ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: จี้สำนักศิลปากรขึ้นทะเบียนโบราณสถานในวัด  (อ่าน 1134 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



จี้สำนักศิลปากรขึ้นทะเบียนโบราณสถานในวัด

“บวรเวท”กำชับสำนักศิลปากรทั่วประเทศ ดูกรณีวัดกัลยาณมิตร เป็นตัวอย่างในการดำเนินการกับวัดที่มีโบราณสถาน ยืนยันกรณีวัดกัลยาณมิตร ต้องจบก่อนเกษียณอายุราชการตุลาคมนี้


วันนี้ (26 มี.ค.) นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารกรมศิลปากร ว่า ตนได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบเกี่ยวกับกรณีกรมศิลปากร ได้แจ้งความดำเนินการกับผู้สั่งการและคนงาน ซึ่งทำลายโบราณสถานสำคัญภายในวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เขตธนบุรี กทม. ว่า ที่ผ่านมากรมศิลปากรได้ดำเนินการตามขั้นตอนด้านกฎหมายไปเรียบร้อยแล้ว และในระยะต่อไประหว่างที่รอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจขยายผลดำเนินการนั้น กรมศิลปากรจะพิจารณามาตรการด้านกฏหมายอื่นที่ศาลปกครองกลางได้แจ้งมาว่าให้กรมศิลปากรใช้มาตรา7 ทวิ กับมาตรา 10 ในการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย

อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวต่อไปว่า สำหรับความคืบหน้าการดำเนินคดีนั้นทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลไปยังเขตธนบุรีว่า ในกรณีที่ทางวัดได้ดำเนินการก่อสร้างต่างๆ ทางเขตได้รับทราบและดำเนินการนอกเหนือจากที่กรมศิลปากรได้ดำเนินการไปแล้วอะไรบ้าง ซึ่งเท่าที่ทราบทางเขตธนบุรีบอกกับตำรวจว่าไม่ได้รับแจ้งใดๆ และไม่ได้รับการติดต่อจากทางวัด เพราะถึงแม้ว่าวัดจะเป็นนิติบุคคลและสามารถก่อสร้างได้โดยไม่ต้องขออนุญาต แต่โดยหลักการต้องมีแบบ และแผนผังส่งไปให้ทางเขตดู เพราะเขตเป็นผู้ควบคุมสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ ส่วนบริษัทที่เข้ามาทำการรื้อทำลายโบราณสถานนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการซัดทอดหรือให้การไปว่าใครเป็นผู้จ้างวานมา เพียงแต่ได้รับการว่าจ้างจากทางวัดให้เข้าไปดำเนินการเท่านั้น

ทั้งนี้ คาดว่าก่อนสิ้นเดือนเมษายนน่าจะรู้ผลการดำเนินคดีที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามขณะนี้ตนยังไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้กับทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบ.ชน.)โดยตรง แต่ตามที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปประสานงานก็ทราบว่าทาง ผบ.ชน.เห็นด้วยกับกรมศิลปากร ที่จะให้ตำรวจดำเนินการและขยายผลว่า การทุบทำลายโบราณสถานเกี่ยวข้องกับใครบ้าง ส่วนกรณีที่มีพระสงฆ์และประชาชนจำนวนหนึ่ง ไปวางพวงหรีด ที่หน้ากรมศิลปากร นั้น เรื่องนี้ถือเป็นสิทธิที่จะแสดงออกได้ ขณะเดียวกันกรมศิลปากรก็ต้องทำตามหน้าที่ในการดำเนินการต่อไป มิฉะนั้นก็จะเป็นตัวอย่างแก่วัดอื่นๆได้


 :96: :96: :96: :96:

นายบวรเวท กล่าวด้วยว่า ตนได้แจ้งไปยังสำนักศิลปากรทั่วประเทศ ทั้ง 15 สำนัก ว่า ให้ดูกรณีวัดกัลยาณมิตร เป็นตัวอย่าง และเป็นแนวทางในการดำเนินการต่อไปกับวัดอื่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานทั่วประเทศ ว่า ควรมีขั้นตอนในการดำเนินการอย่างไร อย่าปล่อยให้คาราคาซังแบบนี้อีก ซึ่งแนวทางของกฎหมายที่กรมศิลปากรอยากให้ดำเนินการ คือ ขอให้สำนักศิลปากรดำเนินการให้ไปในมาตรฐานเดียวกันตั้งแต่เรื่องการประกาศขึ้นทะเบียน เพราะมักถูกแจ้งว่ายังไม่ได้ขึ้นทะเบียนแล้วมาดำเนินการ

ดังนั้น หากค้นพบแหล่งใหม่ๆ ที่จะขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานให้รีบแจ้งมาที่ตนได้ทันที โดยไม่ต้องรอขั้นตอน เพราะอำนาจในการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นอำนาจของอธิบดีกรมศิลปากรโดยตรง จะได้ตัดปัญหาการอ้างอิงว่าสิ่งใดขึ้นทะเบียน หรือ ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ซึ่งกรมศิลปากรจะทำให้ถูกต้อง โดยประกาศชื่อและที่ตั้งที่ถูกต้องชัดเจนว่าที่ใดเป็นโบราณสถาน โดยสำนักศิลปากรจะต้องอัพเดทข้อมูลตลอดเวลา เพราะที่ตั้งแต่ละเขต และอำเภอนั้น กระทรวงมหาดไทยจะเปลี่ยนแปลงทุก5 ปี ถ้าไม่ทำข้อมูลให้เป็นปัจจุบันอาจเกิดความคาดเคลื่อนกรณีไปแจ้งความดำเนินคดีได้.

“ ก่อนที่ผมจะหมดเวลารับราชการในเดือนตุลาคมนี้ คงจะต้องดำเนินการอีกบางประเด็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย คิดว่าจะทำให้เสร็จเรียบร้อย เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานและเป็นแนวทางต่อไป ไม่ใช่ปล่อยให้หายไป เหมือนคดีอื่นๆที่เงียบไป”นายบวรเวท กล่าว.

ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.dailynews.co.th/Content/education/310228/จี้สำนักศิลปากรขึ้นทะเบียนโบราณสถานในวัด
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ