาวนา

   ก็ขอตอบว่า ควรรู้เรื่อง ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และ มรรค เพราะรู้ สี่อย่างนี้เป็นการรู้ดี เป็นไปเพื่อ ญาณ นะจ๊ะ

  เจริญธรรม ยามเช้า

   ;)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 19, 2011, 09:15:00 am โดย arlogo »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7283
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ขอยก พุทธภาษิต สำหรับ สัปดาห์แรกของการเข้าพรรษา
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2011, 10:41:51 am »
0
น ชจฺจา วสโล โหติ

ใคร ๆ จะเป็นคนเลว เพราะชาติกำเนิด ก็หาไม่

น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ

ใคร ๆ จะเป็นคนประเสริฐ เพราะชาติกำเนิดก็หาไม่

กมฺมุนา วสโล โหติ

คนจะเลว ก็เพราะการกระทำ ความประพฤติ

กมฺมุนา โหติ พฺราหฺมโณ

คนจะประเสริฐ ก็เพราะการกระทำ ความประพฤติ

(พุทธพจน์)


ฝากไว้อีกบทนะจ๊ะ สำหรับ ธรรมะยามเช้าในวันนี้

 ;)


ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.bloggang.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 19, 2011, 10:45:27 am โดย arlogo »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

mitdee

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 67
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ขอยก พุทธภาษิต สำหรับ สัปดาห์แรกของการเข้าพรรษา
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2011, 12:02:14 pm »
0


คืออยากทราบว่ารูปเกี่ยว เนื่องอย่างไรกับ หัวข้อที่ตั้งไว้ ครับ

 :smiley_confused1:
บันทึกการเข้า