ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ศรัทธาเหนือเหตุผล ไม่เชื่อ...อย่ามโน  (อ่าน 2316 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29309
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ศรัทธาเหนือเหตุผล ไม่เชื่อ...อย่ามโน
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2015, 10:29:31 am »
0


ศรัทธาเหนือเหตุผล ไม่เชื่อ...อย่ามโน

“ศรัทธา”...ค้นคำแปลจากเว็บไซต์ LONGDO Dict ถ้าเป็นคำนามจะตรงกับคำว่า “faith”...หมายถึง ความศรัทธา ความเลื่อมใส ความเชื่อถือ

หากเป็นคำกริยา จะตรงกับคำว่า “believe in” หมายถึง...ถือ เชื่อถือ ยึดถือ หรือถ้าเป็นคำคุณศัพท์...ขยายคำนาม จะตรงกับคำว่า “faithful”... หมายถึง น่าเลื่อมใส ยกตัวอย่าง...“พระพุทธรูปเป็นประติมากรรมชนิดหนึ่งที่ศิลปะเข้าไปช่วยทำให้ผู้ดูรู้สึกว่ามีความงดงามน่านับถือ น่าศรัทธา”

แต่ถ้าเป็น “ความเลื่อมใสศรัทธา” ซึ่งเป็นคำนาม ตรงกับคำว่า “faithfulness” หมายถึง ความเลื่อมใส ความศรัทธา ความนับถือ ยกตัวอย่าง...“เขาถวายที่ดินให้วัดด้วยความเลื่อมใสศรัทธาเป็นจำนวน 20 ไร่”


 :96: :96: :96: :96:

“ศรัทธาในศาสนาพุทธ” วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี ระบุว่า หมายถึงความเชื่อ ความเชื่อที่ประกอบด้วยเหตุด้วยผล มี 4 อย่าง คือ

“กัมมสัทธา” เชื่อกรรม เชื่อกฎแห่งกรรม เชื่อว่ากรรมมีอยู่จริง คือ...เชื่อว่าเมื่อทำอะไรโดยมีเจตนาหรือจงใจทำทั้งรู้ ย่อมเป็นกรรม คือเป็นความชั่ว ความดีมีขึ้นในตน เป็นเหตุปัจจัยก่อให้เกิดผลดีผลร้ายสืบเนื่องต่อไป การกระทำไม่ว่างเปล่าและเชื่อว่าผลที่ต้องการจะสำเร็จได้ด้วยการกระทำ มิใช่ด้วยอ้อนวอนหรือนอนคอยโชค

ถัดมา “วิปากสัทธา” เชื่อวิบาก เชื่อผลของกรรม เชื่อว่าผลของกรรมมีจริง คือ เชื่อว่ากรรมที่ทำแล้วย่อมมีผลและผลต้องมีเหตุ ผลดีเกิดจากกรรมดี...ผลชั่วเกิดจากกรรมชั่ว

ศรัทธาที่สาม “กัมมัสสกตาสัทธา” เชื่อความที่สัตว์มีกรรมเป็นของตน เชื่อว่าแต่ละคนเป็นเจ้าของ จะต้องรับผิดชอบเสวยวิบาก เป็นไปตามกรรมของตน

“ตถาคตโพธิสัทธา” เชื่อความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า มั่นใจในองค์พระตถาคตว่าเป็นพระสัมมาสัมพุทธะ ทรงพระคุณทั้ง 9 ประการ ตรัสธรรม บัญญัติวินัยไว้ด้วยดี ทรงเป็นผู้นำทางที่แสดงให้เห็นว่ามนุษย์คือเราทุกคนนี้ หากฝึกตนด้วยดีก็สามารถเข้าถึงภูมิธรรมสูงสุดบริสุทธิ์ หลุดพ้นได้ ดังที่พระองค์ทรงบำเพ็ญไว้


 :96: :96: :96: :96:

สกู๊ปหน้า 1 ขอหยิบตัวอย่างกระทู้หนึ่งในเว็บไซต์ pantip.com แม้ว่าจะผ่านมานานหลายปีแล้วตั้งแต่ปลายปี 2552 แต่ก็สะท้อนให้เห็นมุมมองเกี่ยวกับ “ความศรัทธา” น่าสนใจ

ใครในประวัติศาสตร์? จบแค่ ป.4 แต่เกียรติคุณยาวที่สุดของไทย ศ.ดร.สุชาติ โกศลกิติวงศ์ เรียนแค่ ป.4 แต่ได้ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์หลายใบและตำแหน่งต่างๆอีกมากมายอย่างน่าอัศจรรย์ได้รับแต่งตั้งจาก 45 ประเทศ ให้เป็น “ทูตสันติภาพแห่งโลก” สร้างชื่อเสียงให้ประเทศอย่างมาก

ทำไม? ไม่มีนักประวัติศาสตร์กล่าวถึงเลย หรือคนไทยไม่ชอบคนที่เก่งเกินไป...ช่วยกันคิดหน่อยครับ

กระทู้นี้ โพสต์โดยผู้ที่ใช้นามว่า “คุณทนโท่” เมื่อวันที่ 11 ต.ค.52 เวลา 20.26 น.


 :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi:

ทัศนะไม่ใกล้ไม่ไกลบอกว่าคลับคล้ายคลับคลาว่าบุคคลผู้นี้เป็นผู้ก่อตั้ง “สำนักหุบผาสวรรค์” ผู้ใช้นามว่า “fortuneteller” สะท้อนมุมคิดและประสบการณ์ บอกว่า คิดๆแล้วก็ขี้เกียจเขียนไปแบบเจาะลึก เพราะจะต้องเปิดศึกน้ำลายกับผู้คนเป็นจำนวนมาก

พลางยกตัวอย่าง...เราศึกษาคำสอนของแต่ละศาสนา แต่ละลัทธิ แล้วอันไหนเราเห็นมีประโยชน์ เช่นช่วยให้เรารู้การแพทย์ทางเลือก รู้วิชากำลังภายใน เราก็ถือปฏิบัติ แต่อันไหนเราเห็นว่า...“มีคนไปเปลี่ยนแปลงคำสอนของศาสนา แล้วทำให้เราเสียสุขภาพ เราก็ไม่ถือปฏิบัติ”

“เคยแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาในห้องศาสนาแล้วก็โดนคนทุกศาสนารุมด่า เราก็ต้องค่อยๆไล่ดู...แล้วค่อยๆชี้แจงไป ผลก็คือไม่มีเวลาว่างเพื่อไปทำมาหากินเลย”

แต่...แล้วก็อดไม่ได้ “fortuneteller” สะท้อนมุมมองส่วนตัวเอาไว้ว่า จุดขายของเขาก็คือ “สร้างศรัทธา รวบรวมคนทุกศาสนามาทำบุญ โดยอ้างว่าเพื่อสันติภาพของโลก...ผลก็คือ ได้เงินบริจาคจำนวนมหาศาล แล้วก็เลยกลายเป็นเรื่อง...ภราดรภาพระหว่างศาสนาทั้งหมด”


 :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi:

ความโด่งดังที่เกิดขึ้น เพราะทำตัวเป็นคนถือศีลกินเจ และอ้างว่ามีอิทธิฤทธิ์เป็นร่างทรงที่มีวิญญาณของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี มาเข้าร่าง...พอบรรยายให้คนฟังทีแรกจะพูดเป็นสำเนียงจีน พูดๆไปจะเปลี่ยนเสียงไปเป็นเสียงพระแก่ๆ ซึ่งอ้างว่าเป็นเสียงพระพุฒาจารย์ โตฯสิงในร่าง

ยิ่งนานวัน...ความดังก็ยิ่งสะสม ส่งผลให้มีลูกศิษย์ลูกหาคนดังในแวดวงสังคมมากมาย ทั้งแวดวงสังคม นักธุรกิจ นักการเมือง

ยุคนั้นปกครองโดยเผด็จการทหาร... “กระแสสุชาติฟีเวอร์” ทำให้บรรดาบิ๊กๆเกรงว่า เขาจะผงาดขึ้นมาเป็นใหญ่ได้ในวันหน้า จึงต้อง “ตัดไฟแต่ต้นลม”

จนทำให้ต้องหนีไปอยู่ต่างแดน...หากจะตั้งข้อสังเกตกันตรงๆ ถ้าเขาเป็นของจริง เป็นนักบุญจริงๆ ระดับสร้างสันติภาพให้กับโลกได้ ตอนอยู่ต่างแดน ก็น่าที่จะตั้งสำนักใหม่ได้และมีลูกศิษย์ลูกหาอีกมากมายในต่างแดนได้ โดยที่ไม่ต้องกลับมาเมืองไทยอีกเลย

 ask1 ask1 ask1 ask1


หากแต่ที่ทำไม่ได้เป็นเพราะอะไร หรือ...ทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้น เป็นการเล่นกลทั้งเพ?”

คุณ “fortuneteller” ยอมรับว่ามีประสบการณ์ ความฝักใฝ่ส่วนตัวในเรื่องจิต วิญญาณ อภินิหาร แม้จะเชื่อว่าปาฏิหาริย์แท้จริงแล้วเป็นกลไกตามกฎเกณฑ์บางอย่างที่คนบางคนไม่รู้ กับกรณีนี้ทัศนะส่วนตัวเขามองว่า ไม่มีอิทธิฤทธิ์เหนือมนุษย์ แต่เป็นความเก่งทางการตลาดเท่านั้นเอง

“พูดให้แฟร์ๆหากไม่มีการตัดไฟแต่ต้นลม ปล่อยให้เดินหน้าต่อ ประเทศไทยก็จะดังมากๆจริงๆ ในเรื่องการเป็นศูนย์กลางของโลกเพื่อสร้างสันติภาพให้แก่โลก ด้วยแนวคิดภราดรภาพระหว่างศาสนาทั้งหมด... ซึ่งจริงๆแล้วเมืองไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางดึงดูดเงินบริจาคจากองค์กรต่างๆเสียมากกว่า”

 :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144:

มองอนาคตไปไกล...เหตุการณ์เลยเถิด “ศรัทธา” ที่คนไทยเป็นจำนวนมากมีต่อเขา ก็จะยิ่งทำให้เขากลายเป็นผู้นำไปตลอดกาล

วันเวลาผ่านไป ยุคหลังก็มีสำนักตั้งใหม่ขึ้นมาแถวๆห้วยขวาง ว่ากันว่าก็ทำเงินได้มหาศาล รูปแบบลักษณะก็คล้ายๆกัน มีเจ้าเข้าทรง ซึ่งอ้างว่าเป็นร่างทรงขององค์เทวาและองค์เทวี บางวันก็เป็นเจ้าจีนมาประทับในร่าง ใครอยากได้คำปรึกษาจากเทพเจ้าองค์ไหนก็ต้องดูตารางเวลา จะได้มาได้ถูกวัน

ผู้ที่มีทุกข์...จะมาซื้อตั๋วรอกันอยู่นับร้อยๆพันๆ พอถึงคิวแต่ละคนก็จะไปนั่งให้ร่างทรงคลำหัว แล้วร่างทรงก็จะเขียนบอกว่าองค์เทวาหรือองค์เทวีแนะนำให้ทำอย่างไร...


 ans1 ans1 ans1 ans1

ตามหลักความน่าจะเป็นก็คือ “0”...ไม่ได้ผล กับ “1”...ได้ผล

รายที่ไม่ได้ผลก็หายไป...แล้วไม่กลับมาอีก แต่ก็ไม่ได้บ่นว่าอะไร เพราะค่ายกครูแค่ไม่กี่ตังค์ (แต่ก็ทำให้สำนักรวยได้) แต่รายที่โดน...ได้ผล จะกลับมาถวายแก้วแหวนเงินทอง หรือแม้กระทั่งรถราคาแพงๆ หรือซื้ออสังหาริมทรัพย์ให้แก่สำนัก

ใคร...ใคร่ศรัทธาอะไรเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ แต่ “ศรัทธา” นั้นควรมี “ปัญญา” กำกับอยู่ด้วย.



ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.thairath.co.th/content/483407
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ